บทที่ 695 พี่อะเฟย

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 695 พี่อะเฟย

เมื่อเห็น หานหลิง ตัดสินใจเดินหันหลังกลับไปแล้ว จู่ๆ ฉินเทียนก็รู้สึกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำลงไป มันโหดร้ายเกินไปสำหรับผู้หญิงคนนี้

“หานหลิง คุณรอหน่อยเถอะ”

“อีกไม่นานคุณจะรู้ว่า สิ่งที่ฉันทำลงไปมันไม่ผิด”

เขาพูดบางอย่างเงียบๆ ในใจ และเขาก็รีบออกจากอาคารนั้นไปอย่างรวดเร็ว

“หานหลิง หล่ะ?”

“เขาไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เถียโถว นั่งอยู่ในรถ เมื่อเห็นฉินเทียนเดินกลับออกมาคนเดียว แววตาของเขาเห็นได้ชัดว่ารู้สึกไม่สบายใจ

“เขาต้องการช่วยนักออกแบบเหล่านั้นวาดภาพตามความทรงจำของเขาออกมา คงต้องใช้เวลาสักหน่อยแหล่ะ”

“ฉันจะพาคุณไปที่แห่งหนึ่ง แล้วค่อยกลับมารับเขาแล้วกัน”

ฉินเทียนพูดจบ เขาก็สตาร์ทรถและขับรถมุ่งหน้าไปยังเส้นทางเส้นหนึ่ง

“คุณจะพาฉันไปไหนหรือ?” จากนั้นไม่นาน เมื่อมองออกไปด้านนอกยิ่งเห็นอาคารที่คุ้นเคยมากขึ้นเรื่อยๆ เถียโถว ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

“ถึงแล้วคุณก็รู้เอง”

ไม่นานนัก รถก็มาจอดอยู่หน้าประตูโรงเรียนอันใหญ่โตแห่งหนึ่ง

บนประตูอาคารแบบโบราณนั้น มีอักษรขนาดใหญ่สี่ตัวที่เขียนโดยคุณยี่เฟย:มหาวิทยาลัยฮั่นจง

เถียโถว เงียบไปชั่วขณะและพูดว่า “คุณพาฉันมาทำอะไรที่นี่?”

ฉินเทียนยิ้มและตอบว่า “ที่นี่นับว่าเป็นโรงเรียนเก่าของฉัน มีความทรงจำอันงดงามมากมายอยู่ในที่แห่งนี้”

“อยู่เฉยๆ ไม่มีอะไรทำ คุณมาเดินชมสถานที่เก่าๆ ในความทรงจำเป็นเพื่อนฉันแล้วกันนะ”

“จริงสิ คุณเรียนที่มหาวิทยาลัยไหนหรือ?”

เถียโถว หลบตาและพูดอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “ฉันลืมไปแล้ว…”

ฉินเทียนหัวเราะแต่ไม่ได้พูดอะไร และเหยียบคันเร่ง ขับเข้าไปด้านใน

อาคารเรียน อาคารปฏิบัติการ อาคารหอพัก โรงอาหาร สนามกีฬา โรงยิมส์ …ฉินเทียนขับรถผ่านอาคารเหล่านี้ไปอย่างช้าๆ

สรรพสิ่งยังเหมือนเดิม แต่คนที่เปลี่ยนไป

อาคารก็ยังเป็นอาคารอยู่อย่างนั้น สภาพแวดล้อมก็ยังเป็นสภาพแวดล้อมเดิมๆ แม้กระทั่งนักเรียนที่เดินอยู่บนถนน ดูแล้วก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากเมื่อก่อนนี้เลยสักนิด

แต่คนที่นั่งอยู่ที่นี่ ไม่ใช่คนเดิมเมื่อหลายปีก่อนนั้นแล้ว

ตกอยู่ในภวังค์ของเวลาที่ไหลย้อนกลับ ตกอยู่ในห้วงเวลาของความสับสน ฉินเทียนทอดถอนใจหมื่นพันครั้ง

ระหว่างทาง เขาค่อยๆ เล่าเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นที่นี่ทีละเล็กทีละน้อย และราวกับทุกเรื่องที่ยากจะลืมนั้น ล้วนมีแต่ชื่อของหูเฟย

ฉินเทียนในตอนนั้น แบกพันธนาการอันไร้สาระของตระกูลเอาไว้ ซึมเศร้า ปิดกั้นตัวเอง และไม่ได้เป็นที่รู้จักของใคร ส่วนหูเฟย ในฐานะทายาทของตระกูลอันดับหนึ่งของ ฮั่นจง รักอิสระและเรียบง่าย มีความยุติธรรมและเที่ยงตรง

……

เมื่อฟังคำบอกเล่าของฉินเทียน เถียโถว ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็นิ่งเงียบไม่พูดจาสักคำ

พอได้เวลา ฉินเทียนก็ขับรถมาถึงริมทะเลสาบขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ทะเลสาบเยี่ยนหมิง เป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงที่สุดของมหาวิทยาลัย ฮั่นจง ด้านหลังมีภูเขาอันเขียวขจี บนผืนน้ำใสอันไร้ขอบเขต หงส์ขาวบริสุทธิ์ออกเดินป้วนเปี้ยนเงียบๆ อย่างสง่างาม ราวกับภาพวาดอย่างไรอย่างนั้น

ม้านั่งยาวข้างทะเลสาบ มีคู่รักคู่หนึ่งพูดคุยกันเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม เพิ่มอรรถรสของบรรยากาศฤดูใบไม้ผลิให้กับภาพวาดนี้ได้เป็นอย่างดี

“มีตำนานอันงดงามของนักเรียนที่นี่ นั่นก็คือ หากสารภาพรักต่อหน้าหงส์ที่ริม ทะเลสาบเยี่ยนหมิง แห่งนี้แล้ว ความรักนั้นก็จะสมปรารถนา”

“ยิ่งไปว่านั้น ความรักของพวกเขาจะคงอยู่ตลอดไป จะหอมหวานชื่นมื่นดั่งทะเลสาบแห่งนี้ ที่ไม่มีวันสิ้นสุด”

“ดังนั้นทะเลสาบแห่งนี้ เลยถูกเรียกว่า ทะเลสาบแห่งความรัก”

ฟังการแนะนำของฉินเทียนแล้ว ในที่สุดแววตาของ เถียโถว ก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้น

“คุณเคยสารภาพรักที่นี่มาก่อนไหม?” เขาอดถามไม่ได้

“ฉันไม่เคยหรอก” ฉินเทียนมองไปที่ เถียโถว “แต่หูเฟย เพื่อนของฉัน เขาเคย”

เมื่อเห็นแววตาของฉินเทียน ดูเหมือนว่า เถียโถว จะรู้สึกว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป เลยรีบหันหน้าออก

ฉินเทียนถอนใจและพูดว่า “นั่นเป็นช่วงเวลาที่เขาประหม่าที่สุด ตื่นเต้นที่สุด มีความสุขที่สุด และกล้าหาญที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นเขามา”

“เย็นวันนั้น เขาสารภาพรักกับ หานหลิง จนสำเร็จที่นี่ หลังจากกลับหอพักแล้ว เขาก็ตื่นเต้นดีใจจนนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน แถมยังลากฉันออกมากลางดึก ใช้เวลาอยู่ครึ่งชั่วโมง เพื่อตามเคาะประตูซูเปอร์มาร์เก็ตและซื้อเบียร์กลับมาเยอะแยะมากมาย”

“ดังนั้น ฉันเลยใช้สถานที่ที่เขาสารภาพรักของเขานั้น ดื่มเหล้าเป็นเพื่อนเขา”

“เขาชี้ไปที่น้ำในทะเลสาบและพูดว่า จากนี้เขาคือน้ำในทะเลสาบ ส่วน หานหลิง ก็คือหงส์ขาวในทะเลสาบ ชั่วชีวิตนี้ของเขา จะใช้อ้อมแขนของเขาทำให้ หานหลิง มีชีวิตที่สบายที่สุดไปตลอดชีวิต”

“เดิมทีเขาเป็นคนที่ไม่สนใจเรื่องผลประโยชน์และสถานะทางสังคมคนหนึ่ง แต่ในคืนนั้น เขาบอกฉันอย่างจริงจังว่า เพื่อ หานหลิง แล้ว เขาจะเป็นราชาฮั่นจงให้ได้!”

เมื่อเล่าถึงตอนนี้ ฉินเทียนเองก็รู้สึกงงไปอยู่บ้างเหมือนกัน

“ในชีวิตของฉัน เขาเป็นคนเดียวที่ฉันเคยเห็น เขารักชีวิตมากขนาดนั้น คนที่รักอิสระและเรียบง่ายขนาดนั้น…”

“คุณว่า คนแบบนี้ จะตายได้ยังไง?”

เขามองไปในแววตาของ เถียโถว “คุณว่าหูเฟย ตายไปแล้วจริงๆ หรือ?”

ท่าทีของ เถียโถว เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นอย่างมาก สั่นเทาไปทั้งตัว เขาหันหน้าไป และตอบด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ใครก็ต้องตายทั้งนั้นแหละ…”

“วันนี้คุณพูดมามากพอแล้ว พวกเรายังต้องรีบช่วยกันคิดหาวิธี แก้แค้นให้กับ หูเฟย และครอบครัวของเขาอีกนะ!”

ฉินเทียนทนไม่ได้อีกต่อไป จึงพูดออกมาว่า “ดังนั้นชีวิตของคุณ การแก้แค้นมันสำคัญกว่า หานหลิง อย่างนั้นใช่ไหม?”

“คุณว่าอะไรนะ?” เถียโถว ตะลึงงง

ฉินเทียน “ถ้าฉันไม่ปรากฏตัว เพื่อปกปิดตัวตนของคุณ คุณถึงขนาดยอมทนดู หานหลิง หมั้นกับคนเหี้ยๆ อย่างเจียวเหลียงได้อย่างนั้นเชียวหรือ?”

“คุณเคยพูดว่า แทนที่จะอดทนต่อความอัปยศอดสู สู้ตายอย่างกล้าหาญยังจะดีเสียกว่า”

“ตอนนี้ ทำไมคุณถึงใจแข็งทำกับ หานหลิง ได้ถึงขนาดนี้?”

“ฉันรู้ว่า คุณเคยยากลำบากมาก่อน แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว ตอนนี้ฉันกลับมาแล้วไง”

“ดังนั้น พี่อะเฟย พวกเรามาร่วมมือกันดีกว่าไหม?”

“คุณ——” เถียโถว มองไปยังฉินเทียนอย่างเหลือเชื่อ และถามอย่างตื่นเต้นว่า “คุณรู้ตั้งแต่เมื่อไร?”

แววตาของฉินเทียนเต็มไปด้วยความขมขื่น เขาพูดเบาๆ ว่า “ไฟนั้นมันเผาไหม้คุณ แม้แต่ หานหลิง เองก็จำเสียงและแววตาของคุณไม่ได้”

“แต่ว่า กลิ่นอายมันหลอกกันไม่ได้”

“พูดตามตรงว่า เมื่อฉันเห็นคุณในคืนวันนั้น ฉันก็รู้สึกเอะใจขึ้นมา คุณรีบไล่ให้ฉันออกไป ฉันรู้ดีว่า คุณไม่อยากให้ฉันได้รับอันตราย”

“จากนั้น คุณให้เจ้าหกน้อย เอาเหล้ามาให้ฉันขวดหนึ่ง กับไก่อีกหนึ่งตัว ฉันก็แน่ใจแล้วว่าต้องเป็นคุณแน่ๆ”

“พี่อะเฟย ตอนนี้ คุณควรจะเชื่อฉัน เล่าเรื่องที่คุณรู้ทั้งหมดออกมาให้ฉันฟัง”

เขากุมมือของ เถียโถว

เถียโถว สั่นเทาไปด้วยความตื่นเต้น และพูดอย่างเบาๆ ว่า “น้อง…. เสี่ยวเทียน!”

เมื่อเรียกคำว่า “น้องชาย” ออกมา น้ำตาก็ไหลอาบหน้า และก็พูดอะไรไม่ออกอีกเลย สามปีที่ผ่านมา เขาใช้ชีวิตยังไงมาบ้าง?

ไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติ ปิดตัวเอง คนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง ตอนนี้ ในที่สุดข้างกายของเขา น้องชายที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดก็ปรากฏตัวขึ้น!

พี่น้องคำเดียว ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความอีก!

ฉินเทียนเองก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้

“พี่อะเฟย!”

“เชื่อฉันนะ ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น”

“คุณควรไปสารภาพกับ หานหลิง ตรงๆนะ ถ้าเขารู้ ไม่รู้ว่าเขาจะดีใจมากขนาดไหน!”

“ไม่ได้!”หูเฟยกัดฟันพูด “ฉันบอกเขาไม่ได้!”

“สัญญากับฉัน ห้ามบอกเขา…ตอนนี้ฉันไม่คู่ควรกับเขาอีกต่อไปแล้ว!”

“ที่ฉันหมั้นกับเขา เป็นเพียงแค่แผนการชั่วคราวเท่านั้น ฉันจะไม่แต่งงานกับเขา!”

“หลังจากแก้แค้นสำเร็จ และคฤหาสน์ หูซื่อ ถูกสร้างเสร็จแล้ว เขาจะเป็นเจ้าของคนใหม่ และฉันจะหายไปจากโลกของเขาตลอดกาล!”

“ฉินเทียน คุณสัญญากับฉันสิ! ต้องสัญญากับฉันนะ! ห้ามบอก หานหลิง นะ รู้ไหม?!”

ฉินเทียนรีบตอบว่า “พี่อะเฟย ใจเย็นก่อน”

“ฉันรู้ว่า คุณได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้ ดังนั้นจึงใส่หน้ากากเหล็กอยู่แบบนี้”

“คุณไม่ต้องกังวลนะ ตอนนี้เทคโนโลยีทางการแพทย์พัฒนาไปมาก มันศัลยกรรมปลูกถ่ายเซลล์ผิวหนังได้อย่างสมบูรณ์แบบแน่ๆ”

“อีกอย่าง ประโยคที่คุณเองก็เคยพูดอยู่บ่อยๆ ว่า ผู้ชายไม่ต้องอาศัยหน้าตา แต่ให้อาศัยกำปั้น คุณคงไม่เอาเรื่องหน้าตามาด้อยค่าตัวเองหรอกใช่ไหม?”