ตอนที่ 553 สองสถานการณ์ / ตอนที่ 554 ชีวิตที่วุ่นวาย

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 553 สองสถานการณ์

 

 

ก่อนซย่าเสี่ยวมั่วขึ้นเครื่องถึงได้นึกได้ว่าพอกลับประเทศแล้วอากาศจะหนาวขนาดไหน เดินไปร้านปลอดภาษีที่อยู่ด้านข้างเดินวนหาจนทั่วก็หาร้านที่ขายเสื้อขนเป็ดไม่เจอ จึงได้แต่ยอมรับชะตาเดินไปซื้อผ้าพัดคอมาสามผืนกะจะเอาไว้ใช้ห่อตัวเอง คิดว่าหากกลับไปถึงประเทศคงต้องถูกมองด้วยสายตาประหลาดแน่ๆ

 

 

พอถึงเมืองกุ้ยโจว ซย่าเสี่ยวมั่วก็ต้องเผชิญกับเส้นทางอันทรหดอีกครั้ง ความจริงที่เธอต้องรีบกลับมาขนาดนี้ก็เพราะไม่อยากโดนสวีรั่วชีจัดการ อีกทั้งไม่อยากให้เหยียนเค่อรู้สึกรำคาญหากเห็นหน้าเธอ

 

 

ตอนที่เสิ่นจิ้งเฉินบอกเธอว่าให้เธอกลับเมือง N พร้อมกับเหยียนเค่อ สีหน้าของชายหนุ่มในตอนนั้นก็ทำให้เธอรู้ว่าเขาไม่อยากเห็นหน้าเธอ

 

 

อุณหภูมิห้าหกองศาทำให้ซย่าเสี่ยวมั่วแทบจะแข็งตายอยู่แล้ว ลมหนาวที่พัดไปพัดมาก็กำลังบ่งบอกให้เธอรู้ว่าตอนนี้แค่มีชีวิตรอดอยู่ได้ก็ยากแล้ว เรื่องความรักอะไรพวกนั้นมันแค่ภาพจินตนาการเท่านั้น การที่ได้กลับไปนอนบนพื้นห้องที่แสนอบอุ่นต่างหากคือเรื่องจริง

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วควานหาโทรศัพท์กะจะโพสต์แสดงความรู้สึกหลังได้เกิดใหม่สักหน่อย แต่พบว่าเวยป๋อของเซ่าหมิงฟ่าน ฉินซื่อหลาน สวีอันหรานมีการแจ้งเตือนขึ้นพร้อมกันแถมทั้งหมดยังแท็กไปที่เหยียนเค่ออีกด้วย

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยังไม่เข้าใจ ที่กำลังทำอะไรกันอยู่เนี่ย

 

 

เหยียนเค่อถูกคนพวกนี้กวนใจจนแทบจะบ้าอยู่แล้ว ตอนแรกก็อายๆอยู่บ้าง ตอนนี้ใครเอ่ยถึงเคนนั้นตาย

 

 

“พวกนายจะจบได้หรือยัง” เหหยียนเค่อถลกแขนเสื้อขึ้นกดทับฉินซื่อหลานไว้ที่เตียง เขากดไว้ที่เอวของเพื่อน เงยหน้ามองเซ่าหมิงฟ่าน “นายอยากจะลองบ้างไหม”

 

 

เซ่าหมิงฟ่านถอยห่างอย่างรู้ตัว แล้วผลักสวีอันหรานไปแทน

 

 

“ฉัน ฉันเงียบแล้ว” สวีอันหรานยอมแพ้ หันไปมองเซ่าหมิงฟ่าน “พวกเรามาทะเลาะกันเองมันไม่ค่อยดีนะ”

 

 

เหยียนเค่อถูกคนพวกนี้รั้งให้อยู่ที่นี่มาสามวันแล้ว ทั้งสามวันก็มาล้อเลียนเขาอย่างตรงเวลาทุกวัน ขนาดเดินเล่นอยู่ที่ชายหาดฉินซื่อหลานก็ยังอุตสาห์ตามไป พวกมันว่ากันมากนักหรือไงนะ

 

 

“วันนี้ฉันจะกลับเมือง N แล้วนะ” เหยียนเค่อทนมามากพอแล้ว ความจริงกะจะอยู่ต่ออีกสักหน่อยแต่ตอนนี้กระทั่งหน้าพวกเพื่อนๆเขาก็ไม่อยากจะเห็นแล้ว

 

 

ฉินซื่อหลานเย้หน้า โอดครวญออกมา “ปล่อยฉันก่อนแล้วค่อยคุยกันได้ไหม”

 

 

เหยียนเค่อสะบัดแขนออกอย่างโมโห ใบหน้าไม่ไม่สบอารมณ์ของชายหนุ่มทำร้ายใจจิตพวกที่เหลือ “ถ้ายังมาทำท่าทะเล้นต่อหน้าฉันอีกนายโดนดีแน่”

 

 

“ชิ” ฉินซื่อหลานลุกขึ้นนั่ง ทุกครั้งต้องเลือกลงมือกับคนที่อ่อนแอสุด แต่คนก็ไม่ได้อ่อนแอเสียหน่อย ทำไมทุกครั้งต้องเป็นเขาที่โดนจัดการล่ะ “คราวหน้านายไม่ต้องเริ่มที่ฉันได้ไหม”

 

 

“ถ้านายไม่ได้อยู่ใกล้ฉันที่สุดนะ” เหยียนเค่อยกยิ้ม ไม่ใส่ใจกับคำขอของเพื่อน

 

 

ฉินซื่อหลานมองไปที่สวีอันหรานกับเซ่าหมิงฟ่าน ในใจรู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรม เห็นได้ชัดว่าทุกครั้งเขาโดนพวกมันผลักออกมา จะโทษเขาได้อย่างไรกัน

 

 

สวีอันหรานเห็นว่าเหยียนเค่อเก็บกระเป๋าแล้วจริงๆ จึงเอ่ยขัด “นายกลับไปก็ไม่มีอะไรทำ อยู่เที่ยวต่ออีกหน่อยสิ”

 

 

ฉินซื่อหลานยกมืออย่างอ่อนแรง “คืนนี้ฉันก็กลับเมือง Nแล้วเหมือนกัน”

 

 

“วางใจได้ ฉันจะบินกลับคนละรอบกับนาย” เหยียนเค่อกวาดตาเพื่อนเพื่อนนิ่งๆ ขนาดกลับเครื่องเดียวกันเขายังรู้สึกรังเกียจเลย

 

 

“เลิกเล่นได้แล้ว ในเมื่อจะกลับอยู่แล้วก็ไปพร้อมกันเลย” สวีอันหรานออกหน้าจัดการ

 

 

เซ่าหมิงฟ่านคิดว่ากลับพร้อมกันก็ดีกว่า เอ่ยแกล้ง “ดึกขนาดนั้น ถ้าพวกเราถูกเหยียนเค่อเอาไปขายจะทำอย่างไรล่ะ”

 

 

ฉินซื่อหลานไม่เอ่ยพูด พวกเขาแก่กว่า ให้พวกเขาเป็นคนคิดไป

 

 

ความจริงเหยียนเค่อแค่พูดเล่นเฉยๆ ถ้าฉินซื่อหลานยังกล้าลองดี เขาจะจับมันโยนออกนอกเครื่องบินไปเลย

 

 

เซ่าหมิงฟ่านดึงสวีอันหรานออกไปก่อน ทิ้งให้ฉินซื่อหลานเผชิญกับไฟที่กำลังเดือดอยู่คนเดียว

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 554 ชีวิตที่วุ่นวาย

 

 

ฉินซื่อหลานเมื่อรู้ว่าเหลือตัวคนเดียวก็รีบทำตัวเชื่องๆทันที “ฉันช่วยนายเก็บของนะ”

 

 

“ไม่ต้อง” กระเป๋าเดินทางของเหยียนเค่อแทบไม่ได้เปิดออกมาเลยด้วยซ้ำ ไม่ต้องให้ฉินซื่อหลานช่วยเก็บอะไร สิ่งที่เขาต้องทำก็มีแค่เก็บของของซย่าเสี่ยวมั่วให้เรียบร้อยอย่างเดียว

 

 

ฉินซื่อหลานนั่งมองดูเพื่อนที่เก็บของทั้งหมดเข้ากระเป๋าใบเล็กๆ แม้กระทั่งผ้าห่มของโรงแรมก็เก็บไป

 

 

“นายล้มละลายแล้วหรือไง” ฉินซื่อหลานเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ แต่พอได้เห็นสายตาที่เหยียนเค่อส่งมาก็รีบหุบปากทันที บางทีเขาคงไม่ควรอยู่ในห้องนี้ต่อ

 

 

ฉินซื่อหลานถอนหายใจอย่างเจ็บปวด หันไปหาอะไรสนุกๆทำ สายตาก็เหลือบไปเห็นม้วนกระดาษที่ม้วนส่งๆวางอยู่บนกระเป๋าเดินทางของเหยียนเค่อ ตาก็แพรวพราวขึ้นทันที รีบเอื้อมมือไปหยิบมาดู เมื่อเปิดดูก็อึ้งไป

 

 

เขามองไปที่เหยียนเค่อแล้วสลับมองรูปในภาพ เอ่ยอย่างไม่พอใจ “นายดูดีขนาดนี้เลยหรือไง”

 

 

“นายมีปัญหาอะไร” เหยียนเค่อเห็นเพื่อนหยิบรูปไปดูก็ไม่ได้ว่าอะไร เก็บของต่อ

 

 

ฉินซื่อหลานไม่อาจยอมรับได้ ขนาดแค่วาดภาพยังออกมาดูดีได้ขนาดนี้ ยิ่งมองยิ่งหงุดหงิด สุดท้ายก็วางเก็บไว้ตามเดิม

 

 

เมื่อเก็บของเสร็จเรียบร้อย ฉินซื่อหลานกับเหยียนเค่อก็เตรียมไปสนามบิน

 

 

สวีอันหรานกับสวีรั่วชีไปส่งคนทั้งคู่ที่สนามบิน

 

 

นี่เป็นครั้งแรกหลังจากแต่งงานที่เหยียนเค่อได้เห็นหน้าสวีรั่วชี

 

 

“สุขสันต์วันแต่งงาน” เหยียนเค่อเอ่ยกับสวีรั่วชี

 

 

สวีรั่วชีพยักหน้า “กลับไปเมือง N แล้วก็ดูแลตัวเองด้วย”

 

 

คนที่ถูกเมินอย่างสวีอันหรานไม่เข้าใจ เมียของเขากับเหยียนเค่อดูญาติดีกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ขนาดสายตาที่มองไปที่เหยียนเค่อยังดูแปลกๆเลย

 

 

เหยียนเค่อขึ้เกียจอธิบายกับเพื่อน ถูกฉินซื่อหลานลากเข้าไปด้านใน

 

 

ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ซย่าเสี่ยวมั่วเปลี่ยนที่เที่ยวจากกุ้ยโจวเป็นที่อื่นแล้ว เหยียนเค่อกับฉินซื่อหลานก็กลับถึงเมือง N เป็นที่เรียบร้อย ต่างกลับไปใช้ชีวิตตามปกติของตัวเอง

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเที่ยวอยู่ที่แม่น้ำหลานชางอย่างมีความสุข แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของหมารักของเธอไม่ได้ราบรื่นอย่างที่เธอหวังเอาไว้

 

 

“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วเดินอยู่ที่แม่น้ำหลางชางอย่างมีความสุข แม้กระทั่งรับโทรศัพท์ก็ยังอารมณ์ดี

 

 

“คุณซย่าคะ หมาของคุณอดอาหารมาเกือบสองวันแล้วนะคะ แทบไม่ได้กินอะไรเลย ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปต้องมีปัญหาแน่ๆค่ะ คุณพอจะมีเพื่อนที่จะมารับมันไปอยู่ด้วยบ้างไหมคะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วชะงักไปทั้งร่าง คราวที่แล้วก็คลุ้มคลั่ง คราวนี้ถึงกับอดอาหาร เธอเริ่มคิดหาวิธีอย่างเป็นกังวล ถ้าตนกลับไปตอนนี้อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสักสามวันเป็นอย่างต่ำ ถึงแม้จะรีบเปลี่ยนรถที่สุดก็ต้องใช้เวลากว่าวันครึ่ง

 

 

อีกอย่างตอนนี้อันหรานก็ยังอยู่ที่เกาะบาหลี สวีรั่วชีผ่านไปได้เลย คิดแล้วคิดอีกก็พบว่าตนไม่มีเพื่อนที่จะพึ่งพาได้แล้ว ขนาดพ่อกับแม่ของเธอเธอก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วปวดหัว นี่เป็นครั้งที่สองที่สถานรับเลี้ยงโทรมาหาเธอแล้ว ถ้าโทรมาอีกรอบน่าจะโทรมาแจ้งเธอว่ามันใกล้ป่วยตายแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้วนะ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วตัดสินใจซื้อตั๋วกลับบ้าน แต่พอเธอนึกถึงคำว่าโรงพยาบาลจู่ๆก็นึกถึงฉินซื่อหลานขึ้นมาทันที จึงรีบโทรศัพท์หาชายหนุ่ม

 

 

“ฮัลโหล” ตั้งแต่กลับมาฉินซื่อหลานก็ยุ่งจนจำไม่ได้ว่าตนไม่ได้นอนมากี่คืนแล้ว กดรับโทรศัพท์อย่างไม่เต็มใจ

 

 

“ฉันซย่าเสี่ยวมั่วนะ หมาฉันไม่สบาย”

 

 

“ฮะ?” ฉินซื่อหลานยู่ปาก คนยังรักษาไม่หายหล่อนคิดว่าเขาเป็นสัตว์แพทย์หรืออย่างไร

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วอธิบายต่อ “ฉันเอามันไปฝากไว้ที่สถานรับเลี้ยงสัตว์ ตอนนี้ไม่ไม่ยอมกินอะไรเลย ฉันก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ต้องหาคนรู้จักรับเลี้ยงมันสักพัก”

 

 

ฉินซื่อหลานไม่รู้จะพูดอะไร “โรงพยาบาลห้ามเลี้ยงสัตว์ ฉันไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้ว”

 

 

ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบสัตว์ แต่ตอนนี้เวลาในการจัดการปัญหาชีวิตตัวเองยังแทบไม่มีเลย จะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลสัตว์กันเล่า