AST
“ข้าไม่มีเป้าหมายจริงๆ ข้าแค่ต้องการตรวจสอบมันเท่านั้น ” เจี้ยนเก้อ พูดและยิ้ม
ชิงสุ่ยยิ้มหลังได้ยินตำพูดของเธอหากเป็นตัวเธอในสมัยก่อน เธอจะไม่พูดคำเหล่านี้ออกมาอย่างแน่นอน ตอนนี้เธอได้เปลี่ยนไปแล้วหลังจากแก้ไขปัญหาในชีวิตของเธอลง และตอนนี้เธอก็ได้ตกลงเป็นผู้หญิงของเขาแล้วทำให้เธอผ่อนคลายอย่างมาก
ในตอนแรกเธอเป็นคนที่สงบนิ่งและมีกลิ่นอายที่ลึกลับนอกจากนี้คำพูดของเธอยังแฝงเอาไว้ซึ่งความเย็นชา ชิงสุ่ยสามารถยืนยัดได้ว่าตอนนี้เธอเปลี่ยนไปแล้ว
“ในตอนนี้ที่เราพบกับนายพลกุ้งเขาดูแข็งแกร่งอย่างมาก ข้าสงสัยจริงๆว่าเขากำลังเป็นใครกันแน่ เจ้าพอจะรู้มั้ย ชิงสุ่ยถาม
“ในทะเลเหนือ เขาถือว่าเป็นกลุ่มที่ทรงพลังอย่างมาก ข้าคิดว่าเขาคงเป็นหนึ่งใน พระราชวังมังกรอุดร หุบเขามังกรทะเลเหนือ ถ้ำมังกรทะเลเหนือและทะเลสาบมังกรทะเลเหนือ นี่ก็เป็นอีกเป็นสี่กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในทะทางเหนือ” เจี้ยนเก้อยิ้ม
เมื่อได้พังเช่นนี้เขาสามารถเดาได้ว่าพวกเขาคงเป็นหนึ่งในกลุ่มกำลังพวกนั้นอย่างแน่นอนแต่อย่างน้อยพวกเขาคงไม่ใช่คนของพระราชวังมังกรอุดรย่างแน่นอน
แม้ตอนนี้ชิงสุ่ยจะไม่รู้ว่าขุมอำนาจอื่นๆในตอนนี้จะแข็งแกร่งขนาดไหนแต่ชิงสุ่ยก็มีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของเขา ด้วยทักษะเสริมสร้างความแข็งแกร่งบรรพกาลของเขา ชิงสุ่ยมั่นใจว่าเขาสามารถเดินทางไปนั้นได้อย่างไม่มีปัญหา
ในตอนนี้ชิงุส่ยไม่ได้เกรงกลัวว่าจะมีใครมุ่งร้ายพระราชวังสุริยาแม้แต่พระราชวังมังกรอุดรที่แข็งแกร่ง ก็ยังต้องพ่ายแพ้ลงไป หากใครก็ตามที่กล้าแตะต้องพวกเขา ก็ต้องข้ามศพชิงสุ่ยไปก่อน
ในอีกหนึ่งเดือนต่อมาถึงเวลาที่พวกเขาจะออกเดินทางอีกครั้ง พวกเขาจะออกเดินทางในสามวันข้างหน้า อย่างไรก็ตามในตอนนี้ พระราชวังนั้นก็แข็งแกร่งขึ้นไม่มากนักจากก่อนหน้า แต่ความแข็งแกร่งของนายหญิงทั้งสาม นั้นแตกต่างออกไปอย่างมาก ตอนนี้พวกเธอแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนหน้านี้อ่างเห็นได้ชัด ด้วยความสามารถของชิงสุ่ย อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็ยังช่วยยกระดับผู้คนอื่นๆในพระราชวังสุริยา เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งพระราชวังสุริยาในฐานะผู้พิทักษ์ของพวกเขา
และในตอนนี้เองเขาก็ได้พบว่าเจี้ยนเก้อตั้งท้องโดยไม่คาดหมายเขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งภายในร่างกายของเธอ มันทำให้เขามีความสุขอย่างมาก
ตลอดทั้งเดือนชิงสุ่ยได้ใช้เวลาร่วมกับเธอตลอดดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยแปลกใจที่เธอตั้งครรภ์ในเวลานี้ ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ใช้เวลามากนัก แต่หลังจากมีเรื่องนี้เกิดขึ้นเขาต้องแบ่งเวลาให้เธอมากขึ้น และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่สามารถเร่งรีบได้ เขาต้องวางแผนเอาไว้ให้เธอและลูกของเขาในตอนนี้
ชิงสุ่ยรู้สึกดีที่จะมีลูกกับเจี้ยนเก้อจากก้นบึ้งของหัวใจนอกจากนี้เขาก็ยังต้องการมีลูกกับหลิงเหยียนอีกด้วย อย่างน้อยมันก็จะทำให้เธอหายเหงาได้
“ทำไมเจ้าไม่มีความสุขอย่างนั้นรึ” ชิงสุ่ยยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางที่นิ่งเฉยของเธอ
“ป่าวข้าเพียงแค่ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นในเวลานี้” เธอยิ้มและจ้องมองที่ชิงสุ่ย รอยยิ้มแห่งความรักและความสุขได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
“อันที่จริงข้าคิดว่ามันควรจะเกิดขึ้นนานแล้วนี่ก็หลายครั้งแล้วที่เราใช้เวลาร่วมกัน” ชิงสุ่ยออกมา เขารู้ดีว่ามันเป็นเรื่องยากอย่างมากสำหรับผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่ง เนื่องจากผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งส่วนมากจะมีอายุที่มากกันทั้งหมด มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะตั้งครรภ์ novel-lucky
นี่เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากอย่างามากมันจึงทำให้ผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่นิยมจะมีลูกตั้งแต่เด็ก ดังนั้นนี่นับได้ว่าเป็นโชคที่สวรรค์ประทานลงมาก็ไว้ได้
เธอยกมือขึ้นแล้วเคาะไปที่หัวของชิงสุ่ย“ เจ้าคนนิสัยไม่ดี เจ้านี่ไม่เคยพูดจริงจังเลย”
”หิหิว่าแต่เจ้าต้องการลูกชายหรือลูกสาว?” ชิงสุ่ยพูดพร้อมกับยิ้ม
”ข้าชอบหมด!ไม่ว่าชายหรือหญิงพวกเขาก็คือลูกของเรา” รอยยิ้มที่งดงามได้ปรากฏออกมา
“ข้าคิดว่าเราควรรีบไปมองข่าวดีนี้กับคนอื่นๆ”
แม้จะขึ้นชื่อว่า”งานเลี้ยง” แต่ก็มีพวกเขาเพียงสามคนเท่านั้นที่ร่วมฉลองในตอนนี้ โดยทีมีชิงสุ่ยเป็นคนทำอาหาร แม้ว่าพวกเธอจะขอช่วยเขาก็ตามแต่กลับโดนเขาปฏิเสธเอาไว้
หลังจากผ่านมาครึ่งทางเมื่อจิตใจของนายหญิงแห่งพระราชวังสุริยาก็ไม่สามารถนิ่งสงบได้ต่อไป เธอมองไปที่ชิงุ่สยและเจี้ยนเก้อที่มีความสุขอย่างมากในเวลานี้ ในความจริงทุกคนๆรู้สึกถึงความรักของเธอที่มีต่อชิงสุ่ย แต่มันก็ขึ้นอยู่กับเส้นทางของพวกเขา ไม่มีใครสามารถกำหนดมันได้
มันเป็นเรื่องยากที่จะเห็นคนที่ตัวเองรักอยู่ในอ้อมกอดคนอื่นซึ่งเธอก็เขาใจดี แต่ถึงอย่างเธอก็ไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวของเขา
“วันนี้เป็นวันที่ข้ามีความสุขอย่างมาก นี่ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีของเรา” ชิงสุ่ยยิ้ม
“เจี้ยนเก้อกำลังตั้งครรภ์อยู่ นี่เป็นเรื่องใหญ่อย่างมาก ข้าอยากรู้จริงๆว่าเขาจะเป็นชายหรือหญิง ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาต้องเป็นลูกบุญธรรมของข้า” นายหญิงแห่งพระราชวังสุริยากล่าวอย่างมีความสุข
“ข้าเห็นว่าท่านชอบเด็กๆทำไมท่านจึงไม่มีลูกเป็นของตัวเองในอนาคตกันละ? ” มู่หยุนชองเฉิงกล่าวอย่างขำขัน