บทที่ 651 สงครามหมาป่าเลือด

โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล

RC:บทที่ 651 สงครามหมาป่าเลือด

 

หมาป่าโลหิตตกตะลึงเล็กน้อยและกัดฟันของเขาทันที ก่อนที่จะแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว: “นายยังไม่รู้ว่านายจะเป็นหรือตาย ฉันบอกไม่ได้ว่านายโง่หรือนายกำลังหยิ่งอยู่กันแน่ ตอนนี้เป็นเวลาที่น่าจะหาทางเอาชีวิตรอดมากกว่าไหม”

 

หลินเฟิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง: “ได้โปรด”

 

“เงียบ!!” หมาป่าโลหิตโบกอุ้งเท้าหน้าอย่างแรง เพราะหลินเฟิงทำให้เขารู้สึกหมดความอดทนแล้ว

 

“เจ้าจอร์จนั้นมีปัญหาอะไรกัน ฉันจะฟ้องพ่อ และเขาจะต้องถูกลงโทษอย่างหนักสำหรับเรื่องแบบนี้!”

 

จอร์จเป็นชื่อสามัญของราชาแห่งวิญญาณ

 

แต่หลินเฟิงยังคงยืนยันในจุดประสงค์ของเขา: “มันเป็นธุระของนาย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉัน ตอนนี้ฉันแค่ต้องการให้นายช่วย ดังนั้นได้โปรดเถอะ … “

 

ทันใดนั้นดวงตาของหมาป่าโลหิตก็ฉายแสงที่รุนแรงและพุ่งไปยังเข้าหาหลินเฟิงทันที

 

หลินเฟิงรีบหลบเสาแห่งแสงสีแดงนั้น พื้นตรงนั้นระเบิดออกมาเป็นหลุมลึกทันที

 

“นายกำลังทำอะไร?” หลินเฟิงถามดัง ๆ

 

ขนของหมาป่าโลหิตตั้งตั้งขึ้นเล็กน้อย ซึ่งนั้นหมายความว่ามันกำลังโกรธ

 

ความดุร้ายนั้นทำให้หลินเฟิงด้วยน้ำเสียงจริงจัง: “นายเป็นเพื่อนที่แย่มาก อย่าให้ฉันต้องฆ่านายเลย!”

 

สำหรับหมาป่าโลหิตพฤติกรรมที่ไม่สมเหตุผลของหลินเฟิงนี้ โกรธแค่นี้ยังน้อยไป  :

 

“ฉันสุภาพกับนายมากพอแล้ว แต่ถ้านายไม่อยากพูดคุยกันดี ๆ ก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือนหละ! “

 

หมาป่าโลหิตพ่นลมหายใจออกมาอย่างไร้ความปรานี: “ขึ้นอยู่ว่าแกต้องการจะทำอะไรกับฉัน”

 

ดวงตาของหลินเฟิงเต็มไปด้วยแสงที่ดุดันไม่แพ้กัน: “ลืมตาขึ้นมาดูดี ๆ !”

 

“มังกรดำ คำราม!”

 

เกล็ดสีดำปรากฏขึ้นบนร่างกายของหลินเฟิง เมื่อลำแสงของพวกเขาปะทะเข้าด้วยกันจะได้ยินเสียงดังกึกก้อง

 

ใบหน้าของหลินเฟิงกลายเป็นความดุร้ายและลมหายใจของหมาป่าโลหิตก็แตกออก

 

สีหน้าของหมาป่าโลหิตเปลี่ยนไปทันที “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สี่แล้วยังงั้นเรอะ นี่คือพลังที่แท้จริงของนายอย่างงั้นรึ?”

 

หมาป่าโลหิตถามต่อทันทีว่า “เดี๋ยวก่อนนะ นายมีลมหายใจของมังกรที่แท้จริงอยู่บนร่างของนายได้อย่างไร นายเป็นใครกันแน่?”

 

เนื่องจากโลกถูกสร้างขึ้นโดยเทพเจ้ามังกร ตระกูลมังกรที่แท้จริงจึงเป็นอันดับหนึ่งในตระกูลสัตว์วิญญาณตามธรรมชาติ และลมปราณของมังกรที่แท้จริงจะปราบปรามสัตว์วิญญาณอื่น ๆ ได้และส่งผลกับพวกมันไม่มากก็น้อย

 

“นายยังต้องการต่อสู้อยู่อีกไหม?” หลินเฟิงกล่าว

 

หมาป่าโลหิตกลับมามีสติอย่างรวดเร็วและพูดอย่างหยิ่งผยองว่า

 

“แม้ว่าจะมีพลังของมังกรที่แท้จริง แต่พวกมันก็ไม่ได้เป็นที่สักการะสำหรับเรา เท่าที่เรากังวลตราบใดที่มันไม่ใช่มังกรตัวจริงเสียงจริง ระดับราชามังกรมังกรละก็ไม่ต้องกล่าวถึงเลย! “

 

“จะเป็นอย่างงั้นรึ?” หลินเฟิงแสดงรอยยิ้ม “ฉันรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของนายมีความไม่พอใจอยู่!”

 

“ ถ้ามันอยากจะเอาชนะมากนัก งั้นฉันจะสนองมันเอง”

 

หลินเฟิงกระทืบเท้าของเขาและวิ่งไปหาหมาป่าโลหิตด้วยแรงผลักดันที่รุนแรง ในเวลาเดียวกันเขาจับมือขวาของเขาและหอกทองคำก็ควบแน่นในมือของเขาทันที

 

ในพริบตาหอกในมือของเขาก็ลอยออกไปมากกว่าหนึ่งเมตรโดยทั้งหมดเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณมันพุ่งเขาหาจุดตายของหมาป่าหลายจุด

 

ทันใดเสียงแหลมคมก็พุ่งออกไปพร้อมกับหอกแห่งแสง เสียงนั้นดังอยู่นานหลายสิบวิ แสงวูบวาบมากมายสว่างวาปขึ้นราวกับการระดมยิงไปทั่วร่างของหมาป่าโลหิต

 

เสียงระเบิดที่ต่ำและกึกก้องดังขึ้นบ่อยครั้ง ควันหนาปกคลุมร่างของหมาป่าโลหิตทันที แต่ในไม่ช้าดวงตาสีแดงเลือดคู่หนึ่งก็สว่างขึ้นหลังม่านควัน ทันใดนั้นหมาป่าโลหิตก็พุ่งตัวฉีกกลุ่มควันออกมาพร้อมด้วยกรงเล็บอันแหลมคมพุ่งตรงไปที่หลินเฟิง

 

หลินเฟิงกระโดดไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันหอกยาวของเขาก็โบกสะบัดเป็นแนวโค้งที่แหลมคมสีทอง

 

และปฏิกิริยาของหมาป่าโลหิตเองก็รวดเร็วมากเช่นกัน มันใช้กรงเล็บอันแหลมคมสีแดงสดสองอัน หักล้างการโจมตีด้วยคมแสงวิถีโค้งของเขา

 

โฮก!

 

เสียงคำรามของหมาป่าโลหิตดังก้องอยู่ในถ้ำ เซลล์เม็ดเลือดรวมตัวกันในลำคอ จากนั้นเซลล์เม็ดเลือดก็แตกและกลายเป็นคลื่นแสงที่มีส่วนโค้งสีแดง พุ่งไปที่หลินเฟิงราวกับกระสุดโลหิต

 

“คลื่นแสงแห่งความมืด!”

 

หลินเฟิงเปิดปากของเขา และเงาของมังกรดำก็ปรากฏขึ้นข้างหลัง ในเวลาเดียวกันเขายังปล่อยคลื่นแสงที่มีส่วนโค้งสีดำออกมามากมาย

 

คลื่นแสงสีดำและสีแดงปะทะกันและเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงทันที เสียงนั้นทำให้ทั้งถ้ำสั่นสะเทือน

 

หลินเฟิงและหมาป่าโลหิตถอยออกจากกัน แต่หลินเฟิงก็หยุดลง การโจมตีครั้งต่อไปของหมาป่าโลหิตตามหลังเขามาติด ๆ

 

หัวใจของหลินเฟิงรู้สึกหวาดกลัว เขาเลือกที่จะวิ่งหนีไป

 

กรงเล็บสีแดงกวาดไปมาทิ้งรอยลึกสองรอยไว้ที่ผนังถ้ำ

 

หมาป่าโลหิตเริ่มไล่ล่าหลินเฟิง ราวกกับแมวที่ไล่จับหนู

 

บางครั้งหลินเฟิงก็ต่อสู้กลับบ้าง บางครั้งก็หลบหลีก

 

ดวงอาทิตย์สาดแสงลงมาในถ้ำราวกับโรงละครที่ตั้งอยู่กลางป่าทึบ

 

แต่นี่ไม่ใช่ป่าที่แวมไพร์อยู่ เพราะแม้หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดหลินเฟิงก็ เขาก็ไม่ได้สูญเสียพลังวิญญาณในอัตราที่น่ากลัวดั่งเช่นครั้งที่แล้ว

 

“อย่าหนี!” หมาป่าโลหิตคำรามเพื่อไล่ตามหลินเฟิง กรงเล็บที่โบกสะบัดไปด้านหน้านั้นเพียงพอที่จะแยกเนื้อของสิ่งใดก็ได้ที่เข้ามาขวางทาง!

 

หลินเฟิงหันไปรอบ ๆ และปัดกรงเล็บของหมาป่าโลหิตออกด้วยปลายหอก

 

ในขณะนี้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ปิด เมื่อออกไปได้ในที่สุดเขาก็ไม่ต้องถูกกีดขวางอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะต่อสู้กับหมาป่าโลหิต

 

แต่นี่ก็เหมือนกันสำหรับหมาป่าโลหิต ความเร็วของหมาป่าโลหิตนั้นรวดเร็วและดุดัน หลังจากปะทะกันไปสองสามรอบ เขาก็เร่งความเร็วขึ้นเพื่อที่จะกระแทกหลินเฟิงออกไป

 

หลินเฟิงชนต้นไม้ใหญ่และเห็นหมาป่าโลหิตพยายามจะไล่บี้มา เขากวาดหอกออกไปอีกครั้งและเห็นหมาป่ากำลังลอยตัวมาหาเขาอย่างบ้าคลั้ง ต้นไม้ใหญ่ข้าง ๆ หัวของเขาถูกตัดขาดเป็นสองส่วน เขารีบบินออกไปและฟาดฟันหมาป่าโลหิตเป็นการสวนกลับ

 

แต่มันก็ได้แค่นั้น หมาป่าโลหิตไม่บาดเจ็บอะไรเลย

 

หลังจากที่ถูกขับไล่ออกไป มันก็พุ่งออกมาเกือบจะอยู่ในที่เดิมและเริ่มการโจมตีอีกครั้ง

 

แต่ในเวลานี้หลินเฟิงมีระยะเวลาเพียงพอแล้วดังนั้นจึงได้รับการเลือกที่จะปะทะอย่างรวดเร็ว

 

การต่อสู้ได้เข้าสู่ฉากสำคัญแล้ว ทั้งสองฝ่ายมาพร้อมกับไม้เด็ดของตน ทักษะขนาดเล็กใหญ่ทุกชนิด ทั้งที่แข็งแกร่งและไม่แข็งแกร่ง สร้างหลุมที่มีขนาดแตกต่างกันมากมายบนพื้น

 

ความแข็งแกร่งของหมาป่าโลหิตและร่างกายที่แข็งแกร่ง แม้แต่หลินเฟิงเองก็จัดการไม่ได้ง่าย ๆ

 

แต่โดยทั่วไปแล้วเขายังคงมีอำนาจเหนือกว่า เมื่อการต่อสู้เกิดขึ้นเขาทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนหมาป่าโลหิตมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บจากหมาป่าโลหิตเลย

 

เมื่อทั้งสองฝ่ายแยกจากกันอีกครั้งในที่สุดหมาป่าโลหิตก็หยุดการโจมตีชั่วคราว

 

เลือดเม็ดใหญ่ ๆ หยดลงจากบาดแผล มันอ้าปากค้างเล็กน้อยโดยมีเพียงหลินเฟิงเท่านั้นที่อยู่ในสายตาของมัน

 

ความแข็งแกร่งของหลินเฟิงเหนือความคาดหมายไปมาก แม้ว่าหลินเฟิงจะไม่สามารถเอาชนะมันได้แบบ 100 % ในคราวเดียว แต่มันก็รู้ว่าตอนนี้ทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องของเวลาแล้ว

 

เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ยากลำบากเช่นนี้ มันก็สูญเสียความปรารถนาที่จะต่อสู้โดยปราศจากความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งไป

 

เมื่อทิ้งความคิดไปชั่วขณะหนึ่ง ทั้งร่างกาย และแววตาของมันก็ผ่อนคลายลงทันที: “ลืมไปซะเถอะ อย่าทะเลาะเพราะเรื่องบ้า ๆ นั้นเลย”

 

“ยังไงซะเราก็ไม่มีความเกลียดชังกัน ความแค้นไม่จำเป็นต้องสู้ให้ถึงตาย”

 

“สำหรับกลุ่มโลหิตฉันเองก็พบปัญหาเหมือนกัน”

 

หลินเฟิงไม่คาดคิดว่าหมาป่าโลหิตจะยุติสงครามกระทันหันแบบนี้ แต่เขาไม่ได้ผ่อนคลายลง