ตอนที่ 436 พี่สาวที่ดี

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 436

พี่สาวที่ดี

“พ่อของเจ้านี่ช่างสร้างปัญหาจริงๆ มีลูกชายอีกคนก็ไม่ส่งข่าวมาสักคำ”หยงเวยว่าพลางนั่งลงข้างๆไป๋ไป่ ตั้งแต่หนีออกจากอาณาจักรไป๋ ไป๋จูเหวินก็แทบจะไม่ได้ติดต่อคนอื่นอีกเลย แม้แต่อู๋หมิงเองยังได้รับจดหมายนานๆครั้ง จะว่าไปเจ้านั่นรู้หรือยังว่าไป๋จูเหวินมีลูกชายอีกคนแล้ว

“หมู่บ้านที่ข้าอยู่มันห่างจากเมืองมากเลยขอรับ บางทีท่านพ่ออาจจะไม่สะดวกก็ได้”จูล่งแก้ตัวให้พ่อของตนเองทันที ทั้งๆที่ระยะห่างของหมู่บ้านไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ไป๋จูเหวินเลยแท้ๆ มันเพียงเรียกอสูรปักษาสักตัวให้ทำหน้าที่ส่งจดหมายก็เพียงพอแล้วแท้ๆ

“ว่าแต่ จูล่งเจ้ามาทำอะไรที่นี่งั้นหรือ”ไป๋หลินถามพลางมองไปทางน้องชายที่พึ่งได้รู้จักกัน เมื่อครู่ทั้งไป๋หลินทั้งหยงเวยโจมตีจูล่งทั้งคู่ แต่มันกลับแสดงให้เห็นว่ามันสามารถต้านรับพลังของทั้งสองได้ แล้วเหตุใดมันถึงอยู่ในกลุ่มผู้ลงประลองเพื่อชิงเงินรางวัลเพียงไม่กี่เหรียญทองได้กัน

“ข้า….”จูล่งกะพริบตาปริบๆพลางมองผิงกั่วที่นั่งอยู่ข้างๆตนเอง หลังจากเรื่องที่จูล่งก่อขึ้นสงบลงแล้วไป๋หลินก็ขอเจ้าสำนักเก้าศิลาว่าอยากให้จูล่งมานั่งร่วมกับตนเอง ทำให้ทั้งจูล่งทั้งผิงกั่วรวมถึงตงฟางที่เปลี่ยนเป็นร่างขนาดเล็กแล้วมานั่งอยู่ที่นั่งข้างๆเจ้าสำนักแทนที่จะไปอยู่ในลานประลอง

“ข้ากำลังจะพาเด็กคนนี้ไปส่งบ้าน ก็เลยมาประลองเพื่อหาเงินค่าเดินทางขอรับ”จูล่งตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา

“ค่าเดินทาง?”ไป๋หลินเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นทำไมน้องชายของนางถึงลำบากขนาดต้องมาหาเงินด้วยการประลองเช่นนี้ ตัวนางที่เกิดมาเป็นลูกของไป๋จูเหวินไม่เคยเดือดร้อนเรื่องเงินมาก่อน เรียกได้ว่ามีเหลือกินเหลือใช้มาตั้งแต่เกิด แล้วเหตุใดจูล่งถึงประสบปัญหาการเงินได้กันเล่า

“ขอรับ ข้าเหลือเงินติดตัวไม่มาก ก็เลยมาลงประลองเผื่อจะได้เงินค่าเข้าร่วมไปใช้บ้าง”จูล่งตอบด้วยใบหน้าลำบากใจ

“เจ้าไม่ต้องประลองหรอก”ไป๋หลินว่าพลางถอนหายใจออกมา หรือท่านพ่อของนางจะจงใจให้จูล่งเป็นเช่นนี้ เพราะบนตัวของจูล่งไม่มีเสื้อผ้าดีๆหรือของมีค่าติดตัวเลย มันใส่เพียงเสื้อผ้าธรรมดาๆที่หาได้ทั่วไปไม่มีการประดับตกแต่งใดๆทั้งสิ้น ต้องบอกว่ามันโชคดีมากที่เกิดมาหน้าตาดีต่อให้ใส่เสื้อผ้าธรรมดาแค่ไหนก็ยังดูดีไม่น้อย

“แต่…ถ้าข้าไม่ลงประลองข้าคงหาเงินเพื่อเดินทางต่อไม่ได้”จูล่งตอบ งานอื่นๆจูล่งก็ไม่เคยทำ ยิ่งงานประจำยิ่งแล้วใหญ่ มันไม่สามารถทำได้แน่ๆเพราะต้องเดินทางต่อแทบจะทันทีอยู่แล้ว

“เจ้าคิดว่าพี่สาวเจ้าเป็นใครกัน”ไป๋หลินยิ้มพลางนำถุงเงินถุงหนึ่งออกมาจากมิติของนาง ในถุงเงินของนางนั้นไม่ได้มีเหรียญเลยแม้แต่เหรียญเดียว แต่กลับมีกระดาษม้วนหนึ่งใส่เอาไว้จนเต็ม กระดาษเหล่านั้นคือตั๋วเงินนั่นเอง ซึ่งแต่ละตั๋วที่ไป๋หลินมีนั้นย่อมไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ อย่าว่าแต่ของต่างๆในมิติของนางเพียงนำออกมาไม่กี่ชิ้นก็ขายได้เงินมหาศาลแล้ว แต่ไม่ใช่ทุกเมืองจะมีเงินพอซื้อของที่นางมีทำให้นางต้องพกเงินติดตัวเอาไว้บ้าง

“ก่อนอื่นก็ต้องจัดการเจ้ากับเด็กคนนี้เสียก่อน”ไป๋หลินว่าพลางมองไปทางผิงกั่ว จูล่งยังดีที่ใส่เสื้อผ้าปกติธรรมดาอยู่ แต่เด็กหญิงคนนี้มันอะไรกัน ทำไมถึงมีสภาพเหมือนสวมผ้าขี้ริ้วเช่นนั้น ในฐานะหญิงสาวแล้วนางเจ็บปวดใจแทนจริงๆ

เปรี้ยง!!! หลังจากจบเรื่องวุ่นวายการประลองที่สำนักเก้าศิลาจัดขึ้นก็เริ่มต้นอีกครั้ง การประลองของเหล่าผู้มีฝีมือธรรมดาๆนั้นรู้สึกตื่นเต้นและน่าสนใจไม่น้อย พวกมันพยายามสู้ด้วยทุกอย่างที่ตนเองมี ในกลุ่มคนเหล่านี้มีหลายคนทีเดียวที่มีวิชาติดตัว ทำให้การประลองสนุกสนานขึ้นมาก เพียงแต่ผู้ชนะอันดับ 1 นั้นก็คงเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากหลานฮวาผู้มีพลังระดับเทียนเซียนขั้นที่ 5 ตัวนางนั้นแทบจะเก่งกว่าเจ้าสำนักเก้าศิลาอยู่แล้ว ทำเอาการประลองของนางน่าเบื่อไปเลย

“ไปกันเถอะ”ไป๋หลินว่าพลางลุกขึ้นยืนทันทีที่การประลองจบ นางขอตัวจากเจ้าสำนักเพื่อจะพาน้องชายของนางไปเดินเล่นในตลาดเสียหน่อย ซึ่งเจ้าสำนักเองก็ไม่กล้าขัดใจไป๋หลินอยู่แล้ว

“พี่สาว ท่านจะไปไหนงั้นหรือ”จูล่งถามงงๆหลังจากไป๋หลินบอกให้ตนเองตามนางออกไป

“ข้าก็จะทำหน้าที่พี่สาวที่ดียังไงล่ะ”ไป๋หลินว่าพลางมองไปทางจูล่งกับผิงกั่วนิ่ง พวกมันช่างแต่งตัวเสียของจริงๆ แม้ไป๋หลินจะไม่ใช่คนเรื่องมากว่าต้องใช้เสื้อผ้าดีๆสวยๆเท่านั้น แต่เสื้อผ้าของทั้งสองก็เก่าเกินไปจริงๆโดยเฉพาะผิงกั่ว ตั้งแต่จูล่งและชิงชิวช่วยนางออกมาจากห้องใต้ดินก็ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางเลย ตอนอยู่ที่โรงเตี๊ยมก็เพียงให้นางเช็ดตัวเท่านั้น

ปึง..ไป๋หลินเดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมือง แม้เมืองห่างไกลเช่นนี้จะไม่ได้มีเสื้อผ้าดีๆเท่าไหร่ แต่ก็มีเสื้อผ้าที่ดีกว่าน้องชายของนางใส่อยู่หลายเท่าทีเดียว

“ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ”ทันทีที่เห็นไป๋หลินเดินเข้ามาในร้าน เหล่าลูกจ้างภายในร้านก็รีบเข้าไปต้อนรับไป๋หลินทันที แม้ยามนี้ไป๋หลินจะไม่ได้เป็นองค์หญิงแล้ว แต่เครื่องแต่งกายของไป๋หลินต่อให้ธรรมดาแค่ไหนก็เป็นของมีค่าในสายตาผู้อื่นอย่างมาก ยิ่งประกอบกับความงดงามของตัวนางเองยิ่งทำให้เสื้อผ้าของนางดูล้ำค่าขึ้นมาก ทำให้สาวๆในร้านต่างฟันธงทันทีที่เห็นไป๋หลินว่านางต้องเป็นลูกค้ารายใหญ่แน่ๆ

“พวกเจ้าช่วยจัดชุดให้น้องชายของข้าและเด็กผู้หญิงคนนี้หน่อยนะ”ไป๋หลินพูดพลางยื่นตั๋วเงินให้หญิงวัยกลางคนที่เหมือนจะเป็นเจ้าของร้าน

“จะ เจ้าค่ะ… เด็กๆพาคุณชายและคุณหนูไปห้องลองชุดเร็วเข้า”เจ้าของร้านตาโตมองตั๋วเงินในมือด้วยใบหน้าที่ส่องประกายอย่างเห็นได้ชัด เข้าร้านมาก็ส่งตั๋วเงินราคาหลายพันเหรียญทองมาแล้ว ไม่ผิดแน่ลูกค้ารายนี้ต้องสร้างกำไรอย่างงามให้ร้านอย่างไม่ต้องสงสัย

“เจ้าค่ะ”เหล่าหญิงสาวพนักงานร้านเห็นเถ้าแก่เนี้ยมีท่าทีตื่นเต้นที่ได้เห็นตั๋วเงินในมือไป๋หลินก็เข้าใจทันทีว่าแขกท่านนี้ไม่ธรรมดา พวกนางต่างวางงานในมือพร้อมเดินเข้ามาต้อนรับจูล่งและผิงกั่วกันอย่างออกหน้าออกตา พนักงานทุกคนในร้านหากไม่ติดลูกค้าท่านอื่นอยู่ก็แทบจะมาให้บริการทั้งสองกันทั้งสิ้น

“พี่จูล่ง….”ผิงกั่วมีท่าทีตกใจอย่างมากเมื่อเห็นจูล่งกับนางกำลังโดนลากเข้าไปในห้องแต่งตัว แต่เพราะเป็นห้องแต่งตัวที่แยกชายหญิงทำให้ผิงกั่วโดนลากไปคนเดียวเสียอย่างนั้น แน่นอนว่านางไม่สบายใจเอาเสียเลยที่จูล่งโดนแยกออกไป

“ไม่ต้องกลัวหรอก เดี๋ยวข้าจะเข้าไปกับเจ้าด้วย”ไป๋หลินพูดพลางเดินเข้าไปหาผิงกั่ว ก่อนหน้านี้นางได้ยินผิงกั่วคุยกับจูล่งก็ทราบแล้วว่านางใช้ภาษาคนละอย่างกับพวกตน แต่ด้วยความสามารถพิเศษของตระกูลไป๋ทำให้นางสามารถสื่อสารกับผิงกั่วได้แทบจะทันทีไม่ต่างจากจูล่งเลย

“….”ผิงกั่วอึ้งไปเมื่อได้ยินภาษาของตนเอง ไม่นึกเลยว่านอกจากไป๋จูล่งแล้วยังมีคนสามารถสื่อสารกับตนได้อีก แถมจูล่งยังเล่าให้นางฟังแล้วด้วยว่านางคือพี่สาวแท้ๆของจูล่ง ทำให้ผิงกั่วพอจะวางใจในตัวไป๋หลินได้มากกว่าเดิม

“พี่สาว คนพวกนี้จะพาหนูไปไหนกัน”ผิงกั่วถามด้วยท่าทีกังวล นางไม่เข้าใจสิ่งที่คนอื่นพูด รู้แต่เพียงตัวเองกำลังโดนลากไปที่อื่นเท่านั้น

“พวกนางจะพาเจ้าไปแต่งตัวยังไงล่ะ เจ้าจะได้ดูน่ารักน่าเอ็นดูกว่านี้”ไป๋หลินว่าพลางมองแก้มแดงๆของผิงกั่ว ทั้งๆที่ผมกระเซอะกระเซิงกับสวมเสื้อผ้าที่เหมือนผ้าขี้ริ้วแท้ๆ แต่ผิงกั่วก็ยังดูเป็นเด็กน่ารัก หากแต่งตัวดีๆนางอาจจะกลายเป็นเด็กหญิงที่น่าเอ็นดูอย่างมากก็ได้

“คุณหนู ไม่ทราบว่าชุดนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ”หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาไป๋หลินพลางนำชุดขนาดพอดีตัวกับผิงกั่วออกมาให้นางเลือก แม้ไป๋หลินจะอายุมากกว่าหญิงวัยกลางคนตรงหน้ามากก็ตาม แต่รูปร่างหน้าตาภายนอกก็ยังไม่ต่างจากเดิมมากทำให้นางโดนเรียกว่าคุณหนูได้ไม่ติดขัดอะไร

“ผ้าแบบนี้ จากอาณาจักรไป๋งั้นหรือ”ไป๋หลินถามพลางมองเนื้อผ้าของชุดที่หญิงวัยกลางคนนำมา หลังจากรูบี้กลับไปที่อาณาจักรไชน์ อาณาจักรไป๋ก็ไม่ได้หยุดพัฒนาแต่อย่างไร ยิ่งช่วงหลังๆการเรียนการสอนในอาณาจักรพัฒนาไปมาก ทำให้งานในหลายๆด้านพัฒนาอย่างก้าวกระโดด อย่างเสื้อผ้าที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็ทำมาจากเครื่องทอผ้าชนิดพิเศษที่จินจื่อคิดขึ้น ทำให้ได้ผ้าทอที่ทั้งสวยงามทนทานในเวลาไม่นาน ทำให้ราคาผ้าถูกลงมากส่งผลให้คนของอาณาจักรไป๋สามารถสวมใส่เสื้อผ้าสวยๆได้โดยไม่ต้องเสียเงินจำนวนมากอีกต่อไปแล้ว

“คุณหนูช่างมีความรู้กว้างขวางจริงๆเจ้าค่ะ ชุดพวกนี้ส่งมาจากอาณาจักรไป๋จริงๆ”หญิงวัยกลางคนตอบพลางยิ้มกว้าง อาณาจักรไป๋กับอาณาจักรที่ไป๋หลินอยู่ตอนนี้ห่างกันมาก หากนั่งหลังของไป๋ไป่ก็ยังต้องใช้เวลาเกือบ 2 อาทิตย์ แถมอาณาจักรแถบนี้ยังไม่ยอมให้ต่อทางรถไฟมาด้วย การจะนำชุดจากอาณาจักรไป๋มาที่นี่ย่อมใช้เวลาไม่น้อย แม้จะสามารถหาซื้อได้ในราคาถูกจากอาณาจักรไป๋ แต่ก็คงโดนค่าขนส่งไปมากจนราคาแพงระยับไม่ผิดแน่

“พวกเจ้าเตรียมมาหลายๆชุดก็แล้วกัน เลือกที่เหมาะกับนางด้วย”ไป๋หลินสั่งพลางเดินเข้ามาหาผิงกั่ว ตอนนี้นางโดนจับนั่งอยู่ตรงข้ามกับกระจกเพื่อจะจัดแต่งทรงผมเสียใหม่ แต่ไป๋หลินกลับบอกให้พนักงานที่เตรียมจะลงมือจัดแต่งทรงผมให้ผิงกั่วออกไปเสียก่อนพร้อมทั้งเดินไปหยิบหวีมาสางผมให้ผิงกั่วด้วยตนเอง

“ผิงกั่ว ข้าขอถามเจ้าหน่อย”ไป๋หลินว่าพลางขยับหวีในมือช้าๆ

“เจ้าคะ”ผิงกั่วหลับตาเล็กน้อยเพราะไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน แม้ตอนแรกจะเจ็บนิดหน่อยเพราะผมของตนเองพันกันยุ่งไปหมด แต่ไม่นานก็เริ่มรู้สึกสบายแทน ไป๋หลินผู้นี้แม้แต่ความสามารถด้านการหวีผมก็ไม่น้อยหน้าใครเลยทีเดียว

“ทำไมจูล่งถึงอาสาจะพาเจ้ากลับบ้านล่ะ”ไป๋หลินถามด้วยความสงสัย ก่อนหน้านี้ตอนจูล่งเข้าใจผิดว่านางคือเหม่ยหลินมันขอโทษนางที่หนีออกมาและยังบอกอีกด้วยว่าตนสัญญากับผิงกั่วเอาไว้ว่าจะพานางไปพบแม่ แต่ภาษาของผิงกั่วไม่ใช่ภาษาของอาณาจักรแถบนี้ เกรงว่านางจะมาจากอาณาจักรที่ห่างไกลจากที่นี่มาก ไม่ว่าจะอย่างไรนางก็สงสัยอยู่ดีว่าทำไมนางถึงมาอยู่ที่นี่ได้

“เรื่องนั้นหนูเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”ผิงกั่วตอบพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย

“หนูโดนใครก็ไม่รู้จับตัวมาแล้วก็ขังเอาไว้ในห้องมืดๆ แต่เมื่อวันก่อนพี่จูล่งก็ลงมาแล้วช่วยหนูเอาไว้ พอตื่นขึ้นมาพี่จูล่งก็บอกว่าจะพาหนูไปหาแม่”ผิงกั่วตอบพลางนึกภาพของจูล่งยามนั้น นางดีใจมากจริงๆที่จูล่งพูดแบบนั้นออกมา

“งั้นหรือ”ไป๋หลินยิ้มบางๆออกมา ท่าทางน้องชายของนางจะเป็นคนจิตใจดีไม่น้อยถึงได้ไปช่วยเด็กหญิงที่ไม่รู้จักแถมยังแอบพานางออกมาเพื่อจะไปส่งบ้านอีกต่างหาก แม้จะซื่อบื้อไปหน่อยถึงขั้นไม่เตรียมตัวเดินทางเลยก็ตาม

“พี่จูล่งเป็นคนใจดีมากเลยเจ้าค่ะ ข้าดีใจจริงๆที่พี่จูล่งมาเจอหนู”ผิงกั่วตอบพร้อมรอยยิ้ม ทำให้ไป๋หลินพลันยิ้มตามออกมาทันที โชคดีจริงๆที่จูล่งเป็นคนดี เพราะหากมันไม่ได้โตมาเป็นคนดีเช่นนี้ไป๋หลินก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะทันทีที่นางใช้ดวงตาสีม่วงตรวจสอบพลังของน้องชายคนนี้ สิ่งที่นางเห็นก็ทำเอาแผ่นหลังของนางเย็นวาบขึ้นมาทันที