ตอนที่ 638 ใครกันนะ
ช่วงเวลานี้เธออยู่แต่ในบ้านมาโดยตลอด
สายลมอ่อนโชยผ่าน ทำให้ปรอยผมที่ปรกหน้าของฉู่เจียเสวียนพลิ้วไหวแผ่วเบาไปตามสายลม เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงาม ผิวขาวดุจหิมะ คิ้วตาดุจภาพวาด
สองมือขาวและเรียวยาว มือข้างหนึ่งกำลังเกาะเกี่ยวกิ่งไม้ ส่วนอีกมือหนึ่งถือกรรไกร กำลังตัดแต่งไปตามใจนึก ท่าทางดูคล่องแคล่วมาก
“แม่ ดูสิคะ ฝีมือการตัดของหนูกระถางนี้สวยไหมคะ” ฉู่เจียเสวียนราวกับเด็กน้อย นำกระถางที่เพิ่งตัดแต่งเสร็จเดินไปที่ซูซาน เหมือนเด็กน้อยที่ต้องการยืนยัน ดวงตาของเธอมองซูซานอย่างตั้งตารอ
มองดูกระถางในมือของฉู่เจียเสวียน ซูซานพยักหน้า “สวยจ้ะ ฝีมือการแต่งดอกไม้ของลูกเก่งขึ้นทุกทีแล้วนะ”
สมกับที่เป็นดีไซเนอร์ แม้แต่ดอกไม้ก็สามารถเป็นศิลปะได้
ที่จริงทุกครั้งที่ฉู่เจียเสวียนว่าง เธอก็จะตัดแต่งต้นไม้ในบ้านกับซูซาน ตัดไปตัดมาเทคนิคการตัดแต่งของเธอก็ดีขึ้นตามไปด้วย
แม้แต่ฉู่เจียเสวียนก็รู้สึกเหมือนอัจฉริยะ เธอเพียงตัดแต่งมันสองสามครั้ง แต่เทคนิคของการตัดแต่งดอกไม้ก็ดีพอๆ กับมืออาชีพแล้ว
นอกจากนี้เธอก็สนุกกับช่วงเวลาแบบนี้มาก ตั้งแต่กลับมาจากต่างประเทศก็เกิดเรื่องขึ้นไม่หยุดหย่อน ทำให้เธอยุ่งเสียจนไม่สามารถปลีกตัวได้ บ่อยครั้งที่เพิกเฉยซูซานอย่างไม่รู้ตัว
“ก็เพราะว่าหนูได้ฝีมือตกทอดมาจากแม่อย่างไรล่ะคะ” ฉู่เจียเสวียนหัวเราะเสียงเบา ดวงตาสดใสเป็นประกาย
“ลูกนี่นะ เดี๋ยวตอนเที่ยงจะกินอะไร แม่จะทำให้กิน” ซูซานเอ่ยปาก ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาทานข้าวเที่ยงแล้ว
“แม่ทำอะไร หนูก็ชอบหมดนั่นละค่ะ” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยวาจาหวาน เวลาที่อยู่ต่อหน้าซูซาน เธอก็เป็นเหมือนเด็กคนหนึ่ง มักจะชอบออดอ้อนซูซานอยู่เสมอ
ต่อหน้าคนข้างนอก เธอเป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จัก
ผู้หญิงที่มีรังสีของราชินี จะเห็นลักษณะของเธอที่เป็นแบบนี้ได้อย่างไร
“ลูกน่ะ ปากหวานนะ” ซูซานอารมณ์ดีมาก หัวเราะเบาๆ วางกระถางที่ตกแต่งเสร็จแล้วไว้ที่เดิม จากนั้นก็หันหลังเข้าบ้านไป
แสงอาทิตย์ค่อยๆ สาดส่องไปที่ระเบียง ส่องอยู่บนกระถางเหล่านั้น นำสารอาหารและความชุ่มชื้นให้แก่พวกมัน
หลังจากซูซานกลับเข้าไปในบ้านแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็ยังคงตัดแต่งต้นไม้อยู่ที่ระเบียง ท่าทางดูตั้งอกตั้งใจเป็นอย่างมาก ริมฝีปากสีแดงสดงดงาม แสงอาทิตย์อาบไล้บนตัวของเธอ ยืดเหยียดเงาของเธอให้ยาวเป็นพิเศษ
อาจเป็นเพราะเธอจดจ่ออยู่ที่กระถางมากเกินไป เพราะอย่างนั้นเธอจึงไม่เห็นเบนท์ลีย์สีดำคันหนึ่งที่จอดอยู่ชั้นล่าง
จนกระทั่งเสียงกริ่งประตูดังขึ้น ฉู่เจียเสวียนจึงได้สติกลับมา เธอวางกรรไกรลง แล้วหันกลับไปเปิดประตู
เช้าขนาดนี้ใครมากันนะ เธอนึกสงสัยอยู่ในใจก่อนจะยื่นมือบิดกลอนประตูออกไป ทันทีที่ประตูเปิดออก ใบหน้าที่หล่อเหลาของเผยหนานเจวี๋ยสะท้อนอยู่ในดวงตาของเธอ
“ทำไมคุณมาเร็วจังเลยล่ะ งานประมูลยังไม่เริ่มไม่ใช่เหรอ” ฉู่เจียเสวียนมองเขาด้วยความประหลาดใจ นี่เขาก็มาเร็วเกินไปแล้วมั้ง?
“ผมมาก่อนเวลไม่ได้เหรอ?” เห็นได้ชัดว่าเผยหนานเจวี๋ยรู้สึกจนใจกับคำถามของฉู่เจียเสวียนเล็กน้อย เขาอยากรู้มากว่าตกลงผู้หญิงคนนี้คิดถึงเขาหรือเปล่า ทำไมเธอถึงทำหน้าเหมือนไม่อยากเจอเขาแบบนั้นล่ะ
ฉู่เจียเสวียนมองดูเวลา ก่อนจะพูดในใจเงียบๆ ว่า ก็เขามาเร็วเกินไปแล้วไม่ใช่เหรอ? เวลานี้เธอยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยด้วยซ้ำ นี่เขาคงไม่คิดจะมากินข้าวที่บ้านเธอหรอกนะ? เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ตรงนี้ สายตาของเธอก็เผยความดูแคลนเล็กน้อย
เมื่อเห็นแววตาที่เปี่ยมไปด้วยการดูแคลนของฉู่เจียเสวียน เผยหนานเจวี๋ยขมวดคิ้ว คาดเดาว่าทำไมฉู่เจียเสวียนถึงได้มีแววตาดูแคลนแบบนั้น
“ที่ผมมาเพราะเอาโบรชัวร์มาให้คุณ” เผยหนานเจวี๋ยยื่นมือหยิบโบรชัวร์ออกมาจากกระเป๋า
ตอนที่ 639 หินมรกตหายาก
โบรชัวร์ประเภทนี้สะดวกในการพกพา ฉู่เจียเสวียนมองดูโบรชัวร์ในมือของเขาแล้วรับมันไว้
โบรชัวร์นี้แตกต่างจากโบรชัวร์อื่นๆ โบรชัวร์เล่มนี้ถูกผลิตออกมาอย่างประณีตและพิถีพิถันมาก เมื่อผู้คนเห็นแล้วชวนให้ชอบ น่าชื่นชอบกว่าโบรชัวร์เดี่ยวของเธอเสียอีก
ฉู่เจียเสวียนหมุนตัวเข้าห้องไป เดินพลางพลิกเล่มโบรชัวร์ในมือ เผยหนานเจวี๋ยปิดประตูแล้วเดินตามหลังเธอเข้าไปในบ้าน
นั่งลงบนโซฟา ฉู่เจียเสวียนเปิดสุ่มสองสามหน้า เธอไม่สนใจสินค้าการประมูลมากนัก เพราะเธอไม่ได้ตั้งใจจะซื้ออะไรในการประมูลครั้งนี้
เธอแค่อยากจะดื่มด่ำบรรยากาศกับเผยหนานเจวี๋ยอย่างเต็มที่
พลิกอ่านโบรชัวร์อย่างไม่ใส่ใจ แววตาของฉู่เจียเสวียนไม่ได้แสดงอาการสนใจใดๆ แม้แต่น้อย
มองดูสีหน้านิ่งเรียบของฉู่เจียเสวียนแล้ว เผยหนานเจวี๋ยก็มองเธออย่างผิดหวังอยู่บ้าง ตอนแรกเขาต้องการที่จะคาดเดาการแสดงออกของฉู่เจียเสวียนจากรายการโปรดของเธอ แต่น่าเสียดายที่เธอไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาเลย
“ไม่มีของที่ชอบเลยเหรอ” เขาจงใจถามเพื่อที่จะมั่นใจว่าเธอมีรายการที่ชอบหรือไม่
ฉู่เจียเสวียนส่ายหน้า “ไม่มี” เธอไม่สนใจสิ่งที่อยู่ข้างในจริงๆ เธอเพียงศึกษาด้านการออกแบบ ไม่ได้ศึกษาด้านวรรณคดีประวัติศาสตร์สักหน่อย
“งานประมูลครั้งนี้มีแต่พวกเครื่องหยกเหรอ” เมื่อดูโบรชัวร์แล้ว ฉู่เจียเสวียนก็ปิดเล่มโบรชัวร์ สิ่งที่อยู่ข้างในนั้นมีแต่เครื่องเคลือบซึ่งเธอก็ไม่มีความสนใจเลย
“แล้วก็มีพวกมรกตที่หายากมาก” เผยหนานเจวี๋ยวางแผนไว้ในใจแล้ว ถ้าหากเธอไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ เขาก็จะเลือกมรกต เขาต้องการมอบของขวัญที่ดีที่สุดให้เธอ
“มรกตเหรอ ไหนกัน” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากด้วยความสงสัย ความยินดีฉายผ่านใบหน้าเล็กน้อย
เธอได้ยินเกี่ยวกับมรกตตลอดเวลาแต่กลับไม่เคยเห็นด้วยตาสักที เธอต้องการดูว่าเสน่ห์ของมรกตนี้อยู่ที่ไหน
เธอยื่นเล่มโบรชัวร์ให้กับเผยหนานเจวี๋ย เธอต้องการดูว่ามรกตมีหน้าตาเป็นอย่างไร
บนใบหน้าของเผยหนานเจวี๋ยมีรอยยิ้ม ในที่สุดก็มีของที่ทำให้เธอหวั่นไหวแล้ว เขาพลิกหาหน้าที่มีมรกต ที่จริงหน้านั้นมันหาง่ายมาก มีหน้าหนึ่งที่อยู่ตรงกลางเต็มไปด้วยคำแนะนำเกี่ยวกับมรกต
“บริสุทธิ์จากธรรมชาติ?” ฉู่เจียเสวียนมองดูมรกตในหนังสือ เอ่ยปากอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในฐานะที่มรกตเป็นของล้ำค่ามาก มรกตที่บริสุทธิ์จากธรรมชาติประเภทนี้จึงหายากมากๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามรกตเม็ดนี้มีน้ำหนักถึงสิบเอ็ดกะรัตเลย
“ใช่ มรกตนี้เป็นจุดเด่นของการประมูลครั้งนี้ คนอื่นใช่ว่าจะประมูลได้ง่ายๆ นะ” เผยหนานเจวี๋ยมองฉู่เจียเสวียนอย่างภาคภูมิใจพร้อมแนะนำ ในไม่ช้ามรกตที่สวยและสง่างามนี้จะถูกสวมใส่อยู่ที่คอของฉู่เจียเสวียน
ฉู่เจียเสวียนพยักหน้า เอ่ยปากราวกับกำลังครุ่นคิด “ถ้าเปรียบเทียบกับชิ้นอื่นแล้ว มันก็แพงกว่าจริงๆ ไม่รู้เลยว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ถึงจะประมูลได้มา”
ต่อให้มีหนังสือโบรชัวร์กั้นกลาง แต่ฉู่เจียเสวียนก็ยังได้กลิ่นความหรูหราของหินมรกตนั้น ถ้าต้องการได้มรกตนี้ คิดว่าราคาจะต้องสูงลิ่วแน่ๆ
ฉู่เจียเสวียนมองดูเผยหนานเจวี๋ยที่อยู่ข้างๆ เห็นท่าทางที่ต้องการครอบครองมรกตชิ้นนี้ของเขาแล้วก็ส่ายหน้าเล็กน้อย สำหรับเธอแล้ว นี่เป็นพฤติกรรมที่ฟุ่มเฟือยมากๆ
“ประมูลการกุศลครั้งนี้ ผู้ใจบุญรายใหญ่ทั่วประเทศต่างไปเข้าร่วม มรกตชิ้นนี้จะมีราคาเท่าไร ตอนนี้ไม่อาจคาดเดาได้เลย”
เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปากอธิบาย ต่อให้ราคาสูงลิ่วแล้วอย่างไร ฉู่เจียเสวียนต่างหากที่มีราคาแพงสำหรับหัวใจของเขา มรกตเป็นเพียงการเสริมแต่งให้ฉู่เจียเสวียนก็เท่านั้น
“การประมูลเพื่อการกุศลเดี๋ยวนี้มันน่ากลัวจริงๆ” การประมูลเพื่อการกุศลในวันนี้ได้ลดคุณค่าสำหรับการประมูลเพื่อการกุศลในใจผู้คนเป็นอย่างมาก ในใจของฉู่เจียเสวียนยิ่งมีข้อสงสัยมากมาย