ตอนที่ 408 จริงๆ แล้วเป็นคนยังไงกันแน่ / ตอนที่ 409 ที่แท้เธอก็ตั้งใจนี่เอง!

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 408 จริงๆ แล้วเป็นคนยังไงกันแน่

 

 

           อาจเป็นเพราะต่อมรับรสของเธอไม่เหมือนคนอื่น เพราะเธอเห็นแต่คนบอกว่าความจริงถ้าปรุงอย่างดี อาหารบำรุงจะกลายเป็นอาหารที่อร่อยมาก แม้เธอจะรับประทานอาหารบำรุงด้วยความรู้สึกขอบคุณ แต่ในอาหารยังคงมีกลิ่นยาอ่อนๆ จนเธอยากจะกลืนลงคอ

 

 

           หรือเป็นเพราะเธอคิดมากเกินไปเอง?

 

 

           เธอคิดอย่างไม่แน่ใจ

 

 

           จิ้นหยวนเห็นเธอใจลอยจึงเคาะหลังมือเธอเบาๆ เธอดึงสติกลับแล้วส่งยิ้มให้เขา จากนั้นรีบกลืนอาหารลงคอ

 

 

           จิ้นหยวนพยักหน้าอย่างพอใจ “ตอนบ่ายผมจะเข้าบริษัท คุณอยู่บ้านดีๆ ล่ะ”

 

 

           เธอพยักหงึกๆ “วางใจได้ ฉันจะอยู่แต่ในบ้าน” ซะเมื่อไหร่

 

 

           เธอเตรียมเข้าออฟฟิศเหมือนกัน ลางานนานขนาดนี้ เข้าออฟฟิศปุ๊บ คงถูกไล่ออกปั๊บ

 

 

เธอคิดอย่างไม่แน่ใจ ขณะที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนั้น เธอกลับรับประทานอาหารตรงหน้าจนหมดเกลี้ยงโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

 

 

จิ้นหยวนเห็นดังนั้นจึงวางใจลงไม่น้อย ช่วงที่ผ่านมาเธอกินได้น้อยมาก ดูเหมือนเธอยังไม่ชินกับรสชาติอาหารบำรุง ตอนนี้เธอคงเริ่มชินแล้ว

 

 

ตอนบ่าย จิ้นหยวนออกจากบ้านตามที่บอก เฉียวซือมู่รู้สึกเหมือนสวรรค์ทรงโปรด รีบออกจากบ้านเพื่อเข้าบริษัททันที

 

 

พ่อบ้านเฉินเห็นแล้วขมวดคิ้วสงสัย แต่เธอให้เหตุผลว่าจะไปเยี่ยมคุณแม่ ทำให้เขาไร้เหตุผลที่จะถามต่อ

 

 

และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเธอไปถึงบริษัท หัวหน้าเธอไม่โกรธเธอเลยสักนิด แค่บอกให้เธอรีบไปทำงานเท่านั้น

 

 

นั่นทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจมาก แต่เธอไม่สามารถไปไล่ถามหัวหน้าว่าเหตุใดจึงไม่โกรธเธอ จริงไหม? เพราะฉะนั้น แม้เธอจะรู้สึกประหลาดใจ แต่เธอก็ต้องกลับไปทำงานของตัวเองแต่โดยดี

 

 

           เพื่อนร่วมงานต่างมองเธอด้วยความสงสัย เธอไม่มาทำงานนานมาก ทุกคนคิดว่าเธอลาออกไปแล้วเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะกลับมาอีก สายตาที่มองไปยังเธอจึงเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

 

           แม้เธอจะสัมผัสถึงสายตาเหล่านั้น แต่เธอยังสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่างจากเดิม ดูเหมือนจะมีบรรยากาศของความตื่นเต้นปะปนอยู่

 

 

           คนใหญ่คนโตที่ไหนจะมาอย่างนั้นหรือ?

 

 

           เธอไม่ได้ใส่ใจอีก ค่อยๆ ลงมือสะสางงานในมือจนหมด จากนั้นเริ่มทำความสนิทสนมกับเพื่อนร่วมงาน

 

 

           พูดกันตามตรง ประสบการณ์การทำงานก่อนหน้านี้สอนเธอว่า การมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก บางครั้ง มันเป็นสิ่งที่ช่วยให้การทำงานสัมฤทธิ์ผลได้ดีมาก

 

 

           เช่น ตอนนี้เธอได้ข่าวอย่างรวดเร็วว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นที่บริษัทจริงๆ เพราะท่านประธานใหญ่ของบริษัท ซึ่งอยู่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ที่ชื่ออีริคกำลังจะมาดูงานที่บริษัทสาขาเล็กๆ แห่งนี้

 

 

           มิน่าเล่า บรรยากาศรอบตัวถึงดูแปลกพิกล

 

 

           เธอไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยสักนิด ท่านประธานกับเธอไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันสักหน่อย เธอไม่สนใจท่านประธานอะไรนั่นด้วย เพราะที่บ้านก็มีท่านประธานใหญ่ตั้งหนึ่งคน ถ้าอยากเห็นท่านประธาน แค่กลับบ้านก็ได้เห็นแล้ว

 

 

           เพื่อนร่วมงานรอบตัวต่างมองดูท่าทางไม่แยแสของเธอด้วยสายตาไม่เข้าใจนัก หนึ่งในพนักงานสาวคนหนึ่งที่ชื่อเฉิงจือเวยที่ไม่ถูกชะตากับเธอนักครางเสียงฮึเย็นๆ “ตอแหล คิดว่าตัวเองสูงส่งนักหรือไง ใครจะไปรู้ว่าจริงๆ แล้วเป็นคนยังไงกันแน่”

 

 

           เฉียวซือมู่ได้ยินแล้วแสร้งทำเป็นไม่สนใจ คนแบบนี้มีอยู่ทุกที่ ขืนเธอโมโหคนแบบนี้ทุกครั้ง ชีวิตเธอคงไม่มีความสุขแน่

 

 

           เธอคิดเช่นนั้น แต่คนอื่นหาคิดเช่นนั้นไม่ เฉิงจือเวยเห็นท่าทางของเธอแล้วกลับคิดว่าตนพูดแทงใจดำเธอ จึงเอ่ยเสียงแหลมสูงอย่างได้ใจ “ดูเหมือนฉันจะพูดถูกนะเนี่ย จะว่าไปแล้ว ท่านประธานไม่ใช่คนที่ผู้หญิงธรรมดาๆ ที่ไหนก็สามารถเอื้อมถึงได้ง่ายๆ ซะด้วยสิ”

 

 

 

 

ตอนที่ 409 ที่แท้เธอก็ตั้งใจนี่เอง!

 

 

           ความหมายของเฉิงจือเวยก็คือมีแต่เธอคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์ นั่นทำให้ทุกคนที่ได้ยินคำพูดของเธอเกิดอคติต่อเธอทันที แต่เธอกลับไม่รู้ตัวเลยสักนิด

 

 

           เฉียวซือมู่ได้ยินแล้วแอบขำ ผู้หญิงคนนี้โง่จริงๆ ทำให้สาวๆ ทั้งออฟฟิศไม่พอใจแล้วยังไม่รู้ตัวอีก จู่ๆ เธอก็นึกสนุกขึ้นมา จึงจงใจเอ่ยถาม “แล้วเธอคิดว่าใครมีสิทธิ์ชอบท่านประธานของพวกเราล่ะ?”

 

 

           “ก็ต้องเป็น…” โชคดีที่เธอยังไม่ได้โง่จนกู่ไม่กลับ เธอจึงกลืนคำว่า “ฉัน” ลงคอเสียก่อน พลันเห็นสายตาเยาะหยันจากคนรอบข้าง

 

 

           “เธอ… เฉียวซือมู่ นี่เธอกล้าหัวเราะเยาะฉันเหรอ!” เฉิงจือเวยโกรธจนควันออกหู จ้องเฉียวซือมู่ตาเขม็งจนลูกตาแทบถลน แผดเสียงดังลั่น

 

 

           เฉียวซือมู่คิดไม่ถึงเลยว่าแค่คำถามเดียวก็สามารถกระตุกต่อมโมโหของเธอได้มากขนาดนี้ จึงมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อยพลางหมุนตัวจะเดินออกไป “ฉันก็แค่ถามเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย” ได้เวลาเลิกงานแล้ว เธอควรเตรียมตัวกลับบ้านเสียที

 

 

           แต่เฉิงจือเวยกลับไม่ยอมลดราวาศอก เมื่อเห็นว่าเฉียวซือมู่กำลังจะเดินออกไปจึงคิดว่าเธอคงกลัว ทันใดนั้น เธอโถมตัวเข้าไปจับแขนเฉียวซือมู่แน่น จนเล็บจิกเข้าเนื้อเฉียวซือมู่ “จะไปไหน กลับมาพูดกันให้รู้เรื่องเลยนะ…”

 

 

           เธอเกลียดเฉียวซือมู่มากที่สุด เพราะท่าทางสูงส่งและไม่ยอมเชื่อมสัมพันธ์กับใครเลยของเธอ อีกทั้งยังไม่รู้จักเอาใจหัวหน้าอีก วันๆ เอาแต่ปั้นหน้าเฉยชา ไม่รู้ว่าคุณหวังถูกวางยาเสน่ห์หรือเปล่า เฉียวซือมู่ลางานนานขนาดนั้น แต่คุณหวังยังไม่ยอมไล่เธอออกอีก เรื่องนี้จะต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังแน่ ส่วนพนักงานที่ก้มหน้าก้มตาทำงานงกๆ อย่างพวกเธอก็ทำงานหลังขดหลังแข็งไปสิ

 

 

           และสิ่งที่เฉิงจือเวยไม่อยากยอมรับก็คือ ความจริงแล้ว ที่เธอไม่ชอบขี้หน้าเฉียวซือมู่ เป็นเพราะเฉียวซือมู่สวยเกินหน้าเกินตาต่างหาก             

 

 

           เฉียวซือมูขมวดคิ้วพลางใช้แรงสะบัดแขนเธอออก “ปล่อยนะ ฉันไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น!”

 

 

           “ไม่ปล่อย! นังคนสารเลว…”

 

 

           เฉิงจือเวยจับแขนเฉียวซือมู่แน่นไม่ยอมปล่อย

 

 

           ขณะที่สองสาวกำลังยื้อยุดกันอยู่นั้น จู่ๆ เสียงคำรามเย็นๆ ดังลอยมาจากทางประตู “พวกเธอทำอะไรน่ะ?”

 

 

           ร่างกายทั้งสองแข็งทื่อในบัดดล พวกเธอไม่เคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน แต่เสียงนั้นทรงอำนาจเหลือเกิน

 

 

           เมื่อชายตาขึ้นมองไปยังประตูจึงเห็นว่ามีคนหลายคนยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดแต่งกายดูดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ราวคุณชายผู้ลากมากดี

 

 

           ไม่รอให้ทั้งสองสาวดึงสติกลับ คุณหวังที่เป็นหัวหน้าเดินเข้าไปหาพวกเธอด้วยความฉุนเฉียว “พวกเธอทำอะไรกัน? ที่นี่มันที่ทำงานนะ ไม่ใช่ตลาดสด ถ้าอยากจะตบตีกันก็กลับไปตบตีที่บ้านโน่น!”

 

 

           ตั้งแต่เฉียวซือมู่รู้จักคุณหวัง ยังไม่เคยเห็นเธอโมโหขนาดนี้มาก่อน จึงตะลึงนิ่งอึ้งด้วยความตกใจ เฉิงจือเวยคงคิดเช่นเดียวกับเธอ มือที่จับแขนเฉียวซือมู่แน่นค่อยๆ คลายออก เฉียวซือมู่ถอนหายใจโล่งอก รีบสะบัดแขนที่น่าสงสารออกจากมือเฉิงจือเวยทันที

 

 

           เธอรู้สึกเจ็บแปลบจนชักหัวคิ้วชนกันแน่น

 

 

           ให้ตายสิ ผิวเธอต้องถลอกเป็นแผลแน่

 

 

           ทันใดนั้น ชายหนุ่มหน้าตาสวยหวานท่าทางอ่อนโยนที่แต่งกายดูดีราวคุณชายคนนั้นเดินเข้าไปใกล้ เขามองเธอพลางเอ่ย “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”

 

 

           เธอชะงักอึ้ง ชายตาขึ้นมอง พลันสบเข้ากับดวงตาเรียวยาวแสนอ่อนโยนของเขาเข้าพอดี

 

 

           เธอเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของเขาแล้วรู้สึกงุนงงเล็กน้อย รีบส่ายศีรษะแล้วตอบ “ฉันไม่เป็นไรค่ะ”

 

 

           เขาเป็นใคร? แล้วทำไมต้องมองเธอแบบนี้ด้วย?

 

 

           แววความห่วงใยหายวับไปจากสายตาเขาทันที แววตาเขากลับมาเป็นปกติ เขาหันกลับไปมองคุณหวังจนใบหน้าเธอซีดขาว “ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในที่ทำงาน คุณหวังพอจะอธิบายได้ไหมครับ?”

 

 

           คุณหวังจ้องเฉียวซือมู่กับเฉิงจือเวยตาเขียวปั๊ด เอ่ยตอบเสียงอ่อยอย่างสำนึกผิด “ขอโทษค่ะท่านประธาน เป็นความผิดของฉันเอง เป็นเพราะฉันดูแลไม่เข้มงวด กรุณาลงโทษฉันเถอะค่ะ”