ช่วยไม่ได้ที่เหยียนเฮิงเหอจะหันไปมองหลิงฮันเพื่อยืนยันให้แน่ชัด
หลิงฮันพยักหน้าและให้เขาทำเช่นนั้น
ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบัน แม้หลิงตงซิงจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เขาก็จะสามารถช่วยเหลือพ่อของเขาได้ทันเวลา
เหยียนเฮิงเหอปล่อยให้อ้าวเฟิงทำการต่อสู้และให้ทั้งสองคนสะสางความคับแค้นข้องใจเรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อนให้จบลงที่นี่
หลิงตงซิงนำดาบกำเนิดมารออกมา
ใช่แล้ว หลิงฮันได้มอบอาวุธวิญญาณระดับสิบให้กับพ่อของเขา แม้ว่าหลิงตงซิงจะไม่สามารถเปิดใช้งานมันได้ แต่ยังไงอาวุธวิญญาณระดับสิบก็ยังเป็นอาวุธวิญญาณระดับสิบอยู่ดี ด้วยความแหลมคมของมันเพียงพอที่จะตัดผ่านสวรรค์
แม้ว่าหลิงตงซิงจะมีพรสวรรค์อยู่บ้างในวิถียุทธ แต่เขาก็ไม่ใช่อัจฉริยะ แม้จะได้รับคำแนะนำจากหลิงฮัน แต่เขาสามารถสร้างได้แค่ปราณดาบเท่านั้น
แต่นี่ก็เพียงพอแล้ว ปราณดาบที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากดาบกำเนิดมาร พลังทำลายล้างของมันนั้นน่าสะพรึงกลัวมาก
หลิงตงซิงและอ้าวเฟิงกำลังจะต่อสู้กัน
ความเกลียดชังที่สะสมมาเป็นเวลายี่สิบปีในที่สุดก็ถึงเวลาสะสาง และทั้งสองคนกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด
ในทางทฤษฎี อ้าวเฟิงเป็นฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่าอย่างแน่นอน เขาทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานก่อนหลิงตงซิงมาเป็นเวลาหลายปี พลังของจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานอยู่เหนือกว่าหลิงตงซิง ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาสร้างปราณดาบได้เก้าเล่มแล้ว และเล่มที่สิบอยู่ไม่ใกล้เกินเอื้อม
ในทางตรงกันข้าม หลิงตงซิงสร้างปราณดาบได้แค่เล่มเดียวเท่านั้น แต่เขามีอาวุธวิญญาณระดับสิบ
ปราณดาบที่ถูกปล่อยออกมาจากดาบกำเนิดมารนั้นทรงพลังมาก มันได้บดขยี้ปราณดาบของอ้าวเฟิงได้อย่างสมบูรณ์เพียงแค่สัมผัส
ตู้ม ตู้ม ตู้ม หลิงตงซิงยังคงโจมตีออกไปไม่หยุด เขาไม่รู้ว่ามีเม็ดยาเท่าไหร่ แต่เขาไม่สามารถแสดงพลังได้อย่างเต็มที่ และตอนนี้เขากำลังดูดซับพวกมันอยู่ตลอดเวลา
นี่เหมือนกับว่าความแข็งแกร่งของเขาสามารถเสริมได้ตลอด แต่ในทางตรงกันข้ามอ้าวเฟิงที่รากฐานวิญญาณถูกทำลาย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะดูดซับพลังปราณเปลี่ยนให้เป็นพลังปราณก่อเกิด เขาทำได้แค่พึ่งพาเม็ดยา
แต่ทว่ายิ่งใช้เม็ดยามากเท่าไหร่ประสิทธิภาพของมันก็จะยิ่งลดลง เม็ดยาเม็ดแรกอาจให้ประสิทธิภาพหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ากินเม็ดที่สองเข้าไปประสิทธิภาพของมันอาจลดลงเหลือเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ และจะลดลงเรื่อยๆ
ด้วยเหตุนี้ความแข็งแกร่งของเขาจะลดลงเรื่อยๆ แล้วเขาจะต่อสู้กับหลิงตงซิงได้อย่างไร?
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง อ้าวเฟิงเริ่มหมดหนทาง เขารู้ดีไม่ว่าจะเป็นหลิงตงซิงหรือหลิงฮันอีกฝ่ายก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะกัดฟันสู้และไม่ร้องขอความเมตตาจากอีกฝ่าย
เขาเลือกที่จะต่อสู้อย่างดุเดือดและใช้หินต่อสู้ทั้งหมดเพื่อให้หลิงตงซิงเผชิญหน้ากับเขาซึ่งหน้า
แต่น่าเสียดาย ถ้าไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อห้าปีก่อน หลิงตงซิงก็จะไม่ลังเลที่จะไปกับเขา แต่ตอนนี้เขามีภรรยาและลูก ยิ่งไปกว่านั้นคือเขามีหลานชายแล้ว แล้วใครอยากจะตายด้วยน้ำมือของศัตรูกัน?
เขาก็แค่ต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการป้องกันและรอให้พลังของอ้าวเฟิงหมดลง และแน่นอนว่านั่นคือจุดจบของอ้าวเฟิง
“ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เส้นทางสู่ยมโลก!” อ้าวเฟิงรู้ว่านี่คือจุดจบของเขา เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงและดวงตาที่เต็มไปด้วยความดุดันราวกับอยากจะกินเลือดเนื้อ
ฉึก!
เขาถูกแทงอกด้วยดาบของหลิงตงซิง ดาบกำเนิดมารได้แทงทะลุหัวใจของเขาและพลังชีวิตก็ถูกทำลายจนสมบูรณ์ การโจมตีโดยตรงด้วยอาวุธวิญญาณระดับสิบแม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ก็ไม่มีทางรอดชีวิต แล้วจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานจะนับว่าเป็นอันใดได้
ช่วยไม่ได้ที่หลิงตงซิงจะรู้สึกแปลก เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะได้แก้แค้นอ้าวเฟิงในชีวิตนี้เพราะเขารู้ว่าอ้าวเฟิงมีพรสวรรค์ที่เหนือกว่าเขามากแค่ไหน และอีกฝ่ายยังมีขุมพลังอย่างนิกายจันทราเหมันตร์อยู่เบื้องหลัง ดังนั้นระยะห่างระหว่างพวกเขาสองคนนับวันมีแต่จะยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ
แต่ใครขอให้เขามีลูกชายที่ดีกันล่ะ?
หลิงฮันไม่คิดที่จะฆ่าล้างโคตรอีกฝ่าย บรรดาลูกหลานของอ้าวเฟิงได้รับการไว้ชีวิตจากเขา แน่นอนว่าเขาเป็นคนดีตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ล้ำเส้นเขา
ในเวลาเดียวกัน เขาก็เป็นคนที่ขี้เกียจอย่างยิ่งด้วย
เมื่อเขาพบว่าเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนมีทักษะการเป็นผู้นำ เขาจึงให้นางเป็นคนดูแลเรื่องภายใน นั่นเป็นตระกูลราชวงศ์แห่งทะเลเหนือและทะเลเหนือนั้นกว้างใหญ่แค่ไหนมีนางเท่านั้นที่รู้ และนางมีความมั่นใจที่จะจัดการกับทะเลเหนือ แม้ว่าในความเป็นจริงความมั่นใจของนางจะน้อยนิดก็ตาม
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนยินดีที่จะยอมรับคำขอ ในความเห็นของนาง บังลังก์นี้จะต้องตกเป็นของลูกนางในอนาคต และเมื่อเผชิญหน้ากับคนนอก นางจะใช้เม็ดยาแปลงโฉมเพื่อไม่ให้คนของเผ่าใต้สมุทรหานางเจอ
สำหรับสงครามภายนอก เขาจะมอบหน้าที่ให้กับเหยียนเฮิงเหอ หลี่เฟิงหยู่เป็นแม่ทัพแล้วให้อสูรศิลาคอยสนับสนุน อย่างน้อยในภูมิภาคเหนือก็ไม่มีใครต่อกรกับพวกเขาได้แล้ว
เมื่อมีคนคอยจัดการเรื่องภายในและเรื่องภายนอกให้ เขายังต้องกังวลอะไรอีก?
ถ้าเขาต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แล้วเขาจะมีพี่น้องหลายคนไปทำไม?
ส่วนเขาทำหน้าที่สร้างความสัมพันธ์กับผู้คน เอาใจพวกเขาเล็กน้อยเพื่อทำให้จิตใจของพวกเขามั่นคง เพราะจุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อดินแดน แต่เป็นพลังแห่งจักรภพ ซึ่งเป็นหัวใจของผู้คนต่างหาก
ภายใต้เจตจำนงของหลิงฮัน จักรวรรดิต้าหลิงจะทำการคัดเลือกทหารโดยเสนอเงื่อนไขที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ในทางกลับกันมันจะช่วยพัฒนาความเป็นอยู่ของผู้คนและให้โอกาสทุกคนในการฝึกฝนวรยุทธ อย่างน้อยพวกเขาก็จะสามารถบรรลุระดับหลอมรวมกายาขั้นสี่หรือขั้นห้าด้วยตัวเอง และนั่นจะเป็นการเสริมแกร่งให้กับพลังแห่งจักรภพ
ด้วยคำแนะนำของจูเสวี่ยนเอ๋อ หลิงฮันจึงตัดสินใจที่จะเดินทางไปที่นิกายจันทราครึ่งเสี้ยว
ถ้าพวกเขาได้รับนิกายจันทราครึ่งเสี้ยวของมาเป็นพวก มันไม่ได้หลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้เท่านั้น แต่ยังทำให้จูเสวี่ยนเอ๋อรู้สึกดีขึ้นด้วยเพราะที่นี่เป็นนิกายที่นางจากมา
หลิงฮันและจูเสวี่ยนเอ๋อนั้นขาดกันไม่ได้ และปล่อยให้เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนจัดการเรื่องภายใน หลิ่วอู๋ตงและหลีซื่อฉางยังคงอยู่กับพ่อของหลิงฮัน มีเพียงแค่ฮูหนิว เจ้ากระต่ายและหนูทองคำเท่านั้นที่ไปด้วย
หลิงเจี้ยนเสวี่ยนยังไม่หย่านม แน่นอนว่าลูกของเขาจะต้องอยู่กับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน แต่เพื่อเป็นการการันตีว่าลูกชายของเขาจะได้กินนมเพียงพอ หลิงฮันเลยออกล่าวัวหยกขาว เพราะสัตว์อสูรตัวนี้สามารถผลิตน้ำนมที่มีคุณค่าทางโภขนาการสูงได้
แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก นางมีหน้าอกเล็กและมีน้ำนมไม่เพียงพออย่างนั้นรึ?
จากนั้นหลิงฮันพาคนไม่กี่คนไปด้วยและมุ่งหน้าไปที่นิกายจันทราครึ่งเสี้ยว เจ็ดวันต่อมา พวกเขาก็มาถึงนิกายจันทราครึ่งเสี้ยว หลิงฮันได้แสดงความแข็งแกร่งของเขาออกมาให้เห็น และแน่นอนว่าทำให้นิกายจันทราครึ่งเสี้ยวต้องตกตะลึง
นอกจากนี้จูเสวี่ยนเอ๋ออาจจะเป็นภรรยาน้อยของหลิงฮันในอนาคต เมื่อมองเช่นนั้นสถานะของนิกายจันทราครึ่งเสี้ยวจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และแน่นอนว่าตัวตนระดับสูงของนิกายจันทราครึ่งเสี้ยวสามารถตัดสินใจได้อย่างทันที ถ้าขัดขืนพวกเขาจะต้องถูกฆ่าตาย แล้วยังจำเป็นต้องคิดอยู่อีกหรือ?
หลิงฮันไม่ได้กลับทันที แต่เขายังไปที่ภูเขาหนองกุยต่อ
มันเป็นสถานที่ที่อาจารย์ของจูเสวี่ยนเอ๋อได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหลิงฮันรู้สึกสนใจมาก แต่ตอนนั้นเขายังไม่แข็งแกร่งพอเลยมองข้ามมันไปก่อน และตอนนี้เขาได้กลับมาพร้อมกับพลังที่เทียบได้กับจอมยุทธระดับสวรรค์
เจ็ดวันต่อมา พวกเขาก็เดินทางมาถึงภูเขาหนอนกุย ซึ่งมันตั้งอยู่สุดทางทิศตะวันตกของภูมิภาคเหนือ และมีกำแพงที่แยกภูมิภาคเหนือกับภูมิภาคตะวันออกอยู่เบื้องหน้า
ภูเขาหนองกุยและหุบเขาไม้ดำคือสถานที่ต้องห้าม