ตอนที่ 549 ไม่อยากแต่งงาน / ตอนที่ 550 เขากล้า?

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 549 ไม่อยากแต่งงาน 

 

 

 

 

 

การกระทำของนางยิ่งเรียกความสนใจของหลิงอ๋องมากกว่าเดิม ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไป “อาเหรา เจ้ารีบบอกมาว่ารอยนี้มาได้อย่างไร” 

 

 

“เสด็จพ่อ ลูก…” อวี้อาเหราลังเล ไม่รู้ว่าจะต้องพูดเช่นไรดี จะให้บอกว่าถูกฉู่ป๋ายกัดเอาหรืออย่างไร? หากนางพูดออกไปเช่นนี้หลิงอ๋องก็จะคิดว่านางและฉู่ป๋ายมีความสัมพันธ์ต่อกันแน่ ในยุคโบราณล้วนให้ความสำคัญในเรื่องความบริสุทธิ์ของหญิงสาว อวี้อาเหราเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่าได้สูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว 

 

 

หากเขารู้เรื่องนี้ หลิงอ๋องคงจะต้องให้นางไปอยู่กับฉู่ป๋ายเป็นแน่แท้ 

 

 

อีกอย่างทางด้านไทเฮาและฮ่องเต้เล่าจะทำอย่างไร 

 

 

อีกอย่าง นางก็ไม่อยากแต่งงานกับใครทั้งนั้น 

 

 

ในเวลานั้นเอง ความสับสนบังเกิดทำให้นางไม่อาจเอ่ยปากพูดอะไรได้อีก 

 

 

“คุณหนู รอยนั้นท่านก็ถูกเด็กน้อยที่จวนเซิ่นอ๋องกัดเอามิใช่หรือเจ้าคะ” ในยามนั้นเอง เมี่ยวอวี้ก็เดินเข้ามาราวกับเป็นผู้ช่วยชีวิต แล้วถามนางกลับ 

 

 

อวี้อาเรหากะพริบตาน้อยๆ แล้วไปตามทางที่เมี่ยวอวี้ชี้เปิดเอาไว้ให้ ทันใดนั้นก็พยายามหาข้อแก้ตัว แล้วค่อยๆ เอาแขนเสื้อลงช้าๆ ด้วยความอับอาย ขณะที่พูดว่า “ใช่แล้วเพคะ ตอนที่ไปจวนเซิ่นอ๋อง ลูกบังเอิญเจอลูกของบ่าวไพร่จวนนั้นเข้า ลูกเห็นว่าเด็กน้อยช่างน่ารัก นึกอยากจะเข้าไปเล่นด้วย จึงเข้าไปหยอกล้อเด็กน้อย เดิมทีนึกอยากจะหอมเขาสักหน่อย แต่เด็กน้อยนึกรำคาญ จึงกัดเข้าให้เพคะ” 

 

 

“เป็นเช่นนี้จริงๆ หรือ” หลิงอ๋องยังคงไม่เชื่อ หากเป็นเช่นที่นางว่าจริง เหตุใดเมื่อครู่นี้อวี้อาเหราจึงดูกระวนกระวายใจถึงเพียงนั้นเล่า? 

 

 

อวี้อาเหราพยักหน้าอย่างจริงจัง “เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพคะ” 

 

 

หลิงอ๋องถามกลับว่า “หากเป็นอย่างที่เจ้าพูดจริงๆ แล้วเหตุใดเมื่อครู่นี้เจ้าถึงเอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดเอาไว้ มิน่าพ่อเห็นเจ้าเอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดปากมาแต่ไกล หากเป็นอย่างที่เจ้าว่าจริงๆ เหตุใดจะต้องทำเช่นนี้ด้วย?” 

 

 

“เป็นเพราะลูกถูกเด็กน้อยกัด จึงอายไม่อยากให้คนอื่นเห็น อีกอย่างโดนกัดเช่นนี้ก็จะยิ่งทำให้คนอื่นสงสัย คิดว่าลูกถูกบุรุษ…นี่ก็ แม้แต่เสด็จพ่อยังเข้าใจผิด แล้วลูกจะไม่ปิดปากได้หรือเพคะ?” 

 

 

อวี้อาเหราพูดส่งเดชหน้าตาเฉย 

 

 

หลิงอ๋องเห็นด้วยหลายส่วน แต่ก็ยังสงสัยอยู่ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วเหตุใดตอนนั้นเจ้าบอกว่าสะดุดล้มกันเล่า” 

 

 

“ก็เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความยุ่งยาก อีกอย่างอนุรองก็อยู่ในห้องด้วย หากนางเข้าใจผิด เพราะหญิงตั้งครรภ์นั้นมักจะมีความรู้สึกไว เรื่องไม่เป็นเรื่องก็ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แล้วไหนเลยลูกจะกล้าพูดได้เพคะ” อวี้อาเหราถามกลับ 

 

 

หลิงอ๋องชะงักไป แต่ก็ยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง 

 

 

อวี้อาเหราเห็นดังนั้นแล้วก็ยู่ปาก “หรือว่าเสด็จพ่อไม่เชื่อคำพูดของลูกเสียแล้วเพคะ หากเสด็จพ่อไม่เชื่อจริงๆ ลูกจะไปอุ้มเด็กน้อยจากจวนเซิ่นอ๋องมาที่นี่เดี๋ยวนี้ ให้เสด็จพ่อเห็นกับตา” 

 

 

“พ่อไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” หลิงอ๋องรีบส่ายหน้าทันที “แน่นอนว่าต้องเชื่อคำพูดของเจ้าแน่ แต่เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ แน่นอนว่าพ่อต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน หากเจ้าไม่ชอบฟังก็ไม่ต้องฟัง พ่อจะไม่พูดแล้ว” 

 

 

สีหน้าของอวี้อาเหราจึงค่อยดูดีขึ้น 

 

 

เมื่อจบแล้ว นางก็ค่อยส่งสายตาไปทางเมี่ยวอวี้ 

 

 

เมี่ยวอวี้เข้าใจขึ้นมา เดินไปตรงหน้าของหลิงอ๋อง “ท่านอ๋อง คุณหนูเข้าวังไปเรียนพิณและเดินหมากมาทั้งวัน ตอนบ่ายยังโดนรัชทายาทกลั่นแกล้ง แน่นอนว่าคงจะต้องเหนื่อยยากเป็นแน่แท้ ขอให้ท่านอ๋องเชื่อในคำพูดของคุณหนูเถิดเพคะ มิเช่นนั้นนางคงลำบากใจแย่”  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 550 เขากล้า? 

 

 

 

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น ในใจของหลิงอ๋องก็เกิดสงสารขึ้นมา จึงหันไปมองอวี้อาเหราอย่างรู้สึกผิด “เป็นเพราะพ่อผิดเอง เจ้าไม่ต้องใส่ใจหรอก” 

 

 

“ลูกไม่ใส่ใจหรอกเพคะ” อวี้อาเหราตอบขึ้นมาแต่โดยดี 

 

 

หลิงอ๋องกำลังจะเดินออกไป ทันใดนั้นก็นึกถึงคำพูดของเมี่ยวอวี้เมื่อครู่นี้ ทันใดนั้นก็กวาดตามอง “เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่านางถูกรัชทายาทรังแกหรือ เกิดอะไรขึ้นกัน?” 

 

 

“เป็นอย่างนี้เพคะ…” เมี่ยวอวี้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดโดยละเอียด แต่เรื่องที่อวี้อาเหรากลั่นแกล้งจวินฉางอวิ๋นก่อนนั้น นางละเอาไว้ไม่ยอมพูด หลิงอ๋องที่ได้ยินดังนั้นก็โกรธมากเสียจนควันแทบจะออกหู 

 

 

อวี้อาเหรารีบปลอบทันที “เสด็จพ่ออย่าทรงกริ้วเลยเพคะ ดีที่ไทเฮาทรงสั่งสอนองค์รัชทายาทเรียบร้อยแล้ว ลูกไม่เป็นไรแล้วเพคะ” 

 

 

“จะไม่เป็นไรได้อย่างไร?” หลิงอ๋องโกรธเคืองยิ่งนัก “พรุ่งนี้พ่อจะต้องไปเข้าเฝ้าไทเฮาให้ได้ ในเมื่อรัชทายาทกลั่นแกล้งเจ้าเช่นนี้ พ่อจะต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเจ้า” 

 

 

“อย่านะเพคะ” อวี้อาเหรารีบห้ามขึ้นมาทันที สายตาร้อนรน “หากพรุ่งนี้เสด็จพ่อจะเข้าวังไปหาไทเฮาจริงๆ คนอื่นคงจะคิดว่าลูกมาทูลฟ้องเสด็จพ่อ แม้ว่าไทเฮาจะลำเอียงเข้าข้างลูก แต่คนอื่นนั้นไม่ใช่ และองค์รัชทายาทคงจะใช้โอกาสนี้กล่าวหาว่าจวนหลิงอ๋องของเราก่อความไม่สงบ…” 

 

 

“เขากล้าหรือ!” หลิงอ๋องกัดฟัน 

 

 

“องค์รัชทายาทนั้นหยิ่งยโสเสมอมา แม้แต่คำพูดของฝ่าบาทก็ไม่เชื่อฟัง แล้วจวนหลิงอ๋องเล็กๆ ของเราเล่าเพคะ?” อวี้อาเหราพูดขึ้นมาโดยชี้ให้เห็นถึงเหตุผล 

 

 

หลิงอ๋องได้ยินเช่นนั้นก็ยังคงไม่พอใจ ใบหน้าบึ้งตึง “แล้วเจ้าจะปล่อยให้พ่อเห็นเจ้าโดนรังแกหรืออย่างไร” 

 

 

“แน่นอนว่าไม่ใช่เพคะ” อวี้อาเหรายิ้มเล็กน้อยแล้วส่ายหน้า 

 

 

หลิงอ๋องได้ยินนางแย้มมาเช่นนี้ก็ถามว่า “หรือเจ้ามีความคิดอะไรหรือ” 

 

 

“ลูกคิดเช่นนี้เพคะ” อวี้อาเหราพูดเสียงเบา “ในเมื่อไม่อาจพูดต่อหน้าไทเฮาได้ ก็รอจนถึงเวลาที่จะต้องเข้าวังในพรุ่งนี้ เสด็จพ่อก็ต้องไปเข้าเฝ้าในยามเช้าอยู่แล้ว ดังนั้นเสด็จพ่อก็ทรงรอสักครู่ ลูกจะใช้โอกาสนี้ยั่วโมโหรัชทายาท เมื่อถึงตอนนั้นลูกจะส่งเจาเอ๋อร์ไม่ก็เมี่ยวอวี้ไปรายงานท่าน เมื่อเห็นว่ารัชทายาทจะทำร้ายลูก เสด็จพ่อก็ใช้โอกาสนี้กราบทูลต่อหน้าไทเฮาเสีย เมื่อถึงตอนนั้น เสด็จพ่อก็เพียงไหลตามน้ำ แล้วขอถอนหมั้นเสีย” 

 

 

เมื่อได้ยินแผนการของอวี้อาเหรา หลิงอ๋องก็ให้ความสนใจกับคำหลัง “เจ้าอยากที่จะถอนหมั้นจริงๆ หรือ” 

 

 

“เพคะ ถอนหมั้น!” อวี้อาเหราพยักหน้าอย่างหนักแน่น นางไม่เพียงแค่ต้องการถอนหมั้นเท่านั้น แต่อยากจะให้จวินฉางอวิ๋นเสียหน้า จนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน 

 

 

หลิงอ๋องยังคงไม่อาจดึงสติขึ้นมาได้ “เหตุใดต้องถอนหมั้นด้วยเล่า เมื่อก่อนนี้เจ้าจะเป็นจะตายกับองค์รัชทายาท พ่อกลัวว่าหากถอนหมั้นจริงๆ เจ้าจะเสียใจในภายหลัง” 

 

 

“เสด็จพ่อ ก่อนหน้านี้ลูกถูกรัชทายาทผลักตกหน้าผา เห็นอยู่เต็มตาว่าเขานั้นไม่ได้สำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังพูดว่าลูกนั้นเป็นคนไร้ประโยชน์ ดังนั้นลูกจึงคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว คิดถึงความสัมพันธ์ของลูกกับรัชทายาทแล้ว ลูกต้องการที่จะถอนหมั้นจริงๆ เสด็จพ่อคงไม่คิดว่าลูกล้อเล่นหรอกนะเพคะ” อวี้อาเหราคิดไปถึงท่าทีไม่แยแสของจวินฉางอวิ๋นในตอนนั้นแล้ว เพียงแค่คิดก็รู้สึกโมโห แล้วจะทนยอมอยู่กับเขาได้เช่นไร? 

 

 

“เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็เอาจริงหรือ?” หลิงอ๋องถามนิ่งๆ ก่อนหน้านี้เขายังคิดว่าอวี้อาเหราพูดไปเรื่อยเปื่อย แต่ไม่คิดว่านางจะพูดจริง เมื่อคิดเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกชื่นชมนางขึ้นมา ในที่สุดลูกสาวคนนี้ก็โตเสียที สามารถดูออกว่าใครดีใครร้าย