บทที่ 476 มาแล้ว

Mars เจ้าสงครามครองโลก

บทที่ 476 มาแล้ว
ขณะที่มองพ่อบ้านโจงเดินออกไป เย่เซิ่งเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นอะไร

การประชุมวิชาการทางการแพทย์แห่งเมืองโมตูเป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับตระกูลหลี่มาก แต่ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ กลับเกิดเรื่องกับหลี่เย็นหรานมีจุดประสงค์ที่ไม่สามารถเปิดเผยให้คนอื่นเห็นอยู่เบื้องหลังหรือไม่?

แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ เขาแค่ต้องการดูว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“หลี่เย็นหรานเป็นคนนิสัยไม่ดี หยาบคายและไร้เหตุผลเกินไป ดังนั้นตอนนี้ให้เธอทนทุกข์หน่อยก็ดี”

หวางซีส่ายศีรษะด้วยความจำใจ หวางซีเคยเห็นคนที่นิสัยเสียเหมือนหลี่เย็นหรานมาไม่น้อย

หากปราศจากการสนับสนุนจากตระกูล เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าคนเหล่านี้จะยืนหยัดอยู่ในสังคมได้อย่างไร

“เซิ่งเทียน คุณคิดว่าบริษัทหัวหยวนควรใช้โอกาสนี้เพื่อเปิดตัวโครงการผลิตภัณฑ์ยาดีไหม?”

เย่เซิ่งเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณสามารถทำในสิ่งที่คุณต้องการ เพราะอย่างไรเสียพวกเราก็ไม่ได้ขาดแคลนเส้นสายอยู่แล้ว”

หวางซีส่ายศีรษะและกล่าวว่า “เรื่องนี้ช่างมันเถอะ เพียงแค่โครงการเขตเศรษฐกิจใหม่เฉียนถังก็ทำให้ฉันยุ่งจนหัวปั่นแล้ว มันเหนื่อยเกินไป ค่อยว่ากันทีหลังเถอะ ควรจะคบหาสมาคมกับคนอื่นก่อน แล้วอาศัยความสัมพันธ์ของตระกูลหลี่เพื่อสร้างเส้นสายก่อน ของบางอย่างต้องอยู่ในมือของตนเอง ถึงจะเป็นของตนเองอย่างแท้จริง มิเช่นนั้นพวกเราก็ต้องพึ่งพาอาศัยคนอื่นเสมอ ซึ่งการถูกคนอื่นควบคุมนั้นมันเป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างแย่”

สำหรับทัศนคติของหวางซีแล้ว เย่เซิ่งเทียนยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร

ตอนนี้หวางซีเห็นของอะไรดี ก็ต้องการจะนำกลับไปที่บ้านของตนเอง ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับการขาดความรู้สึกปลอดภัยอย่างร้ายแรงของเธอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

โดยเฉพาะหลังผ่านปัญหาวุ่นวายของตระกูลหวางแล้ว เธอไม่เชื่อคนอื่นง่าย ๆ อีกต่อไปแล้ว เธอเชื่อเพียงว่าสิ่งที่อยู่ในมือของตนเองถึงจะเป็นของตนเอง

มีเพียงบ้านเล็ก ๆ ของตนเองเท่านั้น ถึงจะเป็นของตนเองจริง ๆ

“คนนั้นคือ เผยชุนชิวแพทย์อันดับหนึ่งของเจียงหนานใช่ไหม? นึกไม่ถึงว่าเขาก็มาด้วย”

“เปาเจิ้นบริษัทผลิตยาอันดับหนึ่งของห้ามณฑลในเจียงหนานก็มาด้วย”

“โก้วหวยแพทย์นักฝังเข็มอันดับหนึ่งของเจียงหนานก็มาด้วย”

“เจียงหมิงเฉิงกุมารแพทย์อันดับหนึ่งของเจียงหนานก็มาเหมือนกัน”

เห็นชื่อผู้มีอิทธิพลในวงการแพทย์บนหน้าจอขนาดใหญ่ ทำให้หวางซีอดไม่ได้จึงกล่าวว่า “คนที่มาล้วนเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงของห้ามณฑลในเจียงหนาน เป็นผู้มีอิทธิพลจริง ๆ แล้วพวกนั้นมาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใช่ไหม? ดูเหมือนว่าฉันจะเคยเห็นข้อมูลของพวกเขาบนอินเทอร์เน็ต เป็นแพทย์ที่เก่งมาก แต่ฉันจำชื่อไม่ได้แล้ว”

เย่เซิ่งเทียนเหลือบมองและกล่าวว่า “การประชุมวิชาการทางการแพทย์แห่งเมืองโมตูเป็นหนึ่งในสองงานกิจกรรมทางการแพทย์ที่สำคัญของต้าเซี่ย นอกจากคนพวกนี้แล้ว แพทย์คนอื่น ๆ ที่เก่งของต้าเซี่ยก็มาด้วย เพียงแต่คุณไม่รู้จักพวกเขาเท่านั้น”

“ยังมีใครอีกบ้าง? ไม่รู้ว่าแพทย์แผนปัจจุบันอย่างหัวเวิ่นยีจะมาด้วยหรือเปล่า?”

ดวงตาของหวางซีเต็มไปด้วยความอยากรู้

“หมอผีจั่วอู๋เต้า หมอกู่หวังหลิง หมอพิษหูชิงหนิว……”

เย่เซิ่งเทียนแนะนำทีละคน และขณะที่แนะนำเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ

แม้ว่าคนพวกนี้จะไม่ธรรมดา แต่เมื่อเทียบกับหัวเวิ่นยีแพทย์อัจฉริยะอันดับหนึ่งของต้าเซี่ยแล้ว ก็มีความแตกต่างกันมาก

เพราะต้าเซี่ยในช่วงสองร้อยปีมานี้ มีเพียงหัวเวิ่นยีคนเดียวเท่านั้นที่ถูกเรียกว่าเป็นนักปราชญ์แห่งการแพทย์ร่วมสมัย

แน่นอนว่าเย่เซิ่งเทียนไม่ได้ตั้งใจจะเปิดเผยเรื่องว่าหัวเวิ่นยีเป็นลูกศิษย์ของตนเอง

“พวกคุณเป็นใคร? ทำไมผมถึงไม่เคยเห็นพวกคุณมาก่อน มีการ์ดเชิญไหม?”

ขณะที่เย่เซิ่งเทียนกำลังแนะนำให้หวางซีรู้จักกับผู้มีอิทธิพลในวงการแพทย์ของต้าเซี่ย มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา จ้องเย่เซิ่งเทียนและหวางซีด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร

หวางซีอธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเรามาในนามของตระกูลหลี่ ฉันชื่อหวางซี ส่วนคนนี้ชื่อเย่เซิ่งเทียนสามีของฉัน เนื่องจากลุงโจงมีธุระก็เลยออกไปก่อน คุณวางใจเถอะ พวกเรามีการ์ดเชิญ เพราะถ้าไม่มีการ์ดเชิญพวกเราก็เข้ามาไม่ได้ใช่ไหม?”

“ฮ่า ๆ ปั้นน้ำเป็นตัวได้เก่งนี่ ผมรู้จักทุกคนในตระกูลหลี่ แล้วทำไมผมถึงไม่เคยเห็นพวกคุณล่ะ? ถ้าพ่อบ้านโจงออกไปก่อน เขาจะต้องมอบการ์ดเชิญให้พวกคุณแล้ว? พวกนักตุ้มตุ๋นมาจากไหน? กล้ามาหลอกลวงอยู่ที่นี่ เด็ก ๆ ตีขาของพวกมันให้หักแล้วโยนออกไป!”

ชายหนุ่มกล่าวด้วยความโหดเหี้ยม

เย่เซิ่งเทียนหรี่ตาลงเล็กน้อย ดูเหมือนว่ามีคนวางแผนสร้างสถานการณ์ให้หวางซี เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าเรื่องนี้พ่อบ้านโจงมีบทบาทอย่างไร