ราชันเร้นลับ 518 : ชายผู้ใกล้ตาย โดย Ink Stone_Fantasy
ไคลน์ไม่ได้กล่าวสิ่งใดเพิ่ม และไม่ได้เชือดเดนิสทิ้ง เพียงกดหมวกทรงสูง ถือกระเป๋าเดินทางพลางก้าวลงบันไดโมราขาวไปทีละขั้น
จะปล่อยเราไปจริงหรือ… เดนิส·เพลิงพิโรธยืนบนดาดฟ้าเรือพลางก้มมองอย่างงุนงง
แม้จะคาดเดาจุดจบเช่นนี้ไว้บ้างแล้ว เนื่องจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์เคยปล่อยให้ตนเป็นอิสระขณะเรือจอดเทียบท่าดาเมียร์ แต่เดนิสก็ยังไม่อยากชื่อว่า เหตุการณ์จะลงเอยอย่างง่ายดายและราบรื่นเช่นในปัจจุบัน
ฉันคนนี้มีค่าหัวถึงสามพันปอนด์เชียวนะ! แถมนี่ยังเป็นแค่รางวัลนำจับจากโลเอ็นเพียงแห่งเดียว!
ไม่ใช่ว่าคนเสียสติอย่างเกอร์มัน·สแปร์โรว์เป็นนักผจญภัยหรอกหรือ? ทำไมถึงปล่อยให้หีบสมบัติหลุดมือไปต่อหน้าต่อตา?
จริงสิ คนสติดีย่อมไม่เข้าใจคนบ้า… หมายความว่าสมองของเรายังปรกติดีอยู่…
เดนิสหยิบกระเป๋าเดินทางพลางก้าวขาอย่างไม่รีบร้อน เพียงไม่นาน ฝ่าเท้าก็สัมผัสถึงพื้นคอนกรีตของท่าเรือ
มันยืนเหยียดหลังตรง สายตาจ้องมองแผ่นหลังของเกอร์มัน·สแปร์โรว์และพบว่า อีกฝ่ายมิได้หันกลับมา เอาแต่เดินตรงไปยังถนนเลียบชายฝั่งอย่างใจเย็น
แต่เดนิสยังไม่กล้าวางใจ มันกวาดสายตาหนึ่งรอบและเดินตรงไปทางถนนสายอื่น บ้างหักหลบเข้าตรอกซอกซอย บางชะโงกมองกลับไปด้านหลังโดยใช้กำบังช่วยซ่อนตัว
ถัดมาไม่นาน มันเดินมาถึงบ้านหลังหนึ่งซึ่งยังคงตั้งอยู่ในเขตท่าเรือ
เกอร์มัน·สแปร์โรว์มิได้ใช้เราเป็นเหยื่อล่อปลาตัวใหญ่…
หลังจากยืนยันจนแน่ใจ เดนิสเริ่มผ่อนคลายความกังวล ในวินาทีนี้ มันมั่นใจว่าตนสลัดหลุดจากอีกฝ่ายแล้ว
สรั่งเรือของพลเรือโทโจรสลัดจะไม่ถูกกดขี่และใช้งานเยี่ยงทาสอีกต่อไป!
จินตนาการได้ไม่ยากเลยว่า วันพรุ่งนี้จะงดงามมากแค่ไหน! คนจำนวนมากจะแก่งแย่งกันเข้ามาประจบประแจงเรา บางคนยินดีเป็นคนรับใช้ให้เราโดยสมัครใจ!
เดนิสเคาะประตูห้องอย่างมีความสุขด้วยจังหวะสามครั้งยาว สามครั้งสั้น
หึหึ… เกอร์มัน·สแปร์โรว์เคยขอให้เราอธิบายเกี่ยวกับจุดติดต่อของกลุ่มโจรสลัดต่างๆ แต่เนื่องจากเราฉลาด จึงเปิดเผยข้อมูลเฉพาะกลุ่มคู่อริเท่านั้น มันคงคาดไม่ถึงแน่นอนว่า จุดติดต่อของ ‘ฝันทองคำ’ จะอยู่ใกล้กับท่าเรือมากเพียงนี้…
เดนิสสูดลมทะเลอันสดชื่นเข้าไปเต็มปอดก่อนพายุฝนจะสาดเทลงมาทำลายบรรยากาศ
บายัมคือศูนย์กลางอำนาจทางทะเลของอาณาจักรโลเอ็นฝั่งทะเลโซเนีย ถือเป็นหนึ่งในเมืองซึ่งมีขนาดใหญ่อันดับหนึ่ง เต็มไปด้วยหน่วยพิเศษแข็งแกร่งของทางการ
ฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโจรสลัดแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่ก็ไม่มีใครกล้าก่อความวุ่นวายขึ้นในเมือง ส่วนใหญ่มักอาศัยกลุ่มอันธพาลหรือผู้ทรงอิทธิพลท้องถิ่นช่วยถ่ายสินค้าซึ่งถูกปล้นมาอย่างผิดกฎหมาย รวมถึงการซื้อของใช้ต่างๆ ส่งกลับขึ้นเรือ
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าโจรสลัดจะไม่กล้าขึ้นฝั่ง เมืองบายัมมีแหล่งท่องเที่ยวอันโด่งดังอย่าง ‘โรงละครแดง’ ซ่องโสเภณีอันดับหนึ่งในน่านน้ำละแวกนี้ โจรสลัดน้อยใหญ่มากมายมักแวะเวียนเข้าไปอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้พวกพ้องจะถูกจับไปทีละคนสองคนบ่อยครั้ง แต่ก็มิได้ทำให้ความนิยมของโรงละครแดงลดลง
นอกจากการค้าขายและธุรกิจเครื่องเทศ ซ่องโสเภณียังเป็นอีกหนึ่งรายได้สำคัญของหมู่เกาะรอสต์ ต่อให้ไม่นับโรงละครสีแดง ทั่วทุกซอกมุมก็ยังมีซ่องน้อยใหญ่มากมาย บ้างสว่างและบ้างมิดชิด คอยเปิดให้บริการโจรสลัดกลัดมันอย่างทั่วถึง สำหรับโจรสลัดหญิง พวกหล่อนไม่ต้องกังวลว่าจะ ‘ของขาด’ กลางทะเล ขอเพียงพวกเธอเสนอ ก็พร้อมมีคนสนองให้ตลอดเวลา นี่คือความไม่เท่าเทียมของอุปสงค์และอุปทาน เนื่องจากโจรสลัดส่วนใหญ่มักนับถือศาสนาวายุสลาตันซึ่งกดขี่เพศหญิง ส่งผลให้โจรสลัดหญิงมีจำนวนน้อยกว่าหลายเท่า
ขณะเดียวกัน การค้าขายวัตถุดิบวิเศษหรือสิ่งของเหนือธรรมชาติก็ยังเกิดขึ้นบ่อยครั้งในชุมนุมลับหลากหลายแห่งบนเกาะ
แต่ถึงอย่างนั้น ท่าเรือเล็กๆ ก็ดีกว่าเมืองใหญ่แบบนี้มาก พวกเราไม่ต้องกลัวการนั่งดื่มเหล้าในผับอย่างเปิดเผย รวมถึงการสั่งสอนนักผจญภัยปากดีให้หลาบจำ ขอเพียงไม่สร้างความเสียหายเลยเถิดหรือฆ่าใครตาย หน่วยพิเศษก็จะแสร้งทำเป็นตาบอด…
หึหึ ด้วยความต่างชั้นระหว่างพลังของพวกมันกับเรา หากกล้ามาจับกุมก็คงต้องใช้ความกล้าหาญมากกว่าปรกติสักหน่อย…
เดนิสครุ่นคิดอย่างเย้ยหยัน
ทันใดนั้น มันได้ยินเสียงฝีเท้าดังจากจุดห่างไกลและใกล้เข้ามาทุกขณะ จนกระทั่งประตูถูกเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าอันคุ้นเคย
“ตาแก่ วันนี้ไม่ดื่มหรือ” เดนิสทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
ชายยืนริมประตูคือ ‘เฒ่าลินน์’ หนึ่งในผู้ติดต่อของ ‘ฝันทองคำ’ บนหมู่เกาะรอสต์
เฒ่าลินน์กระแอมสองครั้งก่อนจะหลีกทาง
เมื่อเดนิสย่างกรายเข้าไปในห้องบรรยากาศมืดสลัว จมูกของมันพลันฟุดฟิด
มันได้กลิ่น ‘แลงติร้อนแรง’ !
แปลก… เฒ่าลินน์จะดื่มเฉพาะแรนดี้ดำท้องถิ่นของเมืองบายัมเท่านั้น!
เมื่อความคิดแล่นเข้ามาในหัว เดนิสเผยท่าทีตกตะลึงพร้อมกับหันหลังตามสัญชาตญาณ
ทันใดนั้น มันเห็นชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ด้านหลังตน รูปร่างสูงโปร่ง ผิวเข้มคล้ำ ร่างกายกำยำ และผมหยิกจนขดเป็นลูกหิน
แม็ควิตี้ ‘เหล็กกล้า’ …!
รูม่านตาเดนิสพลันหดเกร็งอย่างรวดเร็ว
ผู้ช่วยกัปตันแห่งพลเรือเอกโลหิต·เซนอล!
โจรสลัดสลัดเจ้าของค่าหัวหกพันปอนด์!
…
คลื่นลมทะเลโชยซัดพัดผ่าน ใบไม้แผ่นบางถูกโยกคลอนหนักหน่วง คล้ายกับพร้อมจะปลิดปลิวจากก้านได้ทุกเมื่อ
ไคลน์กำลังเดินไปบนถนนเลียบชายฝั่งท่าเรือบายัม ย่างก้าวไม่รีบร้อนหรือเชื่องช้า แต่ในทางกลับกัน ผู้คนรอบตัวนั้นกำลังรีบเร่ง
สัมผัสวิญญาณบอกกับมันว่า ต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าพายุฝนจะเริ่มอาละวาด ยังเหลือโอกาสสำหรับมองหาโรงแรมเข้าพักอาศัย
ฟ้าว
ลมเริ่มฟัดรุนแรง กิ่งไม้และใบบางส่วนเริ่มโปรยปรายลงบนพื้น ผู้คนบนถนนบางตาลงอย่างชัดเจน
ขณะไคลน์กำลังจะเลี้ยวเข้าตรอกแคบ มันได้ยินเสียงฝีเท้าอันเร่งรีบแต่ไม่เป็นจังหวะของใครบางคน
กึก. กึก. กึก.
เดนิสกำลังวิ่งเต็มฝีเท้า โดยภาพการมองเห็นของมันกำลังสั่นระริกและพร่ามัว
เดนิสปวดแผลเจียนตาย และรู้สึกว่าพลังชีวิตของตนกำลังเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว พลังวิญญาณไหลออกจากร่างกายไปแล้วบางส่วน อีกนิดเดียวก็จะย่างกรายเข้าสู่ประตูนรกในตำนาน
เสียงรอบข้างเลือนรางและแผ่วเบา ภาพการมองเห็นล่องลอยและฟุ้งเกินจริง
หากมิใช่เพราะสวม ‘ผ้าคลุมเงา’ เอาไว้ตลอดเวลา การลอบโจมตีจากอีกฝ่ายคงส่งให้มันไปอยู่ในนรกนานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็มิอาจเลี่ยงบาดแผลฉกรรจ์ได้ โดยมันพร้อมจะนอนตายกลางถนนทุกเวลา
อย่างไรก็ตาม เดนิสยังคงรักษาสติไว้ได้ด้วยเจตนาอันแน่วแน่ มันต้องการแจ้งให้กัปตันของตนทราบว่า จุดติดต่อของเรือฝันทองคำถูกควบคุมโดยพลเรือเอกโลหิตเรียบร้อยแล้ว โดยเกิดความหวังอย่างเลือนรางว่า นักผจญภัยบ้าคลั่งแต่ทรงพลังอาจยอมช่วยเหลือตน
ถ้าเป็นชายคนนั้น จะต้องจัดการกับแม็ควิตี้·เหล็กกล้าได้แน่! ฝีเท้าเดนิสเริ่มแผ่ว ร่างกายของมันเย็นชืดทีละนิด
ขณะกำลังรู้สึกว่ามิอาจพยุงตัวเองได้อีก เดนิสเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ยืนอยู่ตรงมุมถนนถัดไปไม่ห่าง ใบหน้าอันสง่างามซึ่งเคยแฝงความบ้าคลั่ง ยามนี้อ่อนโยนจนผิดวิสัย
ตุ้บ!
เดนิสทิ้งตัวนอนแผ่หลา ฝ่ามือสองข้างกุมหน้าอกและหน้าท้องอย่างปราศจากเรี่ยวแรง บาดแผลฉกรรจ์ในจุดดังกล่าวสามารถมองลึกเข้าไปเห็นถึงอวัยวะภายในได้เลย
“ฝ…ฝากบอกกัปตันว่า แม็ควิตี้·เหล็กกล้าพบตัวเฒ่าลินน์แล้ว พวกมันกำลังเล็งสมบัติชิ้นนั้น!” เมื่อเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์เดินเข้ามาคุกเข่าด้านข้าง เดนิสขอร้องอย่างสิ้นหวัง
ไคลน์นึกทบทวนค่าหัวแม็ควิตี้·เหล็กกล้าพลางถามกลับ
“พลเรือเอกโลหิต?”
“ช…ใช่! ช่วยบอกกัปตัน… ช…ช่วยบอกกัปตันของฉันให้ด้วย!” เดนิสพะงาบปาก
เมื่อกล่าวประเด็นสำคัญจบ มันเผยรอยยิ้มขื่นขม
“ท…ทิ้งฉันไว้ตรงนี้ ฉ…ฉันคงไม่รอดแล้ว บ…บอกกัปตันว่า เงินออมทั้งหมดของฉันถูกเปลี่ยนเป็นบ้านในเมืองบายัม ไล่ตั้งแต่อาคารหมายเลข 12 ไปจนถึง 16 บนถนนไม้หอม ฉ…โฉนดถูกซ่อนอยู่ในผนังห้องใต้ดินของบ้านหมายเลข 13… นำมันไปขาย… จากนั้น… ช…ช่วยนำเงินไปยังหมู่บ้านนอร์เซียร์… ท…ทางตอนใต้ของอินทิส มอบให้พ่อกับแม่ของฉัน… บ…บอกกับพวกท่านว่า ฉ…ฉัน… ประสบความสำเร็จและโด่งดังอย่างมาก…”
เดนิสเว้นวรรค ตามด้วยการกล่าวอย่างเจ็บปวด
“ช…ช่วยบอกพวกเขาว่า… ฉันเป็นนักผจญภัย… สุดแข็งแกร่ง… และฝาก… ขอโทษพวกท่าน… ด้วย…”
ดวงตาเดนิสเริ่มพร่ามัว คล้ายกับความทรงจำของเด็กดื้อเมื่อหลายสิบปีก่อนแล่นกลับเข้ามาในสมอง
ขอโทษนะพ่อ… ขอโทษครับแม่…
ประกายแววเดนิสเริ่มอับแสง มันสัมผัสได้อย่างแจ่มชัดว่า ชีวิตของตนใกล้จบลงเต็มที
ทันใดนั้น เดนิสเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ยื่นแขนออกมาและใช้มือกดปากแผลไว้
จากนั้นก็ทำการ ‘เลื่อน’
ความโศกของเดนิสพลันชะงักงัน อาการชาบริเวณหน้าอกและช่องท้องพลันอันตรธานหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ แต่แขนซ้ายเปลี่ยนไปมีสภาพยับเยินและกระดูกหักแทน
เดนิสจ้องไคลน์ด้วยดวงตาสั่นเทา ทางด้านชายหนุ่มเพียงมองกลับไปอย่างเงียบงัน ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดนานหลายวินาที
จนกระทั่ง เดนิสก้มมองบาดแผลบนท้องอย่างคาใจ และพบว่าผิวหนังในบริเวณดังกล่าวสมานติดกันตามเดิมอย่างน่าประหลาด แต่กระดูกแขนซ้ายมีสภาพแตกร้าวหลายจุด
เรายังไม่ตาย…?
เดนิสกะพริบตาถี่ อารมณ์โศกเศร้าขณะชีวิตใกล้ถึงจุดจบ กำลังคุกรุ่นอยู่ในห้วงความรู้สึกและยังสลัดออกไปไม่ได้
“ทำไม… นายถึงไม่รีบรักษา?” มันซักถาม
ไคลน์มองไปยังอีกฝั่งของถนนอันว่างเปล่า พลางตอบกลับด้วยเสียงเย็นชา
“รอให้นายพูดจบก่อน เป็นมารยาทของผู้ฟัง”
มารยาทพ่อมารยาทแม่เอ็งสิวะ!
แม่เย็*! เราอุตส่าห์คิดคำสั่งเสียสุดท้าย! นึกว่าจะต้องตายแล้วเชียว!
เดนิสเกร็งหลังพร้อมกับดีดตัวลุกยืน
มันหันไปทางท่าจอดเรือเพื่อมองควันสีดำเข้มบนท้องฟ้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การต่อสู้ของมันกับเหล็กกล้าเกิดขึ้นในบริเวณดังกล่าว
เป็นเพราะเราเผาบ้านหลังนั้นทิ้ง แม็ควิตี้·เหล็กกล้าจึงกังวลว่าหน่วยพิเศษจะพบความวุ่นวายและรีบรุดไปยังจุดเกิดเหตุ ขณะเดียวกัน มันก็คงยังประหลาดใจกับเงาดำ จึงไม่กล้าไล่ตามส่งเดช…
เดนิสเริ่มประเมินสถานการณ์
“หาห้องพักกันก่อน” ไคลน์แบมือและพบว่าสายฝนเริ่มโปรยปราย
เดนิสไม่ทราบเลยว่า ตนรอดจากหายนะมาได้แล้ว หรือกำลังจะเผชิญหายนะร้ายแรงกว่าเดิม แต่มันก็พยักหน้าตอบรับโดยไม่รีรอ
“ตกลง”
เห็นได้ชัดว่า คนบ้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่หวาดกลัวแม็ควิตี้·เหล็กกล้าเลยสักนิด รวมไปถึงพลเรือเอกโลหิตด้วย… ในเวลาแบบนี้ เราขอชื่นชมความบ้าบิ่นของมัน…
ให้ตายสิ ดันไปเปิดเผยทรัพย์สินของตัวเองให้อีกฝ่ายรับรู้จนได้…
ขณะถอนหายใจ สีหน้าเดนิสเริ่มอึมครึม
ข้างหนึ่งถือกระเป๋าเดินทาง ข้างหนึ่งถือไม้ค้ำแข็ง ไคลน์ย่างกรายนำหน้าเดนิสอย่างเงียบงัน ภายในหัวมีเสียงดังก้องซ้ำไปมาว่า :
ทำไมโจรสลัดถึงได้รวยนักวะ…
…
เขตราชินี
ออเดรย์ ผู้ใกล้จะเดินทางออกจากกรุงเบ็คลันด์ กำลังหมกตัวอยู่ในห้องทดลองเคมีพลางผสมวัตถุดิบวิเศษจากมิสเตอร์แวมไพร์เข้าด้วยกัน มีทั้งผลของไม้คนชราและเลือดมังกรกระจก รวมถึงวัตถุดิบชนิดอื่นๆ เพื่อปรุงเป็นโอสถ ‘นักจิตบำบัด’
สำหรับคราวนี้ เธอมิได้ให้ซูซี่ออกไปเฝ้าหน้าห้องเหมือนทุกที แต่สั่งให้นั่งข้างในและคอยจับตามองทุกขั้นตอนอย่างละเอียด
เอิร์ลฮอลล์ได้กำชับบอดี้การ์ดทุกคนไว้อย่างหนักแน่นว่า ขณะคุณหนูใช้งานห้องทดลองเคมี ห้ามมิให้ใครเข้าไปรบกวนโดยเด็ดขาด นอกเสียจากจะมีการเปลี่ยนแปลงชนิดผิดวิสัยเกิดขึ้น
ฟู่ว… หญิงสาวถอนหายใจโล่งอก พลางเทโอสถใส่ลงไปในขวดแก้วซึ่งเตรียมไว้ล่วงหน้า
ของเหลวสีทองอ่อนกระเพื่อมแผ่วเบาจนมีรูปร่างคล้ายกับดวงตาประหลาด หากใครได้เห็นเป็นต้องรู้สึกคล้ายกับถูกสะกด
“ซูซี่ จำขั้นตอนได้ไหม? เธอเป็นหมาผู้ใหญ่แล้ว ไม่สิ ต้องเรียกว่าผู้วิเศษโตเต็มวัย หลังจากนี้ต้องหัดปรุงโอสถด้วยตัวเอง เอ่อ… ไม่ใช่ว่าฉันจะเลิกช่วยเธอหรอกนะ แค่สอนเผื่อเอาไว้ บางทีอาจมีโอกาสได้ใช้ เพราะฉันไม่สามารถอยู่เคียงข้างเธอได้ตลอดเวลา และเธออาจต้องดื่มโอสถในช่วงดังกล่าว” ออเดรย์กล่าวอย่างร่าเริงกับโกลเดนรีทรีเวอร์ขนสีทอง
ซูซี่ สุนัขผู้มีการศึกษา แสดงสีหน้าสับสนเล็กน้อยก่อนจะอ้าปากตอบสนอง
“โฮ่ง!”
ออเดรย์พยายามข่มใจให้สงบ ก่อนจะบรรจงดื่มโอสถ ‘นักจิตบำบัด’ ในขวดเข้าไป
……………………