บทที่ 1139 พลังปฏิหาริย์ของเฮยทั่น

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

บทที่ 1139 พลังปฏิหาริย์ของเฮยทั่น โดย Ink Stone_Fantasy

ในหัวของท่านขุนนางเหมียวปรากฏภาพทที่ยอดเยี่ยม ทำสีหน้าค่อนข้างอัศจรรย์ใจ!

จีเหม่ยลี่รู้สึกได้ว่าร่างที่อยู่ข้างหลังนางสั่นเล็กน้อย มือที่ลูบไล้อยู่บนหน้าอกนางปล่อยออกอย่างช้าๆ ตัวคนก็ออกนางแล้วเช่นกัน

นางหันตัวมาจ้องมองเขา พลางกล่าวเสียงเรียบว่า “สงสัยเจ้าจะกลัวแล้ว”

ไม่ใช่ว่ากลัว แต่รู้สึกตัวสั่นทั้งๆ ที่ไม่ได้หนาว!เหมียวอี้พึมพำในใจ แล้วกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “ท่องแดนฝึกตนมาหลายปีขนาดนี้ นับว่าพบเจอการขู่คุกคามต่างๆ มาก็ไม่น้อย การขู่แบบเจ้าข้าเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก ข้าบอกได้แค่ว่าข้ายอมเจ้าแล้ว!”

จีเหม่ยลี่กล่าวว่า “ไม่ใช่การขู่ ทำไมข้าถึงแต่งงานกับเจ้า เจ้าเองก็รู้อยู่แก่ใจ เจ้าวางใจได้ ข้าไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น ในเมื่อข้าแต่งงานกับเจ้าแล้ว กำหนดฐานะไว้แล้ว ข้าก็จะไม่คิดอย่างอื่น อยู่ก็เป็นคนของเจ้า ตายก็เป็นผีของเจ้า การเรียกร้องต่างๆ ล้วนอยู่ในการตัดสินใจของเจ้า เจ้าอยากจะครอบครองข้าเมื่อไรก็ได้ ข้าแค่อยากจะฉวยโอกาสตอนที่เจ้ายังสนใจข้าสร้างมูลค่าให้กับสิ่งที่ตัวเองต้องจ่ายไปสักหน่อย ถ้ารอให้เจ้าเล่นข้าจนเบื่อหน่ายแล้ว ข้ากลัวว่าจะกลายเป็นสิ่งที่วางประดับไว้ตรงหน้าเจ้าเท่านั้น ถ้าเอ่ยปากตอนนั้นเจ้าก็จะไม่สนใจใยดีข้าแล้ว”

เหมียวอี้ส่ายหน้า “แต่สำหรับข้าเรียกว่าหาเรื่องใส่ตัว แต่งงานรับเข้ามาสี่คนในรวดเดียว ผลก็คือต้องบูชาแต่ละคนอย่างกับเป็นบรรพบุรุษ”

จีเหม่ยลี่เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็แก้มัดผ้าคาดเอว ถอดชุดกระโปรงตัวนอกออกต่อหน้าต่อหน้าเหมียวอี้ ใส่เพียงชุดชั้นในหันตัวเข้ามา แผ่นหลังขาวดุจหยกที่อยู่ด้านหลังเสื้อชั้นในเปิดเผยออกมาหมดอย่างไม่ต้องสงสัย ต้นขายาวเท้าเปลือยที่มีเอกลักษณ์เหยียบลงในน้ำทะเล สะโพกงอนสะบัดผมยาววักน้ำ เรือนร่างโค้งเว้าที่อยู่ภายใต้แสงแดดยอดเยี่ยมจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ ความขาวดุจหิมะที่เผยออกมาครึ่งหนึ่งด้านข้างเสื้อชั้นในทำให้เหมียวอี้คอแห้งด้วยความกระหาย

“นี่เจ้ากำลังใช้ความสวยยั่วยวนข้า!” เหมียวอี้กล่าวอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

จีเหม่ยลี่ที่สะบัดผมยาวไปไว้ข้างหัวไหล่จนน้ำกระเด็นอีกครั้งหันกลับมาถาม “เจ้าอยากจะดึงข้าไปเล่นน้ำทะเลไม่ใช่เหรอ?”

เหมียวอี้กระเหี้ยนกระหือรือ เขายังไม่เคยลิ้มลองรสชาติของนักพรตปีศาจมาก่อน ทั้งยังเป็นปีศาจสาวงามขาเรียวยาวที่หาพบได้ยากอีกด้วย ต้นขาที่ขาวดุจหิมะคู่นั้นเรียวยาวจริงๆ! แต่ถ้าจะให้ตนบอกถึงที่มาของเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เห็นได้ชัดว่าจีเหม่ยลี่อยากจะพิจารณาสักหน่อยว่าตัวเองจะช่วยตระกูลจีค้นหาเบาะแสอะไรเกี่ยวกับมหาเคล็ดวิชาหมื่นปีศาจได้รึเปล่า

บังเอิญว่าตอนนี้ในกำไลเก็บสมบัติมีระฆังดาราสั่นไหวพอดี เป็นข้อความจากเจ้าสำนักอวี้หลิง บอกว่าเยียนเป่ยหงพาหงซิ่ว หงฝูออกไปแล้ว!

เหมียวอี้รีบหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อกับเยียนเป่ยหง : พี่ใหญ่เยียน ท่านไปที่ไหนแล้ว?

เยียนเป่ยหง : พิภพใหญ่กว้างใหญ่ขนาดนี้ ถ้าไม่ออกไปเผชิญโลกกว้างสักหน่อย จะไม่ถือว่ามาเสียเที่ยวหรอกเหรอ? น้องชายไม่ต้องคิดถึงข้า ความเป็นความตายขึ้นอยู่กับโชคชะตา หวังว่าครั้งหน้าคงได้เจอกัน!

ตอนหลังเหมียวอี้จะเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ เยียนเป่ยหงไม่ได้คิดจะมาขอพึ่งพาทำงานใต้บังคับบัญชาเขา บอกเพียงว่าถ้ามีเรื่องที่จำเป็นต้องให้เขาช่วยจริงๆ  ก็จะบอก ถ้าเปลี่ยนมาอยู่ในความสัมพันธ์แบบเจ้านายลูกน้อง ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องก็จะไม่มีความหมาย จะทำลายความสัมพันธ์กันได้ง่าย

เหมียวอี้ที่เก็บระฆังดาราเงียบๆ ค่อนข้างกลัดกลุ้ม ห้าปราชญ์เป็นแบบนี้ เยียนเป่ยหงก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่ลคนล้วนมีปณิธานอันยิ่งใหญ่ กลับทำให้คนที่หากินอยู่ในระบบของตำหนักสวรรค์อย่างเขาดูเหมือนไร้ความทะเยอทะยาน

ชั่วขณะนั้น เขาหมดความสนใจต่อเหม่ยลี่ที่ตัวเปียกยั่วยวนอยู่ในน้ำทะเลแล้ว กลับมานั่งขัดสมาธิข้างกายเฮยทั่นอย่างเหม่อลอย

จีเหม่ยลี่ทำท่าทางยั่วยวนอย่างเก้ๆ กังๆ พอเห็นสถานการณ์แบบนี้ ก็ทำได้เพียงสวมใส่ชุดกระโปรงใหม่อีกครั้ง เดินไปนั่งกอดเข่าข้างกายเขา แล้วกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “เจ้าสามารถหาเหตุผลอะไรมาหลอกลวงข้าได้ตามสบายเลย” นางจะสื่อว่าทำไมเจ้าไม่ยอมหลอกข้า

“อนุภรรยาในบ้านตัวเอง ยังต้องหลอกด้วยเหรอ มีความหมายอะไรเหรอ?” เหมียวอี้ถอนหายใจ แล้วยื่นมือไปตบต้นข้านางเบาๆ หลังจากบอกใบ้ให้เหยียดขาแล้ว เขาก็เอนกายนอนหนุนต้นขานาง ดมกลิ่นกายหอมของนาง หลับตานอนงีบ

ตอนแรกจีเหม่ยลี่ยังไม่ค่อยคุ้นชิน เมื่อเห็นเขาไม่ทำอะไรอย่างอื่นที่เกินเลย ถึงได้จ้องเขาครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เหมือนเจ้าจะอารมณ์ไม่ดีนะ”

เหมียวอี้ที่กำลังหลับตายื่นมือไปลูบคลำใบหน้านาง ทั้งสองสงบลงแล้ว…

ชัวพริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วหนึ่งปี ในหนึ่งปีนี้ทั้งสองเรียกได้ว่าแทบจะไม่ห่างกันแม้แต่ก้าวเดียว อยู่ด้วยกันทั้งกลางวันทั้งกลางคืน นอกจากจะโอบกอดจีเหม่ยลี่นิดๆ หน่อยๆ เหมียวอี้ก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่น ไม่ได้บังคับให้นางทำเรื่องที่อะไรที่ออกนอกกรอบ ทั้งสองคุ้นเคยกันมากขึ้น มองว่าการโอบกอดจากเขาเป็นเรื่องปกติไปแล้ว คุ้นชินกับการปรนนิบัติดูแลเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของเขาเช่นกัน เริ่มจะมีการวางตัวอย่างที่สามีภรรยาควรจะมีขึ้นมาบ้างแล้ว

การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวผ่านวันเวลาที่ล่วงเลยไป

ในวันหนึ่งหลังจากผ่านไปหนึ่งปี เฮยทั่นอยู่ตรงกลาง สองคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ทางซ้ายและขวาพลันลืมตาขึ้น เอียงหน้ามองเฮยทั่นที่นอนอยู่บนพื้นพร้อมกัน

เห็นเพียงหางที่วางตกนิ่งๆ อยู่บนพื้นของเฮยทั่นพลันกระดกขึ้นมา กวัดแกว่งตีอยู่บนหาดทรายสองสามครั้ง จังหวะการหายใจเกิดความเปลี่ยนแปลง ดวงตาใหญ่สองข้างลืมขึ้นช้าๆ มันเงยหน้าขึ้นมาและพลิกตัวอย่างกะทันหัน ในที่สุดก็ยืนขึ้นสั่นหัวส่ายหาง

หลังจากทำท่าเหมือนบิดขี้เกียจเสร็จ มันก็เหลือบมองเหมียวอี้ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ แล้วก้มหัวแลบลิ้นใหญ่อ้วนเลียใบหน้าของเขา

ลิ้นที่เหนียวลื่น สกปรกจะตายไป เหมียวอี้ไม่คิดว่าจำเป็นต้องใกล้ชิดสนิทสนมกับมันขนาดนี้ จึงยื่นมือไปช้อนคางมันไว้ ผลักหัวมันออกไป จากนั้นก็ยืนขึ้นเอามือไขว้หลัง “โจรอ้วน เจ้านี่มันใช้ได้เลย! ก่อนหน้านี้บังอาจลงมือกับข้า!”

ข้าทำเหรอ? เฮยทั่นเอียงหัว ในดวงตาฉายแววสงสัย เหมือนจำไม่ได้แล้ว ขี้เกียจจะคิดตาม ในท้องมีเสียงโครกครากดังเหมือนฟ้าร้อง เหยียดขาทั้งสี่กระโดดขึ้นฟ้า สะบัดตัวเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางแยกเขี้ยวยิงฟันส่งเสียงดัง ดำลงในมหาสมุทรอีกครั้ง

เหมียวอี้กับจีเหม่ยลี่ทอดสายตามอง

ผ่านไปครู่เดียว เฮยทั่นก็โผล่หัวออกมาที่ผิวทะเลอีกครั้ง ในปากคาบปลาตัวใหญ่ ว่ายน้ำท่ากรรเชียงพลางกินปลาอย่างออกรสออกชาติ เพิ่งตื่นขึ้นมา จึงค่อนข้างเจริญอาหารอย่างเห็นได้ชัด พอกินหมดตัวหนึ่ง ก็มุดดำลงไปในทะเลอีก จับปลาอีกตัวลอยขึ้นมากัดกินอย่างบ้าคลั่งอยู่ที่ผิวน้ำ

หลังจากกินปลาหมดไปหลายสิบตัว มันถึงได้หยุดทำแบบนั้น เปลี่ยนไปเล่นน้ำโต้คลื่นแทน

เหมียวอี้ทอดสายตามองอยู่ไกลๆ พลันกล่าวว่า “ที่แท้ ‘หลีหลง’ ก็หน้าตาเป็นอย่างนี้นี่เอง”

ที่เรียกว่า ‘หลีหลง’ ความหมายตามชื่อก็คือยังห่างไกลจากมังกร เป็นหนึ่งในชื่อเรียกหลังจากอาชามังกรวิวัฒนาการแล้ว ทีแรกเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน เพิ่งมารู้หลังจากมาถึงพิภพใหญ่ เพียงแต่การวิวัฒนาการของอเป็นสถานการณ์ที่พบได้น้อยมาก เป็นเพียงตำนานของพิภพใหญ่เช่นกัน มีน้อยคนมากที่เคยเห็นว่าหลีหลงหน้าตาเป็นอย่างไร เหมียวอี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหลีหลงจะหน้าตาเหมือนเฮยทั่นในตอนนี้ ไม่เคยเจอภาพประกอบ ตอนแรกเหมียวอี้ไม่รู้ด้วยว่าหลังจากเฮยทั่นวิวัฒนาการแล้วจะมีแนวโน้มไปทางสายเลือดมังกรหรือสายเลือดอาชาสวรรค์ จนกระทั่งเห็นเฮยทั่นไม่ได้วิวัฒนาการออกมามีปีก ถึงได้รู้ว่ามีแนวโน้มการวิวัฒนาการไปทางมังกร

“ไม่รู้ว่ามันจะวิวัฒนาการจนมีพลังปาฎิหาริย์อะไรรึเปล่า” จีเหม่ยลี่กล่าว

“พลังปาฎิหาริย์?” เหมียวเกิดความสนใจทันที ถามว่า “หลังจากอาชามังกรวิวัฒนาการจะมีพลังปาฎิหาริย์อะไรเหรอ?”

จีเหม่ยลี่ส่ายหน้า “ไม่รู้สิ แต่โดยทั่วไปสัตว์เทพที่วิวัฒนาการแล้ว การตื่นรู้ทางสายเลือดโดยกำเนิดของมันจะมีพลังปาฎิหาริย์ปรากฏออกมาด้วย เป็นสิ่งที่สัตว์เทพทั่วไปเทียบไปติด ถ้าอยากจะรู้ว่ามันมีพลังปาฎิหาริย์อะไร ให้มันแสดงสักหน่อยก็รู้แล้ว”

นี่คือสิ่งที่เหมียวอี้อยากจะรู้มากจริงๆ จึงถามเสียงดังทันทีวา “โจรอ้วน นอกจากกิน เจ้ามีความสามารถอย่างอื่นบ้างรึเปล่า?”

เฮยทั่นที่กลิ้งเกลือกอยู่บนผิวทะเลชะงักไปชั่วขณะ มันหันกลับมามองทางนี้ตาปริบๆ จากนั้นก็หยุดเล่นคลื่น แต่โผล่หัวขึ้นมาที่ผิวทะเลแล้วลอยไปลอยมา ไม่รู้ว่ามันกำลังเล่นบ้าอะไร เอาแต่ว่ายน้ำไปว่ายน้ำมาอย่างช้าๆ ตลอด

รอจนผ่านไปครึ่งชั่วยามกว่าๆ เมื่อเห็นมันไม่มีปฏิกิริยาอะไร เหมียวอี้ก็ตะโกนอีก “เก่งแต่เอ้อระเหยลอยชายแบบนี้น่ะเหรอ?”

เฮยทั่นทำเป็นไม่ได้ยิน ลอยไปลอยมาอยู่อย่างนั้นต่อไป

“อย่าไปรบกวนมัน ตอนนี้มันยังไม่เข้าใจตัวเองเลย มันกำลังทำความเข้าใจ” จีเหม่ยลี่กล่าว

เหมียวอี้เงียบไป

จนกระทั่งพระอาทิตย์ส่องเฉียงมาทางทิศตะวันตก เฮยทั่นที่ลอยไปลอยมาอยู่ในน้ำก็มุดลงในน้ำอย่างกะทันหัน จู่ๆ ก็มีเสียง “ปั้ง” ดังขึ้นหนึ่งครั้ง มันสั่นหัวส่ายหางฝ่าคลื่นขึ้นมาอีก พุ่งขึ้นบนท้องฟ้า เหาะวนอยู่บนท้องฟ้าครู่หนึ่ง แล้วก็คว่ำกรงเล็บทั้งสี่นิ่งๆ อยู่กลางอากาศ

เหมียวอี้และจีเหม่ยลี่ใช้ดวงตาอิทธิ์มองดูสักพักแต่ไม่เห็นความเคลื่อนไหวอะไร ขณะทั้งสองกำลังมองหน้ากันเลิกลั่ก จู่ๆ ก็ได้ยินเสียง “อู!” เฮยทั่นเงยหน้าร้องลากเสียงยาว มันอ้าปากไปทางมหาสมุทรเบื้องล่าง เห็นผิวทะเลกระเพื่อมทันที ทันใดทันก็มีน้ำวน น้ำวนเร็วขึ้นเรื่อยๆ ชั่วพริบตาเดียวก็หมุนวนจนเกิดเป็นเสาน้ำพุ่งขึ้นฟ้า กรอกเข้าไปในปากของเฮยทั่นที่กำลังอ้ารออยู่

ทั้งสองคนที่กำลังมองดูไม่เข้าใจว่ามันจะกลืนน้ำไปทำไม สรุปก็คือไม่เห็นมันหยุดพัก เสาน้ำวนโผล่ออกมาจากทะเลไม่หยุด เข้าไปในปากของเฮยทั่นอย่างไม่ขาดสาย

จนกระทั่งท้องฟ้าเป็นสีดำสนิท ถึงได้เห็นภาพนั้นหยุดลง ไม่รู้เหมือนกันว่าเฮยทั่นดูดน้ำเข้าท้องไปมากเท่าไร แต่ก็ไม่เห็นว่าท้องของเฮยทั่นมีการเปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด มีความจุที่น่าทึ่งจริงๆ

เฮยทั่นแฉลบผ่านฟ้าเข้ามาแล้ว มาเหาะวนอยู่เหนือศีรษะเหมียวอี้ ให้ความรู้สึกเหมือนภาคภูมิใจมาก เหมือนกำลังโอ้อวดให้เหมียวอี้ดู

เหมียวอี้พูดไม่ออกแล้ว เงยหน้าถามมันว่า “แค่กลืนน้ำได้เท่านี้น่ะเหรอ?”

เฮยทั่นสะบัดก้นหนึ่งที พุ่งขึ้นฟ้าอีกครั้ง เหาะไปอยู่ในจุดที่สูงกว่าเดิม แล้วเริ่มเหาะวนด้วยความเร็วสูง ทันใดนั้นก็พ่นหม่ออกมาเป็นวงกว้าง ไม่นานท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยเมฆหนามืดครึ้ม ตามที่มันเหาะขวักไขว่ไปมาอยู่ในเมฆครึ้ม ในเมฆครึ้มปรากฏสายฟ้าขึ้นมาทีละนิด เริ่มมีอัสนีบาตวิ่งตัดสลับกัน เสียงฟ้าร้องดังลั่นเป็นพักๆ ระหว่างฟ้าดินกะพริบแสงแวบวับ

เฮยทั่นเหาะขวักไขว่ไปมาอย่างอิสระอยู่ท่ามกลางอัสนีบาต สายฟ้าฟาดโดนร่างกายมัน แต่ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับมัน ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่กลัวสายฟ้า พลิกแพลงใช้งานได้อย่างชำนาญ

จากนั้น บนฟ้าก็เกิดพายุฝนกระหน่ำ

จีเหม่ยลี่พยักหน้ากล่าวว่า ” เรียกฟ้าเรียกฝน พรสวรรค์นี้เป็นปรากฏการณ์ของสภาพอากาศ มีความสามารถในการควบคุมสิ่งมีชีวิตจำนวนมาก”

จากนั้นฝนก็หยุดแล้ว สายฟ้าก็หยุดแล้วเช่นกัน เห็นเพียงเฮยทั่นอ้าปากสีแดงเลือด เมฆครึ้มที่ลอยพัดม้วนอยู่เต็มท้องฟ้าถูกดูดหายไปหมดเกลี้ยง ท้องฟ้ากลับมาเต็มไปด้วยหมู่ดาวอีกครั้ง

เฮยทั่นเหาะลงมาจากท้องฟ้า มาสั่นหัวส่ายหางอยู่ตรงหน้าเหมียวอี้ เรียกได้ว่าลำพองใจ

เหมียวอี้ปวดประสาทนิดหน่อย รู้สึกว่าเฮยทั่นตั้งท่าอยู่นานแต่ได้พรสวรรค์แบบนี้มา พลังปาฏิหารย์แบบนี้ก็ดูมีมีพลัอำนาจเต็มที่อยู่หรอก เพียงแต่ดูดีแบบไร้ประโยชน์ เวลาต่อสู้จะช่วยอะไรได้ล่ะ ทำให้ใครบาดเจ็บก็ไม่ได้ เขาเกลาหัวพลางถอนหายใจ “กลืนเมฆพ่นหมอก โจรอ้วน นอกจากกินเจ้าก็มีแต่กินนี่แหละ ไม่มีความสามารถที่ใช้ประโยชน์ได้จริงสักนิดเลยเหรอ?”

เฮยทั่นพ่นเสียงใส่เขาทีหนึ่ง เหมือนไม่ยอมแพ้ จู่ก็พุ่งขึ้นฟ้าอีก เหาะไปไกลอย่างรวดเร็ว ไปชนภูเขาลูกใหญ่ที่อยู่ไกลๆ ในชั่วพริบตาเดียว

บึ้ม! เกิดเสียงดังสะเทือนอยู่ไกลๆ ภูเขาสะท้านแผ่นดินสะเทือน ภูเขายังไม่ทันล้มลงมา แต่กลับถูกเฮยทั่นเอาหัวชนทะลุแล้ว มันทะลุออกมากลางไหล่เขา มีพลังชนโจมตีที่น่าทึ่ง

แต่สำหรับเหมียวอี้แล้ว แบบนี้ไม่นับว่าวิเศษอะไร ตอนเขาลงมือก็สามารถทำให้ภูเขาถล่มแผ่นดินแยกได้เหมือนกัน

เฮยทั่นเหาะฝ่าภูเขากลับมา แล้วสั่นหัวส่ายหางโอ้อวดอย่างภาคภูมิใจต่อหน้าเหมียวอี้อีกครั้ง เหมือนกำลังถามว่า เป็นยังไงบ้าง?

เหมียวอี้ถอนหายใจเบาๆ “ก็ดูมีพลังเพิ่มขึ้นหลายส่วนนะ” ทำท่าเหมือนผิดหวังนิดหน่อย เทียบกับสัตว์เทพที่มีพลังโจมตีเต็มเปี่ยมเหมือนเดรัจฉานเสียงสวรรค์ไม่ติด พลังเล่นกลของเฮยทั่นเอามาใช้ประโยชน์ไม่ค่อยได้เลยจริงๆ

ซ้ายก็ไม่ได้ ขวาก็ไม่ได้ เฮยทั่นที่ตอนแรกยังภูมิใจก็ห่อเหี่ยวแล้วเหมือนกัน ก้มหน้าร้อง “อูอู” สะอึกสะอื้น เหมือนน้อยใจนิดหน่อย

…………………………