ตอนที่ 562 เซียงฉือยากทำใจ / ตอนที่ 563 จินกุ้ยเฟยพิโรธ

บุปผาเคียงบัลลังก์

ตอนที่ 562 เซียงฉือยากทำใจ 

 

 

เขารู้สึกกลัดกลุ้มแต่ก็ไม่กล้าโต้แย้งอะไร ในความรู้สึกนึกคิดของพวกเขานั้นราชันยิ่งใหญ่เทียมฟ้า สำคัญยิ่งบิดา หาควรที่เขาจะโต้แย้งได้ด้วยไม่ 

 

 

ในกลุ่มคนที่ยื่นถวายรายงานไม่มีเหอเจี่ยนสุย เซียงฉือตรวจรายงานทั้งหมดแล้วไม่พบคำพูดใดๆ ของเหอเจี่ยนสุยเลย ส่วนกำไลหยกขาววงนั้นก็เก็บสงบนิ่งอยู่ในกล่องเครื่องประดับของนางมานานแล้ว 

 

 

คิดว่าเหลียนชินอ๋องคงได้เล่าเรื่องในวันนั้นให้เหอเจี่ยนสุยฟังแล้ว แต่คิดว่านั่นคงไม่ทำให้รู้สึกบาดเจ็บเจียนตายได้เท่ากับการมีพระบรมราชโองการเรื่องการตั้งครรภ์และได้รับสถาปนาขึ้นเป็นผิน 

 

 

เซียงฉือเฝ้ารออยู่หลายวันเช่นกัน เพราะคิดว่าเขาคงยังมีคำพูดอะไรที่คิดจะบอกกับนางอีก 

 

 

ถึงแม้เมื่อก่อนนั้นทั้งสองครอบครัวได้ตกลงหมั้นหมายเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้ยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นก็ตาม แต่ตอนที่บ้านสกุลอวิ๋นถูกจับคุมขัง อวิ๋นเทียนได้ทำลายหนังสือแต่งงานไปแล้ว เขาสาบานว่าจะไม่ทำร้ายเพื่อนรักของตนเอง 

 

 

จึงเป็นเหตุให้ตัดขาดจากเรื่องวิวาห์กับบ้านสกุลเหอ แต่ความผูกพันตั้งแต่วัยเด็กของเหอเจี่ยนสุยกับเซียงฉือ ทำให้ไม่ว่าเวลาใดก็ตามเหอเจี่ยนสุยยังคงยืนอยู่ข้างหลังนาง คอยพิทักษ์ปกป้อง โอบล้อมนางไว้ 

 

 

นางชอบการได้รับการปกป้องเช่นนั้นมาก แต่หลังจากที่นางเข้าวังมา เหอเจี่ยนสุยไม่อาจเข้าถึงนางได้อีกและยังกลายเป็นความห่วงกังวลแก่นางครั้งแล้วครั้งเล่า เซียงฉือเติบโตขึ้นและมีความเข้าใจมากขึ้น บางทีเพื่อนเล่นในวัยเด็กอาจจะไม่ใช่สามีในอนาคตก็เป็นได้ 

 

 

อวิ๋นเซียงฉือได้พบกับหรงจิง หรงจิงที่อ่อนโยนกับนางเสมอมา คนที่เป็นฮ่องเต้พูดคำไหนคำนั้น 

 

 

ผู้ชายที่ดูหิมะชมดอกเหมยเคียงข้างนาง สอนนางดีดพิณคนนั้น จึงเป็นคนที่นางต้องการจะอยู่ร่วมกันไปตลอดชีวิต 

 

 

หรงจิงเห็นเซียงฉือยืนเหม่ออยู่ข้างหน้าต่างก็หรี่ตามองดูนาง ดูเหมือนนางอยู่ในห้วงความคิดแต่แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนใจ หรงจิงมองดูนางจนนิ่งขรึมซึมเซาไปกับความคิดของนาง 

 

 

ลมและหิมะเบื้องนอกรุนแรงขึ้น พอย่างเข้าเดือนสิบสองทำให้ทำงานได้ยาก ถึงแม้หรงจิงจะคิดดัดแปลงตำหนักซีเฝ่ยแต่ก็ไม่ได้ลงมือสักที ได้แต่เพียงตกแต่งภายในเท่านั้น 

 

 

“ดึกแล้วพักผ่อนให้เร็วขึ้นหน่อย เรารู้สึกปวดหัว” 

 

 

เสียงของหรงจิงดังขึ้นจากทางเบื้องหลังเซียงฉือ นางซุกเข้าอิงแอบแนบอกหรงจิง พอได้ยินเช่นนั้นก็ดีดตัวออก หันกายไปมองดูเขา 

 

 

“ทรงปวดศีรษะหรือเพคะ ให้หม่อมฉันนวดถวายนะเพคะ” 

 

 

หรงจิงสมองไม่แจ่มใส เขาพยักหน้า ทั้งคู่จึงต่างพยุงกันเดินเข้าไปข้างในห้อง 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 563 จินกุ้ยเฟยพิโรธ 

 

 

เกิดความหวาดผวาขึ้นภายในวังอยู่หลายวัน จินกุ้ยเฟยปัดจานดอกมณฑาขาวกับแจกันดอกไม้หยกสีครามที่นางชื่นชอบที่สุดตกแตก 

 

 

ข่าวการแต่งตั้งอวิ๋นเซียงฉือขึ้นเป็นผินแพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว ความจงเกลียดจงชังของนางก็ยิ่งรุนแรงหนักหน่วงขึ้นหวังหมัวหมัวติดตามอยู่ข้างกายมานานก็ยังไม่เคยเห็นนางบันดาลโทสะรุนแรงเช่นนี้มาก่อน 

 

 

แต่หลังจากไฟโทสะผ่านพ้นไปแล้ว จินกุ้ยเฟยไม่ได้สาบแช่งสบถสาบานว่าจะคิดฆ่าอวิ๋นเซียงฉือแต่อย่างไร นางกลับนิ่งแล้วนั่งลงข้างๆ กองเศษแตกหักน้ำตาไหลพราก 

 

 

“หมัวหมัว ไหนลองบอกหน่อยซิว่าเหตุใดจิ้งเฟยมีลูก ซูเฟยมีลูก แม้กระทั่งอวิ๋นเซียงฉือที่เพิ่งได้รับการโปรดปรานก็มีลูก จำเพาะต้องเป็นข้าเท่านั้นที่ไม่มี ทำไมข้าจึงไม่มี” 

 

 

หวังหมัวหมัวเห็นจินกุ้ยเฟยเสียใจจึงได้แต่ปลอบโยน แต่นางเข้าใจดีกว่าใครๆ ว่า ถึงแม้จินกุ้ยเฟยจะมีอารมณ์ฉุนเฉียวทว่าปรารถนาอยากมีบุตรของตนเองจริงๆ ต้องการจะมีบุตรกับหรงจิงสักคนหนึ่ง 

 

 

จินกุ้ยเฟยสวยหยาดเยิ้มเช่นนี้ขนาดเป็นบุปผาของชาติเลยก็ว่าได้ สตรีเช่นนี้เกิดมาก็เพื่อเป็นที่รักของทั้งมนุษย์และสวรรค์ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางซึ่งผ่านการร่วมหลับนอนมานานปีแล้วก็ยังไม่ตั้งครรภ์สักที 

 

 

แม้จะวางอำนาจบาตรใหญ่ฉ้อฉลในตอนกลางวัน แต่ตกกลางคืนก็จะกลายเป็นรั้วที่นางสร้างล้อมตัวเองไว้แต่ผู้เดียว 

 

 

ทุกแห่งหนในวังล้วนมีละครขัดแย้งเรื่องนั้นเรื่องนี้แสดงอยู่ทั่วไป จินกุ้ยเฟยเจ็บแค้นอวิ๋นเซียงฉือปานนั้น เป็นเพราะหากไม่มีอวิ๋นเซียงฉือ วันเวลาของนางก็จะผ่านไปอย่างราบรื่นตลอดมา 

 

 

แต่ตั้งแต่อวิ๋นเซียงฉือเข้าสู่ตำหนักเจิ้งหยาง นิมิตหมายดีๆ ของนางคล้ายดั่งถูกเซียงฉือนำพาไปหมดสิ้น ราวกับนางไม่มีอะไรเหลืออยู่อีกเลย 

 

 

“หมัวหมัวบอกมาซิว่าเป็นเพราะอวิ๋นเซียงฉือฉกฉิงไปจากข้าใช่ไหม นางแย่งเอาความรักของฝ่าบาทไปจากข้า แย่งเอาลูกของฝ่าบาทกับข้าไป นางทำเช่นนี้ได้อย่างไร ข้ามีบุญคุณที่ค้นพบและส่งเสริมนางนะ” 

 

 

หวังหมัวหมัวได้ยินแล้วก็ทอดถอนใจยาวแล้วจึงพูดว่า 

 

 

“จิตใจของพระราชาลึกซึ้งยากเกินกว่าจะใคร่ครวญถึงนะเพคะ พวกเราจะอย่างไรก็ไม่อาจรู้ถึงพระทัยฝ่าบาทได้ว่าทรงคิดสิ่งใดอยู่ แต่ว่าฝ่าบาทยังทรงผูกพันกับกุ้ยเฟยอยู่นะเพคะ ขอเพียงยังทรงมีไมตรีอยู่ กุ้ยเฟยก็อย่าทรงเสียพระทัยอีกเลยเพคะ” 

 

 

จินกุ้ยเฟยฟังคำพูดของหวังหมัวหมัวแล้วก็ยิ้มเยาะขึ้น ถึงจะพูดเช่นนี้แต่จะทำอะไรได้เล่า 

 

 

 ใบหน้านางผุดความเงียบเหงา สายตาที่มองดูหวังหมัวหมัวยิ่งเหินห่างออกไป 

 

 

 “หมัวหมัว คนที่บอกว่าจะเป็นพันธมิตรกับข้าในวันนั้นล่ะ หมัวหมัวบอกว่านางกลับกลอกเกินไปไม่น่าเชื่อถือ แต่มาถึงวันนี้แล้วอวิ๋นเซียงฉือเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวนัก ข้าจะไม่ยอมปล่อยนางไปง่ายๆ เช่นนี้” 

 

 

 หวังหมัวหมัวเห็นท่าทางของจินกุ้ยเฟยแล้วบังเกิดความเคร่งเครียดขึ้นมา แต่สีหน้ากุ้ยเฟยเย็นชาเกินไป นางรู้ว่าถึงจะพูดอะไรออกไปในตอนนี้ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ จึงได้แต่เพียงพูดเตือนขึ้นเบาๆ 

 

 

 “การจะแลกเปลี่ยนกับนางไม่ต่างอะไรกับกับแลกเปลี่ยนกับปีศาจซึ่งย่อมมีอันตรายอย่างมหันต์นะเพคะ กุ้ยเฟยทรงต้องใคร่ครวญให้รอบคอบ อย่าให้กลับกลายมาเป็นผลร้ายต่อพระองค์เองนะเพคะ” 

 

 

 ถึงแม้หวังหมัวหมัวจะเป็นคนละโมบในยามปกติ แต่สำหรับเรื่องใหญ่แล้ว นางภักดีต่อจินกุ้ยเฟยอย่างยิ่ง นางเคยพบกับคนๆ นั้นครั้งหนึ่ง และเห็นถึงความลึกล้ำที่ยากจะหยั่งลงไปถึง 

 

 

 นางรู้สึกว่าคนๆ นี้ยังจะน่ากลัวกว่าอวิ๋นเซียงฉือเสียอีก ถึงแม้อวิ๋นเซียงฉือจะน่ารังเกียจ แต่อย่างไรก็เป็นคนใจอ่อนครั้งก่อนพวกนางวางยาพิษไม่สำเร็จ อาจเป็นเพราะนางสังเกตเห็นก่อนหรือมีผู้หวังดีตักเตือนนางก็ตาม แต่ไม่ว่าอย่างไร นับว่านางสามารถหลบพ้นวิบากมาได้ 

 

 

การวางแผนอย่างรอบคอบใส่ใจขนาดนั้นยังไม่อาจฆ่านางได้สำเร็จ ก็ไม่รู้ว่าแม่หมอหมีเตี๋ยคนนั้นจะใช้วิธีใดที่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามยอมสยบเชื่อฟังได้