บทที่ 1945+1946

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1945 ร่วมมือ 3

หากกู้ซีจิ่วต้องการฟื้นฟูพลังวิญญาณ ก็จำเป็นต้องทำลายกลไกนั้นให้ได้ก่อน

ทว่ากลไกนั้นเป็นตำแหน่งยุทธศาสตร์สำคัญของวังพฤกษา มีมนุษย์ครึ่งสัตว์คอยเฝ้าอยู่นับไม่ถ้วน ต่อให้เป็นคุณชายฝูอีก็ไม่อาจเข้าใกล้กลไกสำคัญนั้นได้…

คุณชายฝูอีบอกเล่ารายละเอียดทั้งหมด กู้ซีจิ่วขมวดคิ้วเล็กน้อย

เช่นนี้ก็ค่อนข้างยุ่งยากสักหน่อย ยามนี้วังพฤกษาถูกปิดตายแล้ว เข้าได้ทว่าออกไม่ได้ เธอไม่มีพลังวิญญาณจะฝืนฝ่าออกไปก็มีแต่จะถูกจับได้…

ส่วนฝูอีก็ต้องการล้วงลับข้อมูล ยังไม่อาจลงมือหักหน้ากันได้…

เธอมองฝูอีหัวจรดเท้า

“เจ้าอยู่ที่นี่เพียงลำพัง ช่างกล้าหาญไม่ใช่น้อย!”

สายตากู้ซีจิ่วแหลมคม มองออกว่าพลังยุทธ์ของคุณชายฝูอีท่านนี้ไม่ต่ำต้อย อยู่ขั้นจินเซียนแล้ว ทว่ามนุษย์ครึ่งสัตว์ทั้งโพรงไม้นี้บรรลุขั้นเสินจวินไปแล้วไม่น้อย วรยุทธ์ของเจ้าวังน้อยท่านนั้นก็ใกล้จะบรรลุขั้นจินเซียนแล้ว

ภายในวังพฤกษานี้เรียกได้ว่าเป็นแหล่งเสือหมอบมังกรซ่อน เป็นฝูงหมาป่าที่หิวโซ

เมื่อใดที่ตัวตนของเขาถูกเปิดเผย เกรงว่าเขาจะเป็นพยัคฆ์ร้ายที่ต้านทานฝูงหมาป่าไว้ไม่ไหว ไม่มีโอกาสที่จะชนะ…

คุณชายฝูอีย่อมเข้าใจความหมายที่กู้ซีจิ่วพูดเช่นนี้ เขายิ้มอย่างสบายใจ

“ไม่เข้าถ้ำเสือ ใยจะได้ลูกเสือ!”

เอาเถิด เด็กหนุ่มคนนี้เป็นลูกวัวที่ไม่กลัวเสือ มีจิตใจกล้าบุกน้ำลุยไฟเป็นอย่างยิ่ง!

กู้ซีจิ่วหลุบตาลงครุ่นคิดแผนการ จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตูแว่วดัง

“คุณชายฝูอี เจ้าวังน้อยบ้านข้าขอเรียนเชิญ”

คุณชายฝูอีมองไปทางกู้ซีจิ่ว

“ดูคล้ายนางต้องการล่อเสือออกจากถ้ำ ยังคงคิดจะเข้ามาตรวจสอบสักหน่อย”

คิ้วของกู้ซีจิ่วพลันกระตุก เอ่ยขึ้นหลังจากหลบไปซ่อนตัวหลังม่านเตียง

“เจ้าให้เขาเข้ามา ข้ามีวิธี”

ดังนั้น คุณชายฝูอีจึงเรียกคนผู้นั้นเข้ามา…

ผ่านไปหนึ่งนาที คนผู้นั้นถูกกู้ซีจิ่วโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวลงไปกองที่พื้น

กู้ซีจิ่วจัดการถอดเสื้อผ้าบนร่างกายคนผู้นั้น

คุณชายฝูอีขมวดคิ้ว คว้ามือนางไว้

“เจ้าทำอะไร?”

“ปลอมตัวเป็นเขา! ข้าจะออกไปอีกครั้ง”

คุณชายฝูอีมองนางแวบหนึ่งนัยน์ตาฉายความคิดลึกล้ำ

“ข้าทำเอง”

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง คุณชายฝูอีกำลังมอง ‘มนุษย์ครึ่งสัตว์’ เบื้องหน้า

“วิชาแปลงโฉมของเจ้านี่เลิศล้ำยิ่งนัก!”

‘มนุษย์ครึ่งสัตว์’ ผู้นี้ย่อมเป็นกู้ซีจิ่วที่ปลอมตัว ไม่แตกต่างจากมนุษย์ครึ่งสัตว์คนนั้นแม้แต่น้อย ที่โชคดีก็คือมนุษย์ครึ่งสัตว์คนนี้มีรูปร่างเล็ก ค่อนข้างคล้ายกันกับกู้ซีจิ่ว

กู้ซีจิ่วใช้ผงสลายกระดูกทำให้ซากศพของมนุษย์ครึ่งสัตว์นั้นหายไป ไม่มีร่องรอยหลงเหลือไว้แม้แต่น้อย

คุณชายฝูอีกอดอกมองนางยุ่งง่วน แม่นางน้อยลงมือได้อย่างชำนาญและเหี้ยมโหดเหนือธรรมดา นางมาจากที่ใดกันแน่? ไม่เหมือนแม่นางน้อยไร้เดียงสาอายุสิบสองสิบสามปีแม้แต่น้อย

ทั้งสองคนออกมาพร้อมกัน เดินตามกันหน้าหลัง กู้ซีจิ่วทำตัวเป็นผู้นำทาง รูปแบบพฤติกรรมไม่แตกต่างจากมนุษย์ครึ่งสัตว์ที่นางซัดคว่ำไปเลยแม้แต่น้อย ขนาดลำคอที่คล้ายเป็ดนั้นก็ยังทำได้เหมือนทุกกระเบียดนิ้ว!

คุณชายฝูอีชื่นชมอย่างตื่นตะลึง

มนุษย์ครึ่งสัตว์ที่กู้ซีจิ่วปลอมตัวเป็นได้แค่คนนำทาง ไม่มีสิทธิ์เข้าไปในห้องของเจ้าวังน้อย ดังนั้นหลังจากกู้ซีจิ่วส่งคุณชายฝูอีถึงหน้าประตูก็หันกายเดินจากไป

ก่อนจากไปกู้ซีจิ่วส่งกระแสเสียงหาเขาหนึ่งประโยค

‘ข้าจะไปตามหากลไกสำคัญนั่น ทำลายมันให้สิ้นซาก!”

คุณชายฝูอีชะงักงัน ยังไม่ทันได้พูดจาอันใด นางก็หันกายวิ่งไปแล้ว

การวิ่งก็ยังเหมือนกับมนุษย์ครึ่งสัตว์ กระโดกกระเดกไปมา

แม่นางน้อยช่างเป็นอัจฉริยะ!

คุณชายฝูอีหยุดนิ่งหน้าประตูครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เดินเข้าไปในตำหนักของเจ้าวังน้อย

“นี่ คนข้างหน้าน่ะ หยุดก่อน!”

กู้ซีจิ่วเดินลดเลี้ยวไปมาบนเส้นทางหลายสาย ถูกคนตะโกนหยุดยั้งบริเวณปากทางแห่งหนึ่ง

คุณชายฝูอีบอกเส้นทางไปที่นั่นกับเธอแล้ว

————————————————————————————-

บทที่ 1946 ร่วมมือ 4

คุณชายฝูอีบอกเส้นทางไปที่นั่นกับเธอแล้ว อีกทั้งยังวาดภาพร่างให้เธออีก ด้วยความสามารถในการจำเส้นทางของเธอ คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะตามหากลไกสำคัญนั้นให้พบ

ในความเป็นจริงเธอไม่ได้ไปผิดทาง นึกไม่ถึงว่าจะถูกเรียกให้หยุดเมื่อเข้าใกล้กลไกสำคัญนั้น

เธอหันหลังกลับยิ้มเจื่อนไปทางมนุษย์ครึ่งสัตว์ทั้งสี่ที่สาวเท้าก้าวเข้ามา

“อยู่ส่วนไหน?”

หัวหน้าผู้นั้นร่างสูงสง่าปานหอไอเฟล ซุ่มเสียงที่ตะโกนถามดังสายฟ้าฟาด

กู้ซีจิ่วให้คุณชายฝูอีสอบถามตัวตนของอีกฝ่ายอย่างชัดเจนก่อนจะจัดการกับแพะรับบาปผู้นี้แล้ว ยามนี้เธอจึงตอบคำถามได้อย่างคล่องแคล่ว บอกตัวตนของแพะรับบาปผู้นี้ อีกทั้งยังหยิบป้ายห้อยเอวของตัวเองออกมา

คนผู้นั้นตรวจสอบป้ายห้อยเอวของเธอ เมื่อยืนยันว่าถูกต้องแล้วก็ใช้อุ้งเท้าหมีตบบ่าของเธอ

“ข้างหน้าเป็นเขตหวงห้าม ผู้ใดก็ไม่อาจเข้าใกล้ ในเมื่อเจ้าเป็นผู้ถ่ายทอดคำสั่งของเจ้านายก็ควรจะอยู่ในค่าย เดินไปไหนมาไหนมั่วซั่วด้วยเหตุใด?”

กู้ซีจิ่วยิ้มเจื่อน

“ใช่ ใช่แล้ว เมื่อสักครู่ข้าติดตามค้นหาผู้บุกรุก จึงหลงทางไปชั่วขณะ”

“โง่เง่า! แค่นี้ก็หลงทาง! เหล่าฝู เจ้าส่งเขากลับไป”

คนผู้นั้นสั่งการมนุษย์ครึ่งสัตว์ข้างกาย

ดังนั้น กู้ซีจิ่วจึงถูกส่งกลับไปตามทางเดิมอีกครั้ง

ระหว่างทางกลับ กู้ซีจิ่วพูดคุยกับมนุษย์ครึ่งสัตว์ผู้นั้น

มนุษย์ครึ่งสัตว์ผู้นั้นเป็นคนช่างพูด บวกกับศิลปะการพูดของกู้ซีจิ่ว ดีกว่าสำบัดสำนวนตำรวจอาชญากรรมในการสอบสวนคำรับสารภาพถึงสามส่วน หลอกล่อให้คนพูดใจความสำคัญ และในเวลาไม่ถึงกึ่งเค่อ เธอก็ล้วงเอาสิ่งที่มนุษย์ครึ่งสัตว์คนนั้นรู้ออกมาได้หมด

เช่นนั้นแล้วเธอยังต้องเกรงใจอะไรอยู่อีก?

เธอมองหามุมอับที่ไร้ซึ่งผู้คน ใช้เข็มพิษลอบทำร้ายมนุษย์ครึ่งสัตว์ที่ชื่อเหล่าฝูผู้นั้น ก่อนจะแปลงโฉมเป็นอีกฝ่าย…

มนุษย์ครึ่งสัตว์ผู้นี้เป็นมนุษย์หมาป่า หลังจากกู้ซีจิ่วปลอมตัวเป็นเขาก็เริ่มสาวเท้าก้าวเดินอาดๆ กลับไปอีกครั้งหนึ่ง

“เหล่าฝู กลับมาเร็วเชียว? เจ้าคนน่าสงสารผู้นั้นกลับไปแล้วใช่หรือไม่?”

หัวหน้าร่างสูงสง่าเอ่ยถามเธอ

กู้ซีจิ่วตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอู้อี้

“กลับไปแล้ว เขาเลี้ยวไปได้ไม่กี่โค้งก็จำทางได้แล้ว”

เธอตอบได้อย่างไม่มีติดขัด หัวหน้าผู้นั้นไม่ได้นึกสงสัยอะไร

มนุษย์ครึ่งสัตว์กลุ่มนี้คือผู้อารักขากลไกสำคัญนั้น โดยปกตินอกจากเจ้าวังน้อยท่านนั้น คนอื่นไม่มีทางเข้าใกล้ได้อย่างไม่มีข้อยกเว้น

ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ได้เห็นสิ่งที่เรียกว่ากลไกหินผลึกนั่นแล้ว

นั่นคือเนินเขาลูกหนึ่งที่สร้างจากหินนิล บนยอดเนินเขามีมังกรดำที่สลักจากหินนิลขดตัวอยู่ หนวดหางครบสมบูรณ์ แกะสลักได้เหมือนจริงราวกับมีชีวิต

ส่วนตาของมังกรดำเบิกกว้าง สลักจากหินผลึกสีแดงชาด ลำแสงสีแดงส่องสว่างประกอบกับแสงสะท้อนของหินนิล ทำให้รู้สึกลึกลับน่าสยดสยองยิ่งนัก

กู้ซีจิ่วเคยได้ยินเหล่าฝูผู้นั้นบอกเล่า ในเวลาปกติดวงตาของมังกรดำจะปิดสนิท เมื่อใดที่เปิดใช้งานกลไก ดวงตานี้ถึงจะเบิกกว้างขึ้น

หรือก็คือหินผลึกสีชาดนี้คือกลไกสำคัญ!

กู้ซีจิ่วเพ่งพิศภูเขาหินนิลนั้นอย่างเงียบงัน เธอดูออกว่าความจริงแล้วนี่เป็นกลไกที่ร้ายกาจมากกลไกหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอที่จะทำลายกลไกนี้ อีกทั้งเธอยังทำให้กลไกหินผลึกนี้ปิดตัวลงได้อย่างง่ายดาย

ทว่าเมื่อใดที่เธอลงมือจะต้องถูกจับได้เป็นแน่ กลไกก็จะเปิดใช้งานใหม่อีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น สิ่งที่เธอต้องทำก็คือทำลายกลไกนี้ให้สิ้นซาก!

กู้ซีจิ่วเริ่มคิดคำนวณหากลงมือในตอนนี้จะมีโอกาสสำเร็จได้มากน้อยเพียงใด…

“เหล่าฝู เจ้าเอาแต่จ้องมองหินผลึกนั้นทำไม? เจ้านี่ประสาทไปแล้วหรือไง?”

หัวหน้าท่านนั้นรู้สึกขัดหูขัดตา เดินไปข้างกายนางแล้วตบบ่าเล็กน้อย

กู้ซีจิ่วแสยะยิ้ม

“หัวหน้า ท่านแรงเยอะเกินไปแล้ว”

หัวหน้าผู้นั้นหัวเราะร่า

“เจ้านี่บอบบางขึ้นมาอย่างกับกระดาษอัด เอาล่ะ เจ้าอย่าเอาแต่จ้องสิ่งนั้นเลย มันจะทำให้เจ้าเกิดภาพลวงตา”

——————————–