บทที่ 575 หอทิงเฟิงขาดแคลนเงิน

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

ในช่วงสองวันที่ผ่านมาเฟิงอู๋ชิงไม่ค่อยดีนัก เขามีนิสัยรักความสะอาด ประกอบกับร่างกายที่ย่ำแย่ ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในคุก เขาก็หงุดหงิดและไออยู่ตลอดเวลา

เดิมทีเขาเป็นบุรุษรูปงาม แต่ในตอนนี้รูปโฉมเปลี่ยนไป ใบหน้าของเขาบวม และเนื้อตัวสกปรก ช่างลำบากเสียจริง

เมื่อฉีเฟยอวิ๋นเปิดประตูห้องขังเข้าไปข้างใน นางก็เห็นเฟิงอู๋ชิงที่กำลังไอ หลังจากเข้าไปแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ส่งมอบเจ้าห้าที่อยู่ในอ้อมแขนให้กับอาอวี่ ซึ่งด้านหลังของอาอวี่ก็แบกเจ้าเสือเล็กมาด้วย เจ้าเสือน้อยนอนอยู่ข้างในตะกร้า และสามารถอุ้มเจ้าเสือน้อยออกมาได้เป็นครั้งคราว เพราะอาจจะทำให้ผู้อื่นกลัวได้ ฉีเฟยอวิ๋นใส่เจ้าเสือน้อยไว้ในตะกร้าด้านหลังของอาอวี่ และมันก็อยู่ในนั้นอย่างสงบนิ่ง

อาอวี่อุ้มเจ้าห้าและยืนเฝ้ามองอยู่ข้าง ๆ เฟิงอู๋ชิงเงยหน้าขึ้นมองฉีเฟยอวิ๋นและยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ:“อู๋ฮัว?”

“……”

อาอวี่มองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น ทำไมชื่อนี้ถึงได้แปลกนัก พระชายาทรงมีชื่อเช่นนี้ด้วยหรือ?

แน่นอนว่าฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้สนใจ นางเดินไปข้างหน้าเฟิงอู๋ชิงและจับข้อมือของเขา จากนั้นก็ตรวจดูให้เขา

เฟิงอู๋ชิงถูกใส่กุญแจมือ ฉีเฟยอวิ๋นจึงไม่กลัว

ดวงตาที่โหดเหี้ยมและเย็นชาของเฟิงอู๋ชิงเหลือบไปที่ฉีเฟยอวิ๋นและกล่าวว่า:“เปลี่ยนใส่เสื้อผ้าที่งดงามเช่นนี้ เจ้าก็ไม่ได้น่าเกลียดขนาดนั้น”

“……ผู้กล้ากล่าวเช่นนี้ ใต้หล้าไม่มีหญิงใดที่น่าเกลียด เพียงแต่พวกเขายังไม่พบผู้ที่ถูกใจ หากมีตาแน่นอนว่าหาที่เปรียบมิได้ แต่หากไม่มีตา แน่นอนว่าน่าเกลียดจนไม่สามารถทนมองได้”

หลังจากพูดจบ ฉีเฟยอวิ๋นก็มองไปที่เฟิงอู๋ชิง จากนั้นก็ถอยออกไปด้านข้าง นางหยิบกล่องยาที่ไหล่ของอาอวี่วางลงข้าง ๆ นางหยิบยาออกมา แล้วส่งให้เฟิงอู๋ชิง:“เชิญผู้กล้า”

เฟิงอู๋ชิงหยิบยาขึ้นไปดูและใส่เข้าไปในปาก ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมน้ำร้อน นางเปิดกระติกน้ำร้อนและเทน้ำให้เฟิงอู๋ชิงหนึ่งถ้วย และเฟิงอู๋ชิงก็มองถ้วยที่มีไอความร้อนขึ้นมาอย่าสนใจ

“นี่เป็นกระติกน้ำร้อน ผู้กล้าสามารถเก็บน้ำร้อนไว้ในกระติกได้ประมาณสิบชั่วยาม” ฉีเฟยอวิ๋นอธิบายเรื่องน้ำให้เฟิงอู๋ชิงฟัง เฟิงอู๋ชิงมองดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนและดื่มน้ำ

เฟิงอู๋ชิงวางชามลงและกล่าวว่า:“จวนอ๋องเย่ช่างเป็นสถานที่ที่ดีจริง ๆ และเกรงว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่มีที่อื่น”

“ไม่มีและหาได้ยาก”

ฉีเฟยอวิ๋นรอให้เฟิงอู๋ชิงกินยาและนั่งลงมองไปที่เฟิงอู๋ชิง:“ผู้กล้า ท่านต้องการจะฆ่าข้า เพราะมีคนเสนอเงินให้ผู้กล้ามาใช่หรือไม่?”

“เป็นไปไม่ได้?” เฟิงอู๋ชิงกินยาลงไปและรู้สึกว่าหายใจสะดวกขึ้นมาก

ฉีเฟยอวิ๋นยิ้มและกล่าวว่า:“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่คิดว่าผู้กล้าเป็นคนเช่นนี้ ไม่ใช่ผู้ที่ขาดแคลนเงิน ผู้กล้านั้นไม่ธรรมดา และการพูดจาก็ไม่หมือนชาวยุทธภพ เป็นไปได้อย่างไรที่จะมาฆ่าข้าเพราะเงินเพียงไม่กี่ตำลึง?

ถึงอย่างไรข้าก็เป็นพระชายาเย่ของต้าเหลียง หากมีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ ราชสำนักจะต้องตรวจสอบอย่างแน่นอน”

เฟิงอู๋ชิงรู้สึกขบขัน:“ข้าชอบฆ่าคน และชอบฆ่าคนเพื่อหารายได้ เป็นไปไม่ได้หรือ?”

“……”

ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นางนั่งอยู่ข้าง ๆ โดยไม่พูดอะไรอยู่นาน เฟิงอู๋ชิงจึงกล่าวว่า:“หากข้าฆ่าเจ้าแล้วอย่างไร ต่อให้ข้าต้องการจะฆ่าองค์จักรพรรดิของต้าเหลียง ใครจะกล้ามาขัดขวางข้า?”

“ในเมื่อผู้กล้าไม่ยอมพูด เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน!”

พูดแล้วไม่ได้อะไรก็ไม่พูดเสียดีกว่า ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและกำลังจะจากไป

เฟิงอู๋ชิงจึงกล่าวว่า:“พาข้าไปอยู่ที่จวนอ๋องเย่ของเจ้า ที่นี่สภาพแวดล้อมแย่มาก ข้าไม่ชินกับการอยู่ที่นี่ ข้ารับปากว่านอกจากฆ่าเจ้าแล้ว ข้าจะไม่ทำสิ่งอื่นใด”

“เจ้า……” อาอวี่โกรธ นี่คือสิ่งที่เฉลยควรพูดงั้นหรือ?

แต่ฉีเฟยอวิ๋นกลับดีใจ:“หากผู้กล้ายินยอมที่จะเขียนหนังสือรับรองว่าจะไม่ทำร้ายคนในจวนอ๋องเย่ของข้า และไม่ทำร้ายคนของต้าเหลียงก็ยอมได้”

“อู๋ฮัวหมายความว่าข้าสามารถทำร้ายได้เพียงเจ้าเท่านั้น?” เฟิงอู๋ชิงยังคงจ้องมองอย่างเย็นชา

ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า:“ถูกต้อง”

“ได้ เดิมทีข้าก็ต้องการเพียงชีวิตของเจ้า แต่เมื่อถึงเวลาที่ข้าต้องการจะฆ่าเจ้า เจ้าก็สามารถให้คนมาปกป้องเจ้าได้ เกรงว่ายากที่จะหลีกเลี่ยงการฆ่า”

“เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร หากผู้กล้าสามารถฆ่าข้าได้ นั่นก็หมายความว่าท่านอ๋องเย่ของข้าไร้ความสามารถ และจวนอ๋องเย่ก็ไร้ความสามารถเช่นกัน หากแม้แต่พระชายาก็ไม่สามารถปกป้องได้ แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องพูดอะไร” ฉีเฟยอวิ๋นยืนข้าง ๆ และพูดอย่างเฉยเมย

เฟิงอู๋ชิงยิ้มและใบหน้าที่บวมของเขาก็ดูน่าเกลียด จนทำให้อาอวี่รู้สึกไม่พอใจ

เฉลยคนหนึ่งจะมีข้อเรียกร้องอะไรได้มากนัก

“นี่ก็เท่ากับเป็นการท้าประลอง เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”

“เชิญ!” ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและเชิญให้เฟิงอู๋ชิงออกไป เฟิงอู๋ชิงจึงลุกขึ้นและเสียงโซ่ตรวนที่ข้อเท้าก็ดัง

ฉีเฟยอวิ๋นมองดูและเรียกเวยฉือและคนอื่น ๆ มาเพื่อปลดโซ่ตรวนออก

เวยฉือฉีลังเล:“พระชายาเย่ เกรงว่าจะไม่เป็นการดี หาก……”

“ไม่เป็นไร เขาเป็นท่านอาจารย์ของซื่อจื่อห้า เขาจะไม่ทำร้ายข้า หากฆ่ามารดาของศิษย์เพียงเพราะเงินแค่ไม่กี่ตำลึง คงทำให้ใต้หล้าต้องหัวเราะเยาะ?”

ในทันทีที่ฉีเฟยหอวิ๋นพูดออกมา เฟิงอู๋ชิงก็ขมวดคิ้ว และมองเจ้าห้าที่อยู่ในอ้อมแขนของอาอวี่:“ข้าสามารถขับไล่เด็กคนนี้ออกจากการเป็นศิษย์ได้!”

“……” ฉีเฟยอวิ๋นยิ้ม

เฟิงอู๋ชิงกล่าวอย่างโกรธเคือง:“ข้าบอกว่าจะไล่เขาออกจากการเป็นศิษย์!”

“สิ่งที่ผู้กล้ากล่าวนั้นผิด หากเป็นเพราะต้องการจะฆ่าข้า แล้วต้องไล่เขาออกจากการเป็นศิษย์ เช่นนั้นคนนอกจะกล่าวถึงผู้กล้าว่าอย่างไร ผู้กล้าไม่เปิดเผยชื่อแซ่แก่ข้า แม้ว่าตอนนี้จะไม่รู้ว่าผู้กล้าชื่ออะไร แต่ต้องมีสักวันหนึ่งที่รู้ เมื่อถึงตอนนั้นต่อให้ผู้กล้าจะพูดอย่างไรก็คงยากที่จะปกปิดไว้ได้ ไล่เขาออกจากการเป็นศิษย์เพียงเพราะเงินแค่ไม่กี่ตำลึง!”

เดิมทีเฟิงอู๋ชิงหายดีขึ้นมากแล้ว แต่ในเวลานี้กลับโกรธจนเริ่มไออีกครั้ง และเขาก็ไอไม่หยุด

เวยฉือรู้สึกเลื่อมใสมาก และดูออกว่าตำแหน่งพระชายาของท่านอ๋องเย่นั้น ช่างโหดเหี้ยม

พูดเพียงไม่กี่คำก็สามารถทำให้มือสังหารที่ไม่รู้ที่มาผู้นี้พ่ายแพ้

ข้าหลวงประจำเมืองเวย ปลดกุญแจเถอะ”

เวยฉือไม่ลังเล และรีบให้คนมาปลดกุญแจออก

เฟิงอู๋ชิงจ้องไปที่ฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นก็ผ่อนคลายมือและเท้าที่ถูกปลดกุญแจออก แล้วเดินออกไปก่อน

เวยฉือเดินตามออกไปและเตือนฉีเฟยอวิ๋น:“พระชายาเย่ จวินโม่ซ่างก็อยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ และเขาก็ต้องการพบพระชายามาโดยตลอดจนไม่กินไม่ดื่ม”

“ขังเขาไว้เถอะ หากออกไปข้างนอกจะก่อเรื่องวุานวาย”

จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็เดินตามเฟิงอู๋ชิงออกไป เมื่อเฟิงอู๋ชิงออกมาแล้ว เขาก็เห็นคนเดินออกมา เมื่อเห็นเฟิงอู๋ชิง คนผู้หนึ่งก็เดินมาข้างหน้าและจับข้อมือเฟิงอู๋ชิงเพื่อตรวจดูอาการของเขา จากนั้นคนผู้นั้นก็นำเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกมาคลุมให้เขา และยังมีผู้หญิงอีกคนคุกเข่าลงข้างหนึ่งและรายงานว่า:“ผู้น้อยมาช้าเกินไป นายท่านได้โปรดไว้ชีวิตด้วย!”

เฟิงอู๋ชิงเหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นอย่างเย็นชาและกล่าวว่า:“ไม่มีอะไร นี่คืออู๋ฮัว ผู้พิทักษ์ของข้า”

“……”

ทุกคนประหลาดใจและเงยหน้าขึ้นมอง ฉีเฟยอวิ๋นก้มลงมองผู้หญิงที่อยู่บนพื้นที่หน้าตางดงามผู้นี้

หมอไร้นามที่อยู่ข้าง ๆ ตกตะลึงอยู่นาน และมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น

ตำแหน่งผู้พิทักษ์ว่างมาโดยตลอด ว่ากันว่าเป็นศิษย์พี่หญิงของนายท่าน หรือว่าจะเป็นศิษย์พี่หญิงของนายท่าน?

ส่วนคนอื่น ๆ ก็ตกใจเช่นกัน

เฟิงอู๋ชิงดึงมือของเขากลับมา:“ไม่ต้องตรวจแล้ว พวกเจ้ารีบเข้าไปในจวนอ๋องเย่เถอะ ข้าจะเข้าไปที่จวนอ๋องเย่ในฐานะแขก เพื่อรอโอกาสที่จะฆ่าพระชายาเย่ ฉีเฟยอวิ๋น”

“……” ฉีเฟยอวิ๋นพูดไม่ออก

ทั้งสามคนลุกขึ้นและทยอยเดินตามกันไป จากนั้นก็หายไปในชั่วพริบตา

ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่อาอวี่:“เจ้าก็กลับไปที่จวนอ๋องเย่เถอะ บอกให้อวิ๋นจิ่นจัดการเรื่องนี้ และให้พวกเขาพักอยู่ที่ลานบ้าน จะไม่ปฏิบัติต่อแขกผู้มีเกียรติอย่างเป็นธรรม”

ฉีเฟยอวิ๋นเดาสถานะของเฟิงอู๋ชิงได้แล้ว ผู้ที่สามารถต่อสู้กับศึกครั้งใหญ่เช่นนี้ได้ เกรงว่าจะมีเพียงเฟิงอู๋ชิงเท่านั้น

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ดวงตาของฉีเฟยอวิ๋นก็เบิกกว้าง เจ้าหอของหอทิงเฟิงต้องการจะฆ่านางด้วยตัวเองเพราะเงินเพียงไม่กี่ตำลึง

พวกเขาหอทิงเฟิงขาดแคลนเงินงั้นหรือ?

ขาดแคลนเงิน?

แววตาของฉีเฟยอวิ๋นเป็นประกาย หากขาดแคลนเงินจริง ๆ เช่นนั้นก็จะจัดการได้ง่าย

ขอเพียงแค่เงินสามารถแก้ปัญหาได้ ในสายตาของฉีเฟยอวิ๋นแล้วไม่ใช่เรื่องยาก!