บทที่ 1448 อาภรณ์วิญญาณ

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

ท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์วิญญาณฉบับดัดแปลงใช้วิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณระดับเจ็ดและวิญญาณอมตะล้างใจเป็นแกนกลาง หลังจากล้มเหลวหลายครั้ง ในที่สุดฟางหยวนก็สามารถกระตุ้นใช้งานมันได้สำเร็จ

 

เขานำวิญญาณออกมาจากร่างทารกอมตะโดยตรง

 

วิญญาณเหล่านี้ลอยอยู่กลางอากาศ

 

รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาถูกใช้ไปในท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชคและทำให้จิตวิญญาณของเขาตกลงมาอยู่ในระดับมนุษย์ร้อยคนเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้ดวงวิญญาณของเขาถูกปกคลุมไปด้วยชุดคลุมยาวจากท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์วิญญาณ

 

อาภรณ์วิญญาณมีทั้งระดับหก ระดับเจ็ด ระดับแปด และระดับเก้า

 

แต่เทพปีศาจจิตวิญญาณไม่เคยยกระดับท่าไม้ตายอมตะนี้ขึ้นสู่ระดับเก้า

 

เพราะมันไม่จำเป็น

 

เขาเป็นเทพปีศาจที่ยิ่งใหญ่ เขาไม่จำเป็นต้องป้องกันการอนุมานจากผู้ใด

 

ดังนั้นระดับสูงสุดของท่าไม้ตายนี้จึงอยู่ที่ระดับแปด

 

ฟางหยวนตรวจสอบและรู้สึกมึนงง “หือ? เหตุใดอาภรณ์วิญญาณของข้าถึงอยู่ในระดับหกเท่านั้น?”

 

หลังจากดัดแปลงท่าไม้ตายโดยใช้วิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณระดับเจ็ดและวิญญาณอมตะล้างใจระดับหก นั่นหมายความว่ามันจะกลายเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด แต่เหตุใดมันถึงเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับหก?

 

‘เป็นเพราะการดัดแปลงของข้างั้นหรือ?’ ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวนก่อนที่เขาจะปฏิเสธมัน

 

เขาใช้แสงแห่งปัญญาในการอนุมาน แล้วมันจะผิดพลาดได้อย่างไร?

 

‘โอ้ ข้าเข้าใจแล้ว’ ฟางหยวนคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะเข้าเหตุผล

 

คำตอบก็คือร่างกายของเขา

 

ภายใต้อาภรณ์วิญญาณยังมีชุดคลุมอีกชั้นหนึ่ง

 

มันคือผนึกภูตผี

 

กล่าวได้ว่าอาภรณ์วิญญาณยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับผนึกภูตผี

 

‘อาภรณ์วิญญาณมีเป้าหมายอยู่ที่ดวงวิญญาณของข้าโดยตรง แต่ตอนนี้มันถูกต่อต้านโดยผนึกภูตผี ดังนั้นพลังอำนาจของอาภรณ์วิญญาณระดับเจ็ดจึงร่วงลงสู่ระดับหก’

 

ฟางหยวนไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดปัญหาดังกล่าว

 

เขาคุ้นเคยกับพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่ขัดแย้งกันของร่างทารกอมตะมานาน ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่คาดหวังว่าปัญหาเล็กๆนี้จะกลายเป็นอุปสรรคของเขา

 

‘ร่างกายของข้าไม่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งระหว่างพลังงานแห่งเต๋า’

 

‘แต่มันยังมีความขัดแย้งระหว่างท่าไม้ตายอมตะที่แตกต่างกัน’

 

‘ผนึกภูตผีแม้จะมีคำว่าภูตผีแต่มันเป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมขณะที่อาภรณ์วิญญาณเป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ทั้งสองต่อต้านกันและกัน เพื่อแก้ปัญหานี้ ข้าต้องหลอมรวมมันเป็นหนึ่ง’

 

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

 

มันยากเกินไป

 

ฟางหยวนยังไม่เข้าใจผนึกภูตผี ยิ่งไปกว่านั้นเขายังขาดความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมและเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ แม้จะมีแสงแห่งปัญญาช่วยอนุมาน แต่ความก้าวหน้าก็ยังล้าช้ามาก ภายใต้ความสำเร็จในปัจจุบัน เขาต้องอนุมานไปอีกหลายร้อยหรือหลายพันปีโดยไม่หยุดพัก

 

ท้ายที่สุดผนึกภูตผีก็เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า ฟางหยวนยังห่างไกลจากระดับเก้า แม้เขาจะมีพลังการต่อสู้ระดับแปด แต่เขายังไม่ใช่ผู้อมตะระดับแปดที่แท้จริง

 

‘ลืมมันไปซะ’

 

ฟางหยวนเก็บวิญญาณของเขากลับเข้าไปในร่าง

 

เขาไม่มีความคิดที่จะพัฒนาท่าไม้ตายในเวลานี้

 

เขาครอบครองมรดกทั้งหมดของนิกายเงาและก่อนหน้านี้เขายังได้รับมรดกเกือบทั้งหมดของนิกายหลางหยา

 

แม้มรดกของนิกายหลางหยาจะด้อยกว่ามรดกของนิกายเงา แต่มันก็ยังอุดมสมบูรณ์มาก

 

ท้ายที่สุดบรรพชนผมยาวก็เป็นตัวตนตั้งแต่สามแสนปีก่อน

 

พิจารณาจากเวลา นิกายหลางหยายังอยู่มานานกว่านิกายเงา

 

แต่นิกายหลางหยามุ่งเน้นด้านการหลอมรวม มรดกส่วนใหญ่ของพวกเขาจึงเป็นมรดกบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม นอกจากนี้ความสามารถในการรวบรวมมรดกของนิกายหลางหยาก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับเทพปีศาจจิตวิญญาณและนิกายเงา

 

ฟางหยวนสามารถใช้ประโยชน์จากมรดกเหล่านี้ ตอนนี้เขาได้ก้าวข้ามนิกายโบราณทั้งสิบของภาคกลางไปแล้ว

 

สำหรับวังสวรรค์ ฟางหยวนยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับพวกเขา วังสวรรค์ถูกปกครองโดยสามเทพอมตะและมีประวัติศาสตร์ยาวนานมาก มันก่อตั้งขึ้นมาถึงสามล้านปีแล้ว

 

ท่ามกลางมรดกที่ฟางหยวนครอบครอง อาภรณ์วิญญาณเหมาะสมกับเขามากที่สุดและยังมีโอกาสที่จะเติบโต ในอนาคตมันจะกลายเป็นตัวช่วยชั้นยอดสำหรับการป้องกันการอนุมานของผู้อมตะรวมถึงเจตจำนงสวรรค์

 

อาจกล่าวได้ว่าอาภรณ์วิญญาณเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญท่ามกลางมรดกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ

 

มันพิเศษมาก

 

เมื่อกระตุ้นใช้งาน มันจะคงอยู่ตลอดไปโดยไม่พึ่งพาพลังงานอมตะ แต่มันจะใช้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของผู้อมตะเพื่อรักษามันไว้

 

ในทางทฤษฎี ตราบเท่าที่ดวงวิญญาณของผู้อมตะยังอยู่และอาภรณ์วิญญาณไม่ถูกโจมตีโดยตรง มันก็จะคงอยู่ตลอดไป

 

นอกจากนั้นมันยังจะเปลี่ยนแปลงไปตามรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของผู้อมตะ

 

เมื่อรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของผู้อมตะเพิ่มขึ้น พลังอำนาจของอาภรณ์วิญญาณก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ในทำนองเดียวกัน หากรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของผู้อมตะตกต่ำลง พลังอำนาจของอาภรณ์วิญญาณก็จะลดลง

 

‘ก่อนหน้านี้ข้าใช้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด ข้าต้องหยุดใช้มันเป็นครั้งคราวเพื่อให้มันฟื้นตัว มันไม่สะดวกโดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะหลบหนี แต่อาภรณ์วิญญาณจะคงอยู่ตลอดไปหลังจากกระตุ้นใช้งานเพียงครั้งเดียวและพลังอำนาจของมันก็จะเพิ่มขึ้นตามรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้า’

 

นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะที่สามารถใช้งานได้จริง

 

อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงยังมีท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณท่าอื่นที่สามารถใช้งานร่วมกับมันได้

 

ตัวอย่างเช่นท่าไม้ตายอมตะหอกวิญญาณหรือโซ่วิญญาณ

 

ด้วยท่าไม้ตายทั้งสอง เมื่อดวงวิญญาณของฟางหยวนออกจากร่าง นอกจากอาภรณ์วิญญาณ เขายังจะมีอาวุธป้องกันตัว

 

สิ่งนี้ทำให้ดวงวิญญาณสามารถต่อสู้

 

หลังจากทดสอบท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์วิญญาณ ฟางหยวนยังอนุมานต่อไปด้วยแสงแห่งปัญญา

 

เขาเริ่มคิดถึงสถานการณ์ปัจจุบันของเขา

 

‘ด้วยอาภรณ์วิญญาณและแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ตอนนี้ข้าปลอดภัยแล้ว แม้วังสวรรค์จะโจมตี ข้าก็ยังสามารถพึ่งพากำลังของตนเองเพื่อหลบหนี’

 

‘แต่สิ่งที่ข้าต้องทำคือทำลายวิญญาณชะตากรรมของวังสวรรค์ให้สิ้นซาก’

 

‘สิบปี! หลังจากผ่านไปสิบปี วังสวรรค์จะสามารถฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะไม่มีความหวังที่จะได้รับชัยชนะอีก’

 

นี่เป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟางหยวน

 

วังสวรรค์แข็งแกร่งเกินไป แม้เขาจะไม่ได้อยู่ที่ภาคกลาง แต่ผู้อมตะระดับแปดหนึ่งหรือสองคนที่พวกเขาส่งออกมาก็สามารถทำให้ฟางหยวนตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเวทนาแล้ว

 

แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากแสงแห่งปัญญา แต่ฟางหยวนยังไม่สามารถคิดวิธีแก้ไขปัญหาที่ยิ่งใหญ่นี้

 

‘โชคดีที่ข้ายังมีมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง เทพปีศาจบัวแดงสามารถทำลายวิญญาณชะตากรรมและทิ้งมรดกไว้เบื้องหลัง วิญญาณกาลเวลาที่เป็นกุญแจสำคัญอยู่ในมือของข้า มีความเป็นไปได้สูงที่ข้าจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเขา’

 

ฟางหยวนสามารถใช้หนึ่งในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงกำจัดผู้อมตะระดับแปดหงซื่อ ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่มรดกที่แท้จริงอื่นๆของเทพปีศาจบัวแดงจะสามารถทำลายวิญญาณชะตากรรม

 

ด้วยการพึ่งพาวิญญาณชะตากรรม วังสวรรค์สามารถยืนหยัดมาจนถึงทุกวันนี้

 

ด้วยการพึ่งพาวิญญาณชะตากรรมและการจัดเตรียมของเทพอมตะกลุ่มดาว วังสวรรค์สามารถต่อต้านสามเทพปีศาจ

 

ด้วยการพึ่งพาวิญญาณชะตากรรม วังสวรรค์สามารถครองบัลลังก์กองกำลังอันดับหนึ่งของโลกใบนี้มาโดยตลอด

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการทำลายวิญญาณชะตากรรมเป็นปัจจัยสำคัญในการเอาชนะวังสวรรค์

 

หากฟางหยวนไม่ทำลายวิญญาณชะตากรรม หลังจากสิบปี วังสวรรค์จะปลิดชีพฟางหยวนอย่างแน่นอน

 

ฟางหยวนครอบครองมรดกของนิกายเงา เป็นธรรมดาที่เขาจะตระหนักถึงประเด็นนี้อย่างลึกซึ้ง

 

‘แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะตามหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง’

 

‘วังสวรรค์พลาดไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่พวกเขาก็ได้รับข้อมูลที่ล้ำค่ามากมาย คราวหน้าพวกเขาจะใช้กำลังมากขึ้นและจะส่งผู้อมตะระดับแปดออกมามากขึ้น’

 

‘ข้าต้องเพิ่มความแข็งแกร่ง หลังจากรับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง ข้าจะมีความหวังในการทำลายวิญญาณชะตากรรม’

 

ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ นี่เป็นแผนการทั่วไป

 

ปัจจุบันฟางหยวนกำลังขาดแคลนพลังงานอมตะในขณะที่หินวิญญาณอมตะในคลังสมบัติของเขาก็กลับมาว่างเปล่าอีกครั้ง เกราะหวนคืนถูกตอบโต้แล้วในการต่อสู้ครั้งก่อน ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเสียงของฟงจิวเก้อสามารถเจาะทะลวงเข้าไปในเกราะหวนคืนและส่งผลกระทบต่อร่างกายของฟางหยวน ในการต่อสู้ที่สายธารแห่งกาลเวลา หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเกาะบัวหิน เขาจะไม่สามารถสังหารหงซื่อ

 

ตอนนี้ฟางหยวนมีมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณและมรดกอีกมากมาย เขายังมีภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปรวมถึงวิญญาณสติปัญญา

 

ในสถานการณ์นี้หากเขาไม่พัฒนาและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเอง เขาจะพบปัญหาใหญ่ มันจะเป็นการร้องขอความตายจากศัตรูอย่างแท้จริง