ตอนที่ 430 เมิ่งชิงซีเป็นคนทำ / ตอนที่ 431 หนึ่งร้อยหกสิบล้าน

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

ตอนที่ 430 เมิ่งชิงซีเป็นคนทำ

 

 

โอวหยางหงเล่นกับเสี่ยวอวี่อยู่ครู่หนึ่งก็เรียกรถไปยังโรงแรม ถังโจวโจวเองก็รั้งเขาไว้ไม่ได้ทำได้แค่ให้เขาบอกชื่อโรงแรมและสถานที่อยู่ให้เธอ พอถึงเวลาแล้วเธอจะไปหาเขาซึ่งโอวหยางหงก็ยินยอม

 

 

เมื่อลั่วเซ่าเชินกลับมาถังโจวโจวจึงเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง “ดี จะได้คิดบัญชีทั้งเรื่องเก่าเรื่องใหม่ไปพร้อมกันเลย”

 

 

ลั่วเซ่าเชินไม่คิดว่าเมิ่งชิงซีจะทำเรื่องร้ายกาจถึงขนาดนี้ได้ ผู้หญิงแบบนี้อำมหิตเกินไปแล้ว เขาจะยอมให้เธอหยิ่งผยอง ให้เป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อโจวโจวต่อไปได้อย่างไร

 

 

“เซ่าเชินคุณคิดจะทำยังไง” ถังโจวโจวเองก็ขุ่นเคืองมากแต่เธอยังสามารถควบคุมสติเอาไว้ได้ อย่างไรเมิ่งชิงซีก็มีบ้านตระกูลเมิ่งคอยหนุนหลังอยู่ หากเซ่าเชินปะทะกับเธอตรงๆ ถึงเวลานั้นบ้านตระกูลลั่วเกิดเสียหายขึ้นมาคงไม่ดีนัก

 

 

“เรื่องพวกนี้คุณไม่ต้องกังวล โจวโจว คุณรอดูผลลัพธ์เถอะ ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน” ครั้งนี้ลั่วเซ่าเชินเอ่ยสัญญากับถังโจวโจว ก่อนหน้านี้เขายังสับสนว่าหากสุดท้ายเมิ่งชิงซีไม่ได้ทำอะไรผิดก็อาจจะเกิดปัญหาได้

 

 

แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เธอทำเรื่องที่เลวร้ายแบบนี้ทำให้ลั่วเซ่าเชินสงสัยว่าที่ถังโจวโจวประสบอุบัติเหตุครั้งก่อนก็เป็นฝีมือเธอใช่ไหม

 

 

และตอนนี้ก็มีหนึ่งข้อสงสัยคือเธอไปอยู่ที่ประเทศนั้นได้อย่างไรหรือเป็นเพราะครั้งก่อนทำไม่สำเร็จดังนั้นจึงคิดอยากให้ถังโจวโจวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ถึงตายอีกครั้ง

 

 

ลั่วเซ่าเชินยิ่งคิดยิ่งกลัว ถ้าครั้งนี้ถังโจวโจวเกิดเรื่องจริงๆ เขาจะทำอย่างไร โชคดีที่ตอนนั้นเธอแค่บาดเจ็บไม่ได้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต

 

 

ลั่วเซ่าเชินคิดถึงความเป็นไปได้ เขาต้องตรวจสอบให้ชัดเจนแต่จะไม่ให้เมิ่งชิงซีรู้ตัวและอย่างไรก็จะไม่ปล่อยคนที่ทำร้ายถังโจวโจวไปแน่

 

 

ลั่วเซ่าเชินจ้างนักสืบเอกชนมาคนหนึ่ง ให้เวลาเขาหนึ่งเดือนให้เขาไปตรวจสอบความเหมือนกันของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับถังโจวโจว

 

 

เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ลั่วเซ่าเชินและคนที่เขาจ้างนัดเจอกันที่ร้านกาแฟร้านหนึ่ง เขารออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว หลังจากนั้นชายใส่แจ็คเก็ตสีดำสวมหมวกแก๊ปไว้บนหัวคนหนึ่งก็เดินเข้ามานั่งลงบนที่นั่งตรงข้ามลั่วเซ่าเชิน

 

 

“นี่คือสิ่งที่คุณต้องการครับ” เขานำซองเอกสารซองหนึ่งส่งให้ลั่วเซ่าเชิน ลั่วเซ่าเชินสบตาอีกฝ่ายหลังจากนั้นก็เปิดซองเอกสารออก เมื่ออ่านเนื้อหาด้านในจนจบแล้วก็โกรธจนหน้าแดงก่ำ

 

 

“เธอกล้าทำถึงขั้นนี้เชียวเหรอ” ลั่วซ่าเชินไล่อ่านเนื้อหาทั้งหมด ครั้งแรกที่ถังโจวโจวเกิดเรื่องคือให้คนอื่นลงมือแทน แต่ครั้งที่สองหล่อนลงมือเอง

 

 

“นี่ค่าแรงส่วนที่เหลือของคุณ”

 

 

“ขอบคุณมากครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ” หลังรับบัตรธนาคารที่ลั่วเซ่าเชินส่งให้ผู้ชายคนนั้นก็ลุกออกไป ครู่เดียวก็ไม่เห็นเงาของเขาแล้ว

 

 

ลั่วเซ่าเชินตัดสินใจแล้วว่าจะทำให้เมิ่งชิงซีได้เห็นดีกัน แต่ต้องจัดการผู้หนุนหลังของเธอเสียก่อน

 

 

ประจวบเหมาะกับเมื่อเร็วๆ นี้ตระกูลลั่วเพิ่งจะมีชื่อเสียงขึ้นมาเขาจะให้อีกฝ่ายต้องล้มครืน เซ่าเชินกำหลักฐานไว้และติดต่อหาโอวหยางหงทันที หลังจากทั้งสองคนปรึกษากันแล้วก็ตัดสินใจให้ตระกูลเมิ่งมาติดกับเอง

 

 

เร็วนี้ๆ ตระกูลลั่วกำลังจะเซ็นร่วมธุรกิจกันกับบริษัทที่มีศักยภาพมากแห่งหนึ่ง เป็นพันธมิตรกันในเมืองเอส ตอนที่เมิ่งไหวเซินดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริษัทหยางซิงก็คิดอยากจะให้ตระกูลเมิ่งพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือในโครงการแต่เขายังลังเล

 

 

เพียงแต่เมิ่งไหวเซินยังคงสงสัย อยากพบกับผู้อยู่เบื้อหลังของบริษัทที่กำลังมีชื่อเสียงขึ้นมาแห่งนี้ กลับยากยิ่งกว่าปีนขึ้นฟ้าเสียอีก จู่ๆ เรื่องดีๆ แบบนี้จะมาถึงตระกูลเมิ่งได้ยังไงกัน

 

 

เมิ่งไหวเซินจึงตรวจสอบคนที่อยู่เบื้องหลังของหยางซิงดูก็พบว่าไม่มีอะไรน่าสงสัย บริษัทนี้อาศัยการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิค ก็ไม่รู้ว่าใครถือหุ้นเพราะเขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่คิดไม่ถึงว่าเพียงวิจัยผลิตภัณฑ์ออกมาตัวหนึ่งก็จะถูกจับตามองเป็นอย่างมาก

 

 

ไม่นานบริษัทก็จะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ นั่นคือเหตุผลที่บริษัทในเมืองต่างๆ ล้วนต่อสู้เพื่อให้ได้ร่วมทุนกับบริษัทนี้ เมิ่งไหวเซินถึงวางใจลงได้ ประจวบเหมาะกับเมื่อเร็วๆ นี้กับตระกูลเมิ่งมีความคิดที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ มีบริษัทนี้เข้ามาก็พอดี

 

 

หลังจากผ่านการเจรจาต่อรองหลายครั้งตระกูลเมิ่งก็ตกลงร่วมทุนกับบริษัทซินซิง หลังจากที่เงินทุนมาถึงเมิ่งไหวเซินรอดูผลลัพธ์ในตอนสุดท้าย

 

 

และสุดท้ายเมิ่งไหวเซินก็ได้รับข่าวที่ยืนยันมาแล้วว่าเมืองเอสมีที่ดินผืนหนึ่งจะขาย ที่ดินผืนนี้จึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

 

 

 

 

ตอนที่ 431 หนึ่งร้อยหกสิบล้าน

 

 

เมื่อเมิ่งไหวเซินได้รับข่าว ก็แน่นอนว่าไม่สามารถปล่อยไปได้ แต่กลับมีปัญหาเรื่องเงินทุนเพราะเพิ่งจะร่วมทุนกับบริษัทซินซิง เงินทุนส่วนใหญ่ก็ใช้ออกไปแล้ว หากร่วมการเสนอราคาครั้งนี้อีกบริษัทตระกูลเมิ่งอาจจะต้องเผชิญกับวิกฤตด้านการหมุนเงินได้

 

 

เมื่อถึงเวลามีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นทำให้เกิดวิกฤตร้ายแรงต่อบริษัท เมิ่งไหวเซินจึงลังเลว่าควรจะเสี่ยงดีไหม และเขาควรจะโน้มน้าวให้คณะกรรมการช่วยยังไง

 

 

ท้ายที่สุดเมิ่งไหวเซินก็ตัดสินใจที่จะเข้าไปยุ่งในส่วนนี้ อย่างไรเสียโอกาสนี้ก็หาได้ยาก หากไม่ลองเสี่ยงดูสักครั้ง เขาจะนำพาตระกูลเมิ่งไปให้สูงกว่านี้ได้ยังไง

 

 

เมิ่งไหวเซินเชื่อในคำสาบาน เมิ่งชิงซีเองก็ถูกเขาเรียกให้ไปเสนอราคาในนามของตระกูลเมิ่ง

 

 

เมื่อวันประมูลมาถึง เมิ่งชิงซีก็พาเลขาของตัวเองมาถึงสถานที่เสนอราคา สถานที่ประชุมเต็มไปด้วยผู้คนคลาคล่ำ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงช่วงบ่ายสอง การเสนอราคาจึงเริ่มต้นขึ้น

 

 

เมื่อเมิ่งชิงซีเห็นว่าที่ดินลำดับที่สิบสามเริ่มการเสนอราคาแล้ว เมิ่งชิงซีรอให้คนด้านหน้ายกเสร็จ ราคาหยุดอยู่ที่หนึ่งร้อยล้านไม่ขยับ

 

 

 “หนึ่งร้อยล้านครั้งที่หนึ่ง”

 

 

 “หนึ่งร้อยล้านครั้งที่สอง”

 

 

 “หนึ่งร้อยหนึ่งล้าน” ก่อนมาที่นี่เมิ่งไหวเซินได้อธิบายให้เมิ่งชิงซีฟังแล้วว่านี่เป็นที่ดินที่ตระกูลเมิ่งจำเป็นต้องได้มาเท่านั้น

 

 

 “หนึ่งร้อยยี่สิบล้าน” ผู้ชายคนหนึ่งยกป้ายประมูลขึ้น เมิ่งชิงซีเห็นว่าเป็นป้ายหมายเลขแปด นี่เขาตั้งใจจะสู้ราคากับเธอใช่ไหม

 

 

เพียงแต่เมิ่งชิงซีก็ยังไม่ยอมวางมือง่ายๆ ทำได้แค่ยกป้ายหมายเลขสิบของตัวเองขึ้นอีกครั้ง “หนึ่งร้อยสามสิบล้าน”

 

 

“ครับ ผู้ประมูลท่านนี้ยกมาหนึ่งร้อยสามสิบล้านนะครับ ยังมีใครให้สูงกว่านี้อีกไหมครับ”

 

 

พิธีกรมองไปยังบริเวณที่เงียบกริบจึงทุบค้อนขนาดเล็ก “หนึ่งร้อยสามสิบล้าน ครั้งที่หนึ่ง”

 

 

“หนึ่งร้อยสามสิบล้าน ครั้งที่สอง”

 

 

ใบหน้าของเมิ่งชิงซีเผยความพึงพอใจ ในที่สุดเธอก็ทำตามคำฝากฝังของพ่อได้สำเร็จ ที่ดินผืนนี้ใกล้จะตกเป็นของบริษัทตระกูลเมิ่งแล้ว คนที่อยู่ในที่นี้จะมีใครแข็งแกร่งเท่าตระกูลเมิ่งของเธออีก

 

 

 “หนึ่งร้อยห้าสิบล้าน”

 

 

“ครับ ผู้ประมูลเบอร์แปดเสนอราคา ‘หนึ่งร้อยห้าสิบล้าน’ นะครับ ยังมีใครให้ราคาสูงกว่าผู้ประมูลเบอร์แปดอีกไหมครับ” พิธีกรเริ่มตื่นเต้น ต้องรู้ว่าผู้เชี่ยวชาญได้ประเมินราคาเอาไว้ว่าน่าจะได้ราคาอยู่ที่หนึ่งร้อยสามสิบล้าน ตอนนี้มีคนประมูลถึงหนึ่งร้อยห้าสิบล้าน จะไม่ให้ตื่นเต้นได้อย่างไร

 

 

‘คนคนนั้นจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉันหรือไงนะ’ เมิ่งชิงซีสัมผัสได้ ทุกครั้งที่เธอโล่งอกและคิดว่าการเสนอราคาจะจบลงแล้ว อีกฝ่ายก็มักจะเสนอราคาที่สูงมากกว่าขึ้นมาเสมอ

 

 

เมิ่งชิงซีเริ่มลังเล ที่ดินมีมูลค่าหนึ่งร้อยห้าสิบล้านแล้ว เธอสงสัยว่าเธอควรหยุดดีไหม

 

 

แต่เมื่อเมิ่งชิงซีเห็นใบหน้ายิ้มเยาะเย้ยของผู้ชายคนนั้นแล้วก็โกรธจัด นี่เขาหมายความว่าอะไร จะรังแกกันงั้นเหรอ งั้นเธอจะทำให้เขาเห็น ว่าเมิ่งชิงซีนั้นใช่ว่าใครจะรังแกก็ได้

 

 

 “หนึ่งร้อยหกสิบล้าน”

 

 

 “ผู้จัดการ คุณวู่วามเกินไปแล้วนะ” ผู้ช่วยข้างๆ มองดูเมิ่งชิงซีที่เสนอราคาสูงขนาดนั้น งบประมาณไม่พอ ซ้ำยังไม่รู้ว่าดินผืนนี้จะสรุปขายที่ราคาเท่าไหร่ ตอนนี้ผู้จัดการยังใช้อารมณ์อีก หุนหันพลันแล่นไปแล้วจริงๆ

 

 

 “ไม่เกี่ยวกับเธอ” หลังจากที่เมิ่งชิงซีพูดไปก็เสียใจนิดหน่อย แต่อย่างไรก็พูดไปแล้ว ตอนนี้อยู่ในที่สาธารณะ คงไม่ดีที่จะกลับคำ นั่นคงทำให้เธอเสียหน้ามาก

 

 

 “หนึ่งร้อยหกสิบล้านครั้งที่หนึ่ง หนึ่งร้อยหกสิบล้านครั้งที่สอง ยังมีใครให้มากกว่าคุณผู้หญิงคนนี้ไหมครับ”

 

 

พิธีกรมองไปยังห้องจัดงานไม่มีใครยกป้ายจึงทุบค้อนลงไปอย่างแรง “หนึ่งร้อยหกสิบล้าน ยินดีกับผู้เสนอราคาท่านนี้ด้วย”

 

 

เสียงปรบมือดังสนั่นในบริเวณนั้น เมื่อเมิ่งชิงซีเห็นว่าผู้ชายคนนั้นเองก็ปรบมือแล้วยกนิ้วโป้งให้เธอ เดิมทีเธอควรดีใจ แต่เขากลับพลิกนิ้วโป้งชี้ลงพื้นแทน นี่ทำให้เมิ่งชิงซีแทบเป็นลมด้วยความโกรธ

 

 

“เขาหมายความว่าไง จะด่าว่าฉันโง่เหรอ” เมิ่งชิงซียังโกรธอยู่ แต่ผู้ชายคนนั้นลุกขึ้นแล้ว คงไม่ดีเท่าไหร่ที่เธอจะเข้าไปหาเขา หลายคนในที่นี้ล้วนจับจ้องเธออยู่ ถึงเวลานั้นเมื่อภาพพจน์ถูกทำลาย ตระกูลก็มีแต่จะขายหน้า

 

 

เมิ่งชิงซีระงับอารมณ์ที่คิดอยากจะตบหน้าผู้ชายคนนั้น ครั้งนี้เธอชนะ คนที่ควรจะยืดอกควรเป็นเธอ จะไปโกรธผู้ชายคนนั้นให้ได้อะไร ถึงเวลานั้นพวกเธอตระกูลเมิ่งจะได้รับเงินมากมายจากที่ดินผืนนี้ เขาจะร้องไห้ก็ไม่ทันแล้ว