ตอนที่ 360 นักศึกษาพวกนี้ยังเก่งไม่พอ!

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

ตอนที่ 360 นักศึกษาพวกนี้ยังเก่งไม่พอ! โดย Ink Stone_Fantasy

[666!]

[เทพลู่สุดยอด!]

[ฉันคิดว่าพอฉันขึ้นมหาลัย ฉันจะได้สัมผัสถ้วยรางวัลของเทพลู่บ้าง แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถ้วยรางวัลของเทพลู่คืออะไร(น้ำตา)(น้ำตา)]

[มันไม่สำคัญว่าคุณจะเข้าใจไหม อัจฉริยะที่ทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์ต่างจากคนธรรมดาที่ทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์…]

[ฉันกำลังโต้รุ่งอ่านวิทยานิพนธ์ทั้งคืน (น้ำตา)(น้ำตา)]

[แสร้งถ่อมตนให้มากกว่านี้ได้ไหม?]

[เทพลู่ โปรดสอนผมด้วย…]

[เทพลู่ คุณยังแก้วิทยานิพนธ์ให้คนอื่นอยู่ไหม?]

[…]

ชั่วข้ามคืน กล่องขาเข้าของลู่โจวก็มีการแจ้งเตือน 99+

ส่วนความคิดเห็นก็เดือดไม่มีหยุด

ลู่โจวนั่งทานอาหารเช้าอยู่ในภัตตาคารของโรงแรม ขณะที่เขาไถโทรศัพท์ดูข้อความของแฟนคลับ เขาก็รู้สึกว่าอาหารเช้าอร่อยยิ่งขึ้น

ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น

ลู่โจวรับสายและได้ยินเสียงของอาจารย์ใหญ่สวี่ดังขึ้นมา

“เป็นไงบ้าง มีหวังรางวัลโนเบลไหม?”

ลู่โจวแทบสำลักอาหาร

“ผมจะรู้ได้ไง?”

แม้แต่ไอน์สไตน์ก็ไม่ได้รับรางวัลโนเบลทันทีหลังอธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก

ยิ่งทฤษฎีมีความออริจินัลมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งใช้เวลาทดสอบความสำคัญและคุณค่ามากขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วไม่ใช่ทุกอย่างจะง่ายเท่า’การมีอยู่ของคลื่นแรงโน้มถ่วง’

อาจารย์ใหญ่สวี่ตระหนักว่าเขาถามคำถามไร้สาระมาก เขายิ้มแล้วกล่าว “เอ่อ…ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเคมี อย่างไรก็ตามศาสตราจารย์จากสาขาเคมีประเมินไว้สูงมาก พวกเขาบอกว่าทฤษฎีของคุณได้วางรากฐานให้เคมีเชิงคำนวณ นักวิชาการบางคนเห็นด้วยว่ามันไม่ได้พูดเกินจริงเลยที่จะบอกว่างานวิจัยของคุณสมควรได้รับรางวัลโนเบล”

นี่ไม่ได้พูดเกินจริงก็บ้าแล้ว

ลู่โจวตอบอย่างถ่อมตน “…นั่นมันมองในแง่ดีไปหน่อย”

“ฮ่าๆ มันไม่ได้มองในแง่ดีเลย ขอแสดงความยินดีกับรางวัลฮอฟแมนด้วย!” อาจารย์ใหญ่สวี่ยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น “อีกอย่างฉันมีเรื่องอยากถาม คุณคิดยังไงกับเคมีเชิงคำนวณ?”

ลู่โจวอึ้ง เขาครุ่นคิดอยู่หลายวิก่อนจะตอบ

“ผมคิดว่ามันเป็นสาขาที่ดี มันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการวิจัยของเราและช่วยลดค่าใช้จ่ายของการวิจัย ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณความก้าวหน้าในเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ผมคิดว่าเคมีจะเข้าไปอยู่ในทิศทางของฟิสิกส์ มันจะเปลี่ยนรูปแบบจากวิชาการทดลองบริสุทธิ์เป็นวิชาที่อิงการทดลอง ทฤษฎีและการคำนวณ”

อันที่จริง นี่ไม่ใช่แค่ความคิดของลู่โจว ศักยภาพของเคมีเชิงคำนวณถูกพูดถึงในพิธีมอบรางวัลโนเบลสาขาเคมีในปี 1998

แต่ตอนนี้ความคิดกลายเป็นจริงแล้ว จนถึงตอนนี้เคมีเชิงคำนวณยังไม่ได้รับความสนใจเลย

ลู่โจวรู้สึกอยู่เสมอว่าการที่เคมีเชิงคำนวณเฟื่องฟูขึ้น มันเป็นแค่เรื่องของเวลา

อาจารย์ใหญ่สวี่ยิ้มหลังได้ยินคำตอบของลู่โจว

“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”

อาจารย์ใหญ่สวี่อยู่สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ เขาเป็นนักวิชาการในกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และเขาก็มักจะให้ความสำคัญกับสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์มหาวิทยาลัยจินหลิงอยู่เสมอ

ตอนนี้ชุมชนเคมีเชิงทฤษฎีนานาชาติได้ยอมรับแบบจำลองเชิงทฤษฎีของลู่โจวแล้ว การถกเถียงในประเทศก็จบลงแล้ว โดยเฉพาะความสำเร็จของวัสดุ HCS-2 ได้ส่องแสงสู่อนาคตของเคมีเชิงคำนวณ นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่อาจารย์ใหญ่สวี่อยากพัฒนาสาขาเคมีเชิงคำนวณ

อันที่จริงมหาวิทยาลัยจินหลิงมีสถาบันวิจัยเคมีเชิงคำนวณและทฤษฎี อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่มันทำวิจัยเชิงทฤษฎีมากกว่า แถมยังขาดแคลนเครื่องมือเฉพาะทางอีก

อาจารย์ใหญ่สวี่หยุดอยู่ชั่วครู่ “เราวางแผนสร้างศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เคมีเชิงคำนวณใกล้วิทยาเขตมหาลัยจินหลิง คุณคิดว่าไง?”

ลู่โจวอึ้ง

“ผมว่าดีนะ…”

มหาลัยจินหลิงมีเงินมากขนาดนั้นเลยเหรอ?

ศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ไม่ใช่ถูกๆ

เมื่ออาจารย์ใหญ่สวี่ได้ยินคำตอบของลู่โจว เขาก็ยิ้ม “งั้น คุณช่วยเขียนจดหมายให้เราหน่อยได้ไหม?”

ลู่โจว “จดหมาย?”

อาจารย์ใหญ่สวี่ “ใช่ แค่พูดถึงศักยภาพในการประยุกต์ใช้เคมีเชิงคำนวณ…ท้ายที่สุดแล้วมหาลัยจินหลิงก็แบกรับค่าใช้จ่ายซูเปอร์คอมพิวเตอร์ไม่ไหว เราต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐ”

พอได้ยินแบบนั้น ลู่โจวก็เข้าใจทันที

สรุปคุณกำลังบอกให้ฉันช่วยเหรอ?

“โอ้ แค่นี้เหรอครับ? ตกลง” ลู่โจวกล่าว เขาไม่รู้ว่าเขาจะช่วยได้ไหม แต่เขาก็ยังตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ผมขอเวลาอาทิตย์หนึ่ง ผมจะเขียนจดหมายให้คุณ”

อาจารย์ใหญ่สวี่ยิ้ม “ขอบคุณมาก”

ถ้ามหาลัยจินหลิงสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์เคมีเชิงคำนวณ มันจะเป็นประโยชน์ต่อสถาบันวิจัยวัสดุเชิงคำนวณของลู่โจว เขาจะขอยืมอุปกรณ์ได้ง่าย

ดังนั้นลู่โจวช่วยมหาลัยจินหลิงมันก็เหมือนช่วยตนเองด้วยเช่นกัน

ลู่โจวทานอาหารเช้าเสร็จแล้วกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้อง

ที่งานเลี้ยงเมื่อวาน อธิการบดีเฮนดริก โอลเบอร์ทแห่งมหาวิทยาลัยฟรีดรีช-วิลเฮ็ล์มได้เชิญให้เขาไปบรรยายให้นักศึกษาที่มหาวิทยาลัยฟรีดรีช-วิลเฮล์ม

แม้อีกฝ่ายจะบอกว่ามันเป็นการบรรยายให้นักศึกษาปริญญาตรี แต่ก่อนการบรรยายจะเริ่ม ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยฟรีดรีช-วิลเฮล์มก็เดินเข้ามาที่ห้องบรรยายแล้วไปนั่งแถวหลังของห้อง

พวกเขาเป็นศาสตราจารย์วิศวกรรม ซึ่งมันต่างจากสาขาของลู่โจว พวกเขาไม่ได้คาดหวังที่จะเรียนรู้ทฤษฎีใหม่จากลู่โจว พวกเขาแค่อยากเรียนรู้การบรรยายของศาสตราจารย์พรินซ์ตัน

ด้วยเหตุนี้ศาสตราจารย์จึงเตรียมจดบันทึก

ลู่โจวมองดูห้องเรียนที่แออัดแล้วปรับไมโครโฟนที่โพเดียม เขาทำให้มั่นใจว่าทุกอย่างทำงานปกติก่อนจะดูนาฬิกาบนผนัง

มันถึงเวลาแล้ว เขากระแอมแล้วเริ่มพูด

นี่เป็นการบรรยายที่ไม่คาดฝัน ลู่โจวจึงไม่มีเวลาเตรียมตัวมากนัก อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา

การบรรยายเกี่ยวกับความรู้วิทยาศาสตร์ทั่วไป มันไม่ได้ลงลึกในสาขาเฉพาะทาง

การบรรยายเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องกันของฟิสิกส์ คณิตศาสตร์และเคมี นอกจากนี้เขายังพูดถึงปัญหาที่เขาพบในการวิจัยรวมถึงประสบการณ์วิจัยบางอย่างที่เขาได้รับ

เขาไม่ได้ใช้พาวเวอร์พอยนต์ด้วยซ้ำ ด้วยเพียงกระดานดำและชอล์ก ลู่โจวก็อธิบายความคิดของตัวเองได้อย่างเด่นชัด

อย่างไรก็ตาม ระหว่างความคิดกับความเป็นจริงมักแตกต่างกันเสมอ

ครึ่งชั่วโมงแรกยังไม่เป็นไร แต่พอเข้าครึ่งชั่วโมงหลัง ลู่โจวอยากทำให้ทฤษฎีของเขาน่าเชื่อถือและชัดเจนมากขึ้น เขาจึงเขียนสมการไม่กี่บรรทัดบนกระดานดำอย่างอดไม่ได้

หลังจากนั้นมันก็เหมือนคลื่นสึนามิ

ไม่นาน ทั่วทั้งกระดานดำก็เต็มไปด้วยสมการ

นักศึกษาที่นั่งอยู่ในห้องเคลิบเคลิ้มไปกับการบรรยายครึ่งแรก แต่พอถึงครึ่งหลัง พวกเขาสับสนงุนงง

“โดยรวมก็แบบนี้แหละ”

ลู่โจวโยนชอล์กไว้บนโพเดียมแล้วปัดฝุ่นออกจากแขน

“ผมบรรยายจบแล้ว พวกคุณเข้าใจทั้งหมดไหม?”

ทุกคนรวมไปถึงศาสตราจารย์ต่างก็มองเขาเงียบๆ ไม่มีใครกล้าพูดอะไร

รอยยิ้มของลู่โจวค่อยๆ หายไป

“…”

บัดซบ!

นักศึกษาพวกนี้ไม่เก่งพอ!

………………………………….