ตอนที่ 480 ละทางโลก / ตอนที่ 481 ก็อปไอเดีย

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 480 ละทางโลก

 

 

           เจียงมู่เฉินนอนหลับทียาวไปจนถึงช่วงหัวค่ำ ถึงได้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ

 

 

           เขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นห้องในโรงแรมที่แปลกตาไป ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองไปชั่วขณะหนึ่ง เขายังมึนงงอยู่หลายนาที

 

 

           ซือเหยี่ยนผลักประตูเข้ามาพอดี เขาเห็นเจียงมู่เฉินงงงัน ก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นด้วยความขบขัน

 

 

           เห็นได้ยากนักที่คุณชายเจียงจะตกอยู่ในอาการงงงันแบบนี้ แค่เพียงชั่วครู่ยังรู้สึกดีใจชอบกล

 

 

           เจียงมู่เฉินได้ยินเสียง เขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปทางประตู

 

 

           ซือเหยี่ยนที่ใส่แค่เพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวยืนอยู่หน้าทางเข้า เจียงมู่เฉินเห็นใบหน้าของเขา เพียงไม่นานก็นึกขึ้นมาได้

 

 

           เขาเพิ่งจะขอแต่งงานเสร็จ ซือเหยี่ยนก็ลักพาตัวเขามาแล้ว

 

 

           เจียงมู่เฉินยังคงง่วงนอนอยู่ นึกต่อไม่ค่อยจะออกเท่าไหร่นัก เขานอนเอื่อยเฉื่อยฟุบอยู่บนเตียงปรือตามองซือเหยี่ยน

 

 

           “นายว่านายลักพาตัวฉันมาแบบนี้ พ่อแม่ฉันจะไปคิดบัญชีกับหรือเปล่า”

 

 

           เรื่องที่เขาขอแต่งงาน พ่อแม่เขาเองก็ไม่รู้ เพียงแต่ว่าตอนนี้ก็ผ่านไปสิบกว่าชั่วโมงแล้ว เรื่องที่เกี่ยวกับเขาและซือเหยี่ยนคงจะพูดไปกันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วเช่นกัน

 

 

           พ่อแม่เขาก็คงจะทราบข่าวเป็นที่เรียบร้อย

 

 

           เจียงมู่เฉินเอามือกดที่หัวของตัวเอง ไม่รู้ว่าตอนที่แม่เขาเห็นเขาออกหน้าออกตาขอซือเหยี่ยนแต่งงานขนาดนี้ จะโกรธจนถือมีดมาไล่ฆ่าเขาหรือเปล่า

 

 

           แต่ว่าตอนนี้เขาไม่มีสมองจะไปคิดเรื่องที่พ่อแม่เขาจะอยากไล่ฆ่าเขาหรือเปล่า ตอนนี้มีแต่ซือเหยี่ยนเจ้าหมอนี่อยู่เต็มในหัวไปหมด

 

 

           เขาเห็นเพียงแค่เสื้อเชิ้ตของซือเหยี่ยนที่ไม่รู้ว่าปลดกระดุมออกสองเม็ดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เผยผิวกายจริงที่กระชับแน่น

 

 

           ที่ข้อมือพับขึ้นมาสองสามทบ ได้เห็นนาฬิกาข้อมือที่เจียงมู่เฉินให้ไว้พอดี

 

 

           เจียงมู่เฉินถอนหายใจเงียบๆ แฟนของเขาดูดีขนาดนี้ ตัดใจให้คนอื่นเห็นแฟนเขาไม่ลงเลยทำยังไงดี

 

 

           ซือเหยี่ยนเองก็พิงประตูอยู่ไม่เดินเข้าไป เขาเอ่ยเสียงต่ำ “ถึงยังไงผมลักพาตัวคนมา ต้องคิดบัญชีก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”

 

 

เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “นายยังรู้ดีแก่ใจมากเลยนะ”

 

 

           ซือเหยี่ยนเชิดมุมปากขึ้นเบาๆ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นเขายืนพิงอยู่ตรงนั้นอย่างตามใจ ดวงตาก็เป็นประกายลุกวาวอย่างห้ามไม่อยู่ เขากระดิกนิ้วทำท่าเรียกซือเหยี่ยนให้เข้ามาหา

 

 

           ซือเหยี่ยนส่ายหัวด้วยท่าทีเรียบเฉย

 

 

           เจียงมู่เฉินหรี่ตาลง ลุกขึ้นมาจากตื่น เดินทีเดียวสองก้าวมุ่งหน้าไปหาซือเหยี่ยน ซือเหยี่ยนเห็นแบบนี้ก็ยืดตัวขึ้นมา

 

 

           เพิ่งจะยืนตัวตรงได้ไม่ทันไร เจียงมู่เฉินก็กระโดดขึ้นมา

 

 

           เขากอดคอซือเหยี่ยนแน่น ขาเรียวยาวเกี่ยวเอวซือเหยี่ยนไว้ “อะไรกัน ยังต้องให้คุณชายเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเองอีกเหรอ”

 

 

           ซือเหยี่ยนหัวเราะเบาๆ ยื่นมือไปรองเขาไว้ “อย่าเพิ่งซน ผมจองร้านอาหารไว้แล้ว ออกไปกินด้วยกัน”

 

 

           เจียงมู่เฉินส่ายหัว “อยากกินนาย ไม่อยากกินข้าว”

 

 

           ซือเหยี่ยนแววตามืดดำ รู้สึกว่าเจ้าหมอนี่เริ่มจะแปลงร่างเป็นปีศาจจอมยั่วเสน่ห์อีกแล้ว

 

 

           “แต่ผมอยากกินข้าว”

 

 

           เจียงมู่เฉินทำหน้าทำตาเสียดาย สามเดือนที่ผ่านมานี้ยุ่งจนเกินไป ไม่มีเวลามา ‘ทำ’ กับซือเหยี่ยนดีๆ เลย เดิมทีคิดว่าคืนนี้ยกเลิกข้อห้ามอะไรได้บ้าง ใครจะคิดว่าซือเหยี่ยนจะปฏิเสธเขาได้จริงจังขนาดนี้

 

 

           คุณชายน้อยเจียงได้รับการโจมตีอันใหญ่หลวง

 

 

           เขาถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้ “เอาเถอะ เอาเถอะ ไปกินข้าวกับนายก็ได้”

 

 

           เจียงมู่เฉินลงมาจากตัวซือเหยี่ยน แต่กลับอดจะเอ่ยถามเสียงอ่อนอีกประโยคไม่ได้ “เอางี้ไหมกินข้าวเสร็จ แล้วค่อยกินนาย”

 

 

           ซือเหยี่ยนส่ายหัวด้วยท่าทีสงบนิ่ง “ไม่ได้”

 

 

           เจียงมู่เฉินได้ยินสองคำนี้ อยากจะข่วนกำแพงเสียจริงๆ หรือว่าซือเหยี่ยนเจ้าหมอนี่หักห้ามความต้องการมาสามเดือนแล้ว ผลสุดท้ายคือชินกับการละทางโลกไปเลยใช่ไหม

 

 

           ‘ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ แล้วต่อไปความสุขในชีวิตคู่ของเขาล่ะจะทำยังไง’

 

 

           ถึงแม้ว่าเขาจะชอบซือเหยี่ยน แต่ต่อให้ชอบแค่ไหน ก็ยังต้องการการออกกำลังกายบ้าง

 

 

           คิดไปคิดมา เจียงมู่เฉินพยายามจะมองซือเหยี่ยนด้วยท่าทีนิ่มนวล “ถ้านายไม่อยาก เอางี้ไหมนายนอนแล้วฉันจัดการเอง”

 

 

           พอคิดถึงภาพที่ซือเหยี่ยนถูกเขาจับกดไว้ใต้ร่าง เจียงมู่เฉินก็เกิดอารมณ์คึกคักพิลึกๆ ขึ้นมานิดหน่อยแล้ว

 

 

           

 

 

ตอนที่ 481 ก็อปไอเดีย

 

 

           ซือเหยี่ยนยังคงมองเขาด้วยสีหน้าท่าทางเคร่งขรึม ปฏิเสธอย่างจริงจังหนักแน่น

 

 

           ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้พละกำลังพวกเขาไม่เท่ากัน เจียงมู่เฉินอยากจะกระโจนเข้าไปทุบซือเหยี่ยนแล้วขึ้นคร่อมให้มันรู้แล้วรู้รอด แล้วค่อยมาว่ากันอีกที

 

 

           ‘ถึงยังไงพวกเขาสองคนใกล้จะจดทะเบียนสมรสกันแล้ว จะขึ้นคร่อมกันก็เป็นเรื่องธรรมดามากไม่ใช่หรือไง’

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเขากรอกตาไปมา ก็รู้ว่าในหัวเขากำลังคิดฟุ้งซ่านไม่รู้อะไรเป็นอะไรไปบ้างแล้ว

 

 

           เขากุมหน้าผากด้วยความจนใจ “จะไปไม่ไป”

 

 

           เจียงมู่เฉินรีบเอ่ย “ไปๆๆ ไม่ว่ายังไง ทำให้ซือเหยี่ยนอิ่มท้องก่อน ค่อยว่ากัน”

 

 

           ด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนจึงออกไปร้านอาหารด้วยกัน ร้านอาหารที่ซือเหยี่ยนจองไว้เป็นร้านอาหารสำหรับคู่รัก ทุกๆ โต๊ะข้างในทุกคนจะนั่งกันอยู่สองคน มากันเป็นคู่ๆ

 

 

           เจียงมู่เฉินคนสมองช้า ในหัวมีแต่ความคิดว่าจะจับกดซือเหยี่ยนอย่างไรดีอยู่เต็มไปหมด ไม่ได้สังเกตรับรู้อะไรอย่างอื่นโดยสิ้นเชิง

 

 

           รอจนกระทั่งบริกรเอาแจกันกระเบื้องเคลือบที่มีดอกกุหลาบหนึ่งดอกประดับอยู่มาวางไว้ตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง เจียงมู่เฉินถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างเงียบๆ

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นแววตานั้นของเขาตอบกลับด้วยท่าทางที่ตัวเองไร้เดียงสามากทีเดียว

 

 

           เจียงมู่เฉินเงยหน้าก็เห็นเพียงแค่โต๊ะรอบข้างต่างก็มีดอกกุหลาบหนึ่งดอกวางอยู่ในแจกัน

 

 

           เขามาเห็นแบบนี้ถึงได้พบว่าในร้านเป็นคู่รักกันทั้งหมด แม้แต่เจียงมู่เฉินคนหน้าไม่บางยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาเท่าไหร่นัก

 

 

           คิดไม่ถึงว่าซือเหยี่ยนเจ้าหมอนี่จะยังพาเขามาร้านอาหารคู่รักได้

 

 

           มองไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเขาจะมีดีเอ็นเอโรแมนติกแบบนี้ด้วย

 

 

           เพียงไม่นานเนื้อสเต็กก็ถูกยกมาเสิร์ฟ

 

 

           เจียงมู่เฉินหั่นเนื้อสเต็กไปด้วย พลางครุ่นคิดไปด้วย ซือเหยี่ยนเพิ่งจะมา ทำไมถึงยังรู้จักร้านอาหารคู่รักอะไรทำนองนี้ได้

 

 

           ‘นี่เป็นเรียนจากที่ไหนมา’

 

 

           เจียงมู่เฉินมองมาที่ซือเหยี่ยนอยู่ตลอดเวลาพร้อมสายตาที่พินิจมองอย่างถี่ถ้วน

 

 

           ซือเหยี่ยนตีสีหน้าเรียบเฉย ปล่อยให้เจียงมู่เฉินสังเกตอาการ ดูสงบนิ่งเหลือเกิน

 

 

           เจียงมู่เฉินมองดูอยู่นานสองนาน ก็ไม่เห็นพิรุธอะไรออกมา จึงเก็บสายตากลับเข้ามา

 

 

           ทั้งสองคนกินข้าวกันอยู่สักพัก จู่ๆ ซือเหยี่ยนก็ยืนขึ้นมากะทันหัน เจียงมู่เฉินเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง ซือเหยี่ยนเอ่ยเสียงต่ำ “ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ”

 

 

           เจียงมู่เฉินโบกมือให้เขารีบไป

 

 

           ซือเหยี่ยนออกไปได้เพียงไม่กี่นาที จู่ๆ ดวงไฟในร้านอาหารก็ดับลง เจียงมู่เฉินรู้สึกประหลาดใจอยู่ในที รีบเงยหน้ามามองในทันใด

 

 

           นาทีต่อมา แสงไฟก็สว่างขึ้นมาบ้างแล้ว เพียงแต่ว่าเป็นไฟเอลอีดีแบบเส้นที่อยู่ข้างๆ แสงไฟริบหรี่เหลือเกิน

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นเพียงแค่มีเงาคนคนหนึ่งเดินมาหาเขา เขาคิดว่าคงจะเป็นซือเหยี่ยนเดินกลับมาแล้ว จึงไม่ได้เกิดความสงสัย

 

 

           จนกระทั่งคนคนนั้นเดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าเขา ในมือยังดอกไม้ดอกหนึ่งอีกด้วย เจียงมู่เฉินตะลึงงันไปพักหนึ่ง

 

 

           ‘ไม่หรอกมั้ง มืดขนาดนี้ เขายังมีเสน่ห์ขนาดนี้เชียว แม้แต่ดอกไม้ก็มาส่งถึงต่อหน้า’

 

 

           เจียงมู่เฉินครุ่นคิดสักพัก อย่าทำให้ซือเหยี่ยนหึงจะดีกว่า เสียงต่ำเอ่ยขึ้น “ผมไม่ใช่คนโสด”

 

 

           ใครจะไปคิดว่าคนคนนั้นจะไม่ฟังกัน เห็นเขาพูดจบ ก็ยัดดอกไม้ใส่มือเขาทันที

 

 

           เจียงมู่เฉินทำหน้างุนงง เพื่อนชาวต่างชาติต้อนรับกันอบอุ่นกันขนาดนี้เชียวเหรอ

 

 

           หลังจากคนคนนั้นเดินออกไป ข้างหลังก็มีคนอีกจำนวนหนึ่งเดินตามเข้ามา

 

 

           แต่ละคนที่เข้ามาต่างก็เอาดอกไม้ยัดใส่มือเจียงมู่เฉิน เวลานี้เองเจียงมู่เฉินถึงได้รู้สึกว่ามันชักจะผิดปกติแล้ว

 

 

           แต่ในขณะเดียวกัน จู่ๆ แสงไฟก็สว่างขึ้นมา ซือเหยี่ยนใส่ชุดสูทสีขาว ในมือยังหอบช่อดอกกุหลาบเดินมุ่งหน้ามาหาเจียงมู่เฉินอย่างช้าๆ

 

 

           แวบแรกที่เจียงมู่เฉินเห็นซือเหยี่ยนในมาดแบบนั้น เส้นประสาทในสมองก็ขาดผึงทันที

 

 

           ‘อ้าวเฮ้ย!’

 

 

           ‘เจ้าหมอนี่ขอแต่งงานทียังก็อปไอเดียของคุณชายอีก’

 

 

           เจียงมู่เฉินรอซือเหยี่ยนเดินเข้ามาใกล้ แล้วเอาดอกไม้ยัดใส่มือซือเหยี่ยน หันหน้าเดินหนีไปทั้งอย่างนี้

 

 

           ซือเหยี่ยนตะลึงงัน แม้แต่สีหน้าที่เต็มไปด้วยความรักยังชะงักงันไปด้วย

 

 

           เขาหยุดฝีเท้าสักพัก เตรียมจะเดินตามไป ผลปรากฏว่ายังเดินไม่ถึงสองก้าว เจียงมู่เฉินก็เดินกลับมา

 

 

           เขายืนอยู่ต่อหน้าซือเหยี่ยน ตีสีหน้าซักถามด้วยความอยากตำหนิ “ซือเหยี่ยน โคตรพ่องสิ นายมาก็อปไอเดียฉันทำไม”