ตอนที่ 579 พ่อแท้ๆ ถึงกับหาวิธีแกล้งลูกชาย
เฝิงเยี่ยไป๋หน้าถมึงทึงทันที แม้ว่าจะเป็นฉี่ของลูกชายตัวเองก็ไม่เป็นไร จะมีพ่อคนใดที่รังเกียจลูกชายตัวเอง เพียงแต่ในใจก็ไม่พอใจ เจ้าเด็กนี่เป็นลูกของเขา เขาไม่อาจทำอะไรได้ ลูกแท้ๆ ลงมือไม่ไหว ตอนนี้ยังเด็ก ก็ให้เขาฝากเอาไว้ก่อน รอให้เขาโตขึ้นแล้ว อยู่ในมือของเขา มีโอกาสมากมายจัดการเขา
เฉินยางจะรู้ถึงความใจแคบของเฝิงเยี่ยไป๋ได้อย่างไร ปากเขาไม่พูดอะไร ในใจกลับคิดไปไกล แม้แต่ลูกชายโตขึ้นจะกลั่นแกล้งอย่างไรก็คิดไว้แล้ว นี่เป็นพ่อแท้ๆ มีเพียงพ่อแท้ๆ ถึงจะสรรหาสารพัดวิธีแกล้งลูกชายตัวเอง
เสี่ยวจินอวี๋ถูกซั่งเหมยอุ้มไปแล้ว เฉินยางมองเขาด้วยความแค้นแล้วตามออกไป
หากจะพูดถึงความเป็นผู้ใหญ่ ผู้หญิงมักจะโตกว่าผู้ชาย อย่ามองว่าเฝิงเยี่ยไป๋อายุมากกว่าเฉินยางมากเช่นนี้ เพียงแต่ในเรื่องการเป็นพ่อแม่นั้น เฉินยางเก่งกว่าเขาอยู่หลายเท่าด้วยซ้ำ
เฝิงเยี่ยไป๋เป็นคนที่ทำอะไรว่องไว ไม่เคยรับปากใครง่ายๆ เพียงแต่ในเมื่อรับปากแล้วก็จะต้องทำให้ได้ ตั้งแต่ลูกชายของเขาคลอดออกมา เรื่องที่เขาเคยรับปากคนนั้น นับไปแล้วก็มีเพียงเรื่องของน่าอวี้ เขายังนึกถึงอยู่จึงรีบให้คนไปทำ
ความภักดีของพั่งไห่ที่มีต่อฮ่องเต้นั้น รัชทายาทเห็นอยู่ในสายตา เขาเป็นคนฉลาด หากก่อนหน้านี้ไม่ได้มีเรื่องที่เขาทูลจะให้อิ๋งโจวรักษาให้ฮ่องเต้นั้น รัชทายาทถึงขั้นจะให้ความสำคัญกับเขา เพียงแต่ในเมื่อมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ปล่อยเขาอยู่ข้างกายสุดท้ายก็จะเป็นภัย จึงคิดจะจัดการเขาเสีย
หลี่เต๋อจิ่งกระดิกหางแสดงความภักดีได้เยี่ยมนัก รัชทายาทก็รู้สึกว่าใช้เขาถนัดมือ กำลังคิดอยู่ว่าจะจัดการพั่งไห่อย่างไรดี หลี่เต๋อจิ่งก็จำความแค้นระหว่างกันของทั้งสองคนได้ จึงทูลแนะนำว่า “พั่งไห่เป็นคนสำคัญที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้…พระองค์ก่อน ฮ่องเต้พระองค์ก่อนให้ความสำคัญกับเขามาก ความภักดีของเขาที่มีต่อฮ่องเต้พระองค์ก่อนฝ่าบาทก็ได้ทอดพระเนตรแล้ว ตามที่บ่าวเห็น ไม่เช่นนั้น… ก็ให้เขาตามฮ่องเต้พระองค์ก่อนไปอยู่เป็นเพื่อนที่สุสานจักรพรรดิ ฮ่องเต้พระองค์ก่อนก็มีคนปรนนิบัติ ทั้งยังได้แสดงถึงความกตัญญูของฝ่าบาท เป็นคำสรรเสริญที่สืบทอดต่อไปได้เลยพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้น้อยยังคงอายุน้อย จะฉลาดอย่างไรก็ไม่อาจหนีการหลอกล่อด้วยคำพูดเอาใจได้ เขาฆ่าบิดาของตัวเอง แต่เดิมในใจก็รู้สึกผิด บวกกับเมื่อคืนฝันร้าย ย่อมต้องหาวิธีชดเชย วิธีของหลี่เต๋อจิ่งพูดเข้าไปอยู่ในใจพอดี เขาย่อมพอใจอย่างแน่นอน
คำสั่งมาถึงที่พั่งไห่ เขากลับไม่มีความประหลาดใจเท่าไรนัก ราวกับคิดไว้แล้วเช่นนั้น
หลี่เต๋อจิ่งมาบอกด้วยตัวเอง เขานั่งหลังค่อมอยู่ข้างหน้าพั่งไห่ มือข้างหนึ่งเขี่ยฟันอีกข้างหนึ่งปัดแขนเสื้อ “ข้าเห็นว่าปกติเจ้าฉลาดนัก ไฉนถึงเวลาสำคัญกลับโง่เสียไปได้ ความทะเยอทะยานของรัชทายาทเจ้าดูไม่ออกหรือ ยังกล้าบอกจะหาหมอให้ฮ่องเต้พระองค์ก่อน เจ้านี่ตบพระพักตร์ชัดๆ ว่ารัชทายาทอกตัญญูไม่ใช่หรือ เจ้าว่ารัชทายาทยังจะเก็บเจ้าไว้ได้อีกหรือ”
หลี่เต๋อจิ่งก้าวใหญ่ๆ ไปก้าวหนึ่ง เรียกว่าก้าวเดียวถึงฟ้า กลายเป็นคนสำคัญของรัชทายาท มีคำพูดหนึ่งที่ว่าสุนัขอาศัยอำนาจคน คำพูดนี้ใช้กับเขาเหมาะสมยิ่งนัก ไม่เพียงแค่เขา หากวันนี้คนที่ได้ดีเป็นพั่งไห่ ไม่แน่อาจจะยโสยิ่งกว่านี้ คนเรานั้นล้วนเป็นเช่นนี้ไม่ใช่หรือ เพียงแต่ว่าใครจะมองออกหรือไม่ออกเท่านั้น
พั่งไห่เหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเขาเช่นนั้น รอเขาพูดจบ ถึงได้ปัดเสื้อยืนขึ้นมา “อย่าได้ใจเร็วเกินไปนัก ยืนที่สูงตกลงมาตายได้ง่าย”
ตอนที่ 580 การต่อรองกับฮ่องเต้
การอยู่รอดในวังมีเพียงสองทาง หากไม่ใช่ปีนให้สูงขึ้นแล้วมีชีวิตรอดให้ดีๆ ก็คือตกต่ำ ปล่อยให้คนอื่นเหยียบอยู่บนศีรษะ เป็นบันไดให้คนอื่น แถมยังต้องถูกคนอื่นใช้งานตลอด จะเป็นยอดคนหรือแพะรับบาป จะมีชีวิตรอดให้ดีๆ หรือให้คนกุมชะตาชีวิตเตรียมตายได้ทุกเมื่อก็ต้องเลือกเอาเอง
พั่งไห่ไม่อยากตาย ในเมื่อไม่อยากตาย ก็ต้องสู้สุดชีวิตให้อยู่รอดต่อไป แต่จะมีชีวิตรอดได้นั้นยังไม่ใช่ว่าเจ้าอยากรอดก็รอดได้ ยังต้องดูว่าฮ่องเต้ให้หรือไม่ให้ หากฮ่องเต้มีพระทัยจะให้เจ้าตาย ขอร้องอย่างไรก็ไม่เป็นผล
ตอนนี้รัชทายาทสู้เพียงลำพัง คู่ต่อสู้ของเขานั้นเป็นพระปิตุลาของตน ผู้เป็นอาจะแย่งแผ่นดินของหลานก็ไม่น่าแปลก ดังนั้น ยามนี้ฮ่องเต้น้อยกำลังโดดเดี่ยวไม่มีใครช่วย ยามนี้เป็นช่องโหว่ที่ดี เขากำลังขาดคนที่คิดแผนการให้ เวลานี้ตัวเองเติมเข้าไปก็พอดีเลยไม่ใช่หรือ ฮ่องเต้น้อยยากจะทำให้ทุกคนเชื่อฟัง เขาเองก็มองอนาคตของฮ่องเต้น้อยไม่เห็น ถือเสียว่าเป็นการต่อรอง
เพียงแต่ในเมื่อเป็นการต่อรอง เช่นนั้นแล้วก็ต้องมีเบี้ยต่อรองที่เป็นการแลกเปลี่ยนอย่างสองอย่างถึงจะได้ อะไรที่จะเป็นเบี้ยต่อรองหรือ ย่อมก็ต้องเกี่ยวกับซู่อ๋องอยู่แล้ว
ฮ่องเต้น้อยเพิ่งได้ขึ้นครองราชย์ ต้องสร้างความน่าเกรงขามให้คนทั่วแคว้นได้เห็น เพราะฉะนั้นหลายวันมานี้จึงล้วนอยู่ที่พระตำหนักหย่างซินจัดการงานราชการ เพิ่งได้ตำแหน่งไฟลุกโชน ไฟนี้ก็เผาถึงพระเศียรพระองค์พอดี
พั่งไห่ขอเข้าพบอยู่นอกตำหนัก ฮ่องเต้น้อยทรงได้ยินเข้าก็ไม่ตรัสอะไร แต่กลับไม่ให้ไปและไม่เรียกเข้าเฝ้า หากฮ่องเต้ไม่รับสั่ง ยามที่มานั้นอยู่ในท่าใดก็ยังต้องเป็นท่านั้น
ต้นไม้ล้มลิงต่างหนี กำแพงล้มทุกคนผลัก ยามนี้เขาเสียอำนาจให้กับฮ่องเต้องค์ใหม่ ลูกบุญธรรมที่รับเลี้ยงมาก่อนหน้านี้ไม่มีใครแสดงความภักดีเลย อยู่ห่างเขาได้ไกลเท่าไรก็ไปไกลเท่านั้น ด้วยกลัวภัยจะมาถึงตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีบางคนยืนอยู่ข้างๆ พูดจาเย้ยหยันด้วยซ้ำ ปกติทำตัวเป็นบ่าวแทบอยากจะปรนนิบัติเขาเป็นเจ้านาย ยามนี้กลับเริ่มหาความภาคภูมิใจบนตัวเขาขึ้นมา คำพูดเย้ยหยันพูดใส่เต็มที่ อยากจะกู้หน้าคืนที่เมื่อก่อนเคยเสียให้เขากลับมาทั้งหมด
พั่งไห่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก คำพูดเหล่านี้เขาไม่ใส่ใจอย่างสิ้นเชิง คำพูดที่ไม่น่าฟังยิ่งกว่านี้เขายังเคยผ่านมาแล้ว คำพูดเย้ยหยันเท่านี้ถือเป็นอะไรไปได้ เขายังคงคุกเข่าของเขา ไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย เขาคุกเข่าหลังตรง ที่ทำอยู่ไม่ใช่เรื่องดีนัก เพียงแต่พอเป็นเช่นนี้กลับทำให้เขาคุกเข่าจนโกรธขึ้นมา
หลี่เต๋อจิ่งหัวเราะเขาที่ไม่รู้จักประมาณตน ตอนนี้รู้ว่าต้องยอมแพ้แล้ว แล้วไปทำอะไรมาเล่า เขาสะบัดแส้ปัดแล้วรอดูเรื่องสนุก
ฮ่องเต้น้อยตรวจฎีกาเสร็จก็ลุกขึ้นมา ทอดพระเนตรออกไปข้างนอกพลางตรัสถามขันทีน้อยที่อยู่ข้างๆ “เขายังคุกเข่าอยู่ข้างนอกหรือ”
ขันทีน้อยเติบโตมาโดยอยู่ข้างกายฮ่องเต้น้อยตลอด พอได้ยินก็รีบทูลอย่างเอาใจว่า “ฝ่าบาทไม่รับสั่งให้เขาลุกขึ้นมา ต่อให้เขามีความกล้าเพียงใดก็ไม่กล้าขัดพระบัญชา นี่ก็คุกเข่ามาสองชั่วยามแล้วกลับยังไม่ขยับ เห็นได้ว่าเขายังมีวิชาอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้น้อยถูกพระทัยกับคำพูดเหล่านี้ พยักพระพักตร์ด้วยความพอพระทัย “เป็นเช่นนี้สิดี ไม่ให้เขาเห็นว่าเราเก่ง เขายังคิดว่าเรารังแกได้ง่ายๆ ยามที่ให้ทางรอดเขาเขาไม่เอา ยามนี้รู้ว่าตัวเองจะตายแล้ว ถึงนึกได้ว่าจะมาขอร้องเรา เรามันเชื่อง่ายขนาดนั้นหรืออย่างไร ไม่ต้องสนใจเขา เราจะดูว่าเขายังจะคุกเข่าไปได้อีกนานเพียงใด เอ้อร์ซุ่นเอ๋อร์ ให้คนจัดเตรียมอาหารเถิด เรายังต้องทำเป็นตัวอย่างให้แก่คนทั้งแคว้น คืนนี้ก็นอนที่นี่แล้วกัน”
ขันทีน้อยเอ้อร์ซั่นเอ๋อร์ทูลกล่อมอยู่ข้างๆ ว่า “ฝ่าบาท ความเด็ดเดี่ยวและความกตัญญูของฝ่าบาทคนทั่วแคว้นล้วนเห็นแล้ว เพียงแต่ฝ่าบาทเป็นดั่งดวงใจของพวกเรา ต้องถนอมพระวรกายให้ดีนะพ่ะย่ะค่ะ”