ตอนที่ 642 พวกเธอไปเถอะ / ตอนที่ 643 ขายแล้ว

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 642 พวกเธอไปเถอะ  

 

 

ซูซานส่ายหน้า “แม่ไม่ไปหรอก พวกลูกไปเถอะ”

 

 

“ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปแล้วนะคะ” ฉู่เจียเสวียนยื่นมือไปกอดซูซาน จากนั้นก็ปล่อยมือออก แล้วออกไปจากคฤหาสน์หลีหยวนพร้อมกับเผยหนานเจวี๋ย

 

 

เสียงปิดประตูดังขึ้น ซูซานยิ้ม เหลือเพียงเธอเพียงลำพังในบ้านที่เงียบสงัด

 

 

เธอส่ายหน้า ก่อนจะก้าวเท้าเดินไปยังระเบียง มองดูฉู่เจียเสวียนกับเผยหนานเจวี๋ยสองคนขึ้นรถจากไป ริมฝีปากเธอก็พลันยกโค้งขึ้น สายตามองตามรถคันนั้น จนกระทั่งมันลับสายตาไปแล้ว เธอจึงหมุนตัวเข้าห้องโถง

 

 

ภายในรถ ฉู่เจียเสวียนยกมือขึ้นมองดูเวลา “พวกเราจะไปทันหรือเปล่า”

 

 

“พลาดตอนเปิดงานไม่เป็นไรหรอก” เผยหนานเจวี๋ยยื่นมือออกไปกุมมือของเธอ ส่งสายตาให้เธอวางใจ

 

 

“ไปสายมันไม่ดีหรอกนะ” ฉู่เจียเสวียนต้องเตือนเผยหนานเจวี๋ยเรื่องเวลา

 

 

สำหรับเรื่องเวลาแล้ว หากไปเวลานี้จะทันแน่นอน เขาจัดการเรื่องเวลาได้อย่างดีมากเสมอ ไม่พลาดแม้แต่นาทีเดียว

 

 

สำหรับเผยหนานเจวี๋ยแล้ว ทุกวินาทีล้วนสำคัญเป็นอย่างมาก เขาจะไม่ปล่อยมันไปเปล่าๆ เวลาเป็นเงินเป็นทอง นี่คือกฎที่เขายึดมั่นมาเสมอ

 

 

“ทำไมคุณถึงตื่นเต้นกว่าผมอีกล่ะ นานๆ จะสายสักครั้งก็ไม่ใช่เรื่องเสียมารยาทอะไรหรอกนะ” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวออกมาอย่างไม่ใส่ใจ เขาพยายามบรรเทาอารมณ์ที่ตื่นเต้นของฉู่เจียเสวียน

 

 

“ประธานเผยที่ไม่เคยมีบันทึกของการมาสายกลับเร็วพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้ยังไงกัน นี่มันทำให้ฉันประหลาดใจจริงๆ” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากออกมาอย่างไม่พอใจ ในดวงตาสามารถสัมผัสได้ถึงความโกรธ

 

 

ถ้าหากเธอไม่ใช้เวลาออกจากบ้านนานขนาดนี้ ป่านนี้ก็ไม่ต้องรีบแบบนี้หรอก

 

 

“เจียเสวียน ท่าทางร้อนรนของคุณก็น่าสนใจมากจริงๆ” เผยหนานเจวี๋ยมองดูฉู่เจียเสวียนที่สีหน้าเปี่ยมด้วยความร้อนรน ก็รู้สึกว่าเธอในแบบนี้นั้นน่ารักมาก

 

 

“วางใจเถอะ อีกแค่สองกิโลเอง เดี๋ยวก็ถึงแล้ว” เผยหนานเจวี๋ยเหลือบสายตาขึ้นมองตึกสูงที่อยู่ไม่ไกลพร้อมเอ่ยขึ้น ถ้าหากรถไม่ติด อีกเดี๋ยวเดียวพวกเขาก็ถึงแล้ว

 

 

ในที่สุดฉู่เจียเสวียนกับเผยหนานเจวี๋ยก็มาถึงงานประมูลการกุศลในนาทีสุดท้าย ฉู่เจียเสวียนข่มจิตใจที่ว้าวุ่นของเธอลง ส่วนสีหน้าของเผยหนานเจวี๋ยนั้นผ่อนคลายเป็นอิสระ ไม่เอาเรื่องนี้มาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย เขามีความสุขที่ได้เห็นฉู่เจียเสวียนตื่นเต้นเพราะเรื่องของเขา

 

 

สถานที่สำหรับการประมูลเพื่อการกุศลใหญ่มาก บรรยากาศอบอุ่น เผยหนานเจวี๋ยจูงมือฉู่เจียเสวียน ลักษณะโดดเด่นของทั้งสองคนบวกกับออร่าที่แรงกล้าสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง

 

 

บรรดาสื่อหันกล้องมาหาพวกเขา เผยหนานเจวี๋ยพาแฟนสาวของประธานแห่งบริษัทกงออกงานการกุศล สำหรับพวกเขาแล้วนี่เป็นข่าวที่ดีมากจริงๆ

 

 

อย่างไรก็ตามบรรดาสื่อไม่กล้าลืมบทเรียนที่เผยหนานเจวี๋ยให้ไว้เมื่อไม่นานมานี้ แม้กล้องจะหันมาหาพวกเขา รายงานข่าวจะเขียนเกี่ยวกับพวกเขาอย่างไร ไม่มีใครรู้ถึงสถานการณ์นั้นแล้ว

 

 

อย่างไรก็ดีคาดว่าไม่มีสื่อใดที่กล้าหาเรื่อง พวกเขาไม่มีใครกล้าต่อกรกับเผยหนานเจวี๋ย เมื่อคิดถึงวิธีของเผยหนานเจวี๋ยก่อนหน้านี้ พวกเขาต่างกลัวจนตัวสั่น

 

 

สีหน้าของเผยหนานเจวี๋ยกลายเป็นเย็นชาเหมือนเช่นทุกครั้ง ลมหายใจเยือกเย็นและสูงส่งนั้นชัดเจน และไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาได้ง่ายๆ

 

 

ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะพูดถึงพวกเขาหรือเรื่องระหว่างเขากับฉู่เจียเสวียน เผยหนานเจวี๋ยเป็นออร่าพลังงานแรงกล้าที่สามารถกดดันทั้งสถานที่ได้

 

 

บนใบหน้าของฉู่เจียเสวียนเต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้าง อยู่ข้างเขาด้วยบุคลิกสง่างาม ใบหน้าเปิดกว้าง ลมหายใจเย็นชาบนร่างกายของเธอนั้นดุจราชินี

 

 

ความโกลาหลที่เกิดจากพวกเขาสองคนนั้นคงอยู่ไม่นานนัก เนื่องจากการประมูลเพื่อการกุศลกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว เผยหนานเจวี๋ยจึงพาฉู่เจียเสวียนมานั่งในตำแหน่งที่โดดเด่นที่สุดในแถวแรก

 

 

ในไม่ช้ารายการประมูลแรกก็ถูกนำขึ้นมา พระพุทธรูปหยกถูกวางบนผ้ากำมะหยี่สีแดง คลุมด้วยฝาครอบแก้ว ทำให้ผู้คนมองเห็นพระพุทธรูปหยกจากทุกด้านได้อย่างชัดเจน

 

 

 

 

ตอนที่ 643 ขายแล้ว  

 

 

ฉู่เจียเสวียนกวาดสายตาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ดูอย่างละเอียด เธอก็ไม่มีความศรัทธาในศาสนา แม้พระพุทธหยกองค์นี้ฝีมือประณีตไร้ที่ติ แต่ว่ามันก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอเลย

 

 

มีคนประมูลของชิ้นนี้ไม่มากนัก ดูเหมือนว่าพวกเขาก็ไม่สนใจพระพุทธรูปหยกนี้ เผยหนานเจวี๋ยเล่นกับป้ายราคาประมูลในมือของเขาอย่างเบื่อหน่าย

 

 

“เพิ่งจะเริ่ม คนที่ประมูลราคามีไม่เยอะ ทุกคนกำลังรอไฮไลต์ชิ้นสุดท้ายอยู่” นี่ไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่ดี ดูเหมือนว่าทุกคนต่างจับจ้องหินมรกตนั้น

 

 

“สองล้านครั้งที่หนึ่ง สองล้านครั้งที่สอง”

 

 

“สองล้านครั้งที่สาม”

 

 

“ขายครับ!” สรุปว่า พระพุทธรูปหยกราคาสองล้านถูกคนที่มีความศรัทธาในศาสนาประมูลไป คนนั้นดูดีใจเป็นพิเศษ เขาให้ความสนใจในพระพุทธรูปหยกนี้มานานแล้ว โชคดีที่เขาไม่ต้องแข่งขันกับผู้อื่นอย่างดุเดือด

 

 

ในไม่ช้ารายการการประมูลที่สองก็ถูกนำเสนอออกมาอีกครั้ง ฉู่เจียเสวียนมองอย่างใกล้ชิด ที่แท้มันก็เป็นต่างหูหยก คิดไม่ถึงว่าของประเภทนี้ก็ถูกเอามาประมูลด้วย

 

 

พิธีกรเริ่มเล่าประวัติความเป็นมาของต่างหูคู่นี้อย่างช้าๆ ต่างหูหยกสีเขียวยังมีมนต์แห่งความรักซึ่งพิธีกรเล่าได้อย่างเจ็บปวดและงดงามเป็นอย่างยิ่ง

 

 

ตอนนี้เมื่อผู้คนฟังที่มาของต่างหูแล้ว ก็เริ่มกล่าวราคาประมูล และหวังว่าจะประมูลต่างหูที่มีพลังเวทมนตร์แห่งความรักคู่นี้ได้

 

 

เผยหนานเจวี๋ยมองดูหน้าสีหน้าของฉู่เจียเสวียน สีหน้าของเธอไม่มีการแสดงออกที่ผิดปกติใดๆ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้ประทับใจกับเรื่องราวความรักของต่างหูหยกเลย

 

 

“ราคาของต่างหูคู่นี้ไม่น่าถึงแสนเหรียญ เดี๋ยวราคาก็คงเพิ่มเป็นหลายเท่า” ฉู่เจียเสวียนกล่าวเรียบๆ ราวกับพูดให้เผยหนานเจวี๋ยฟังและราวกับพูดให้ตัวเองฟัง

 

 

“มันขายความรู้สึก” เผยหนานเจวี๋ยตอบ

 

 

“ดูเหมือนว่าช่วงนี้ความรู้สึกจะมาแรงนะ?” ฉู่เจียเสวียนเหลือบตาขึ้นมองเผยหนานเจวี๋ย ระยะหลังมานี้ดูเหมือนว่ากระแสสังคมจะปลิวไปตามสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึก

 

 

“ก็เหมือนจับหมาป่าขาวด้วยมือเปล่า[1]” เผยหนานเจวี๋ยล้อเล่น เห็นได้ชัดว่าการขายความรู้สึกใช้กับเขาไม่ได้

 

 

“ไม่ๆ คุณพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ” แม้ว่าฉู่เจียเสวียนจะไม่ได้มีความรู้สึกเกี่ยวกับการขายความรู้สึกสักเท่าไร แต่ก็ไม่ได้รังเกียจ

 

 

“รออีกหน่อย ก็จะมีสิ่งของที่เกี่ยวกับความรู้สึกขึ้นมาอีก” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปากอย่างเฉยเมย สีหน้าไร้อารมณ์ นี่คือภาพลักษณ์ของเขาต่อหน้าสาธารณชน เขาเช่นนี้ทำให้ฉู่เจียเสวียนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

 

 

“ผมหวังว่าจะมีบางอย่างที่จะทำให้คุณประทับใจได้” เผยหนานเจวี๋ยอยากรู้จริงๆ ว่าฉู่เจียเสวียนจะถูกใจของชิ้นไหน เธอแสดงความอยากรู้เกี่ยวกับมรกตเพียงอย่างเดียว แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ประทับใจกับมรกตสักเท่าไร

 

 

เผยหนานเจวี๋ยต้องการนำของชิ้นที่ฉู่เจียเสวียนชอบกลับไป ผู้คนกล่าวว่าการมอบของที่ดีนั้นไม่สู้มอบของที่ถูกใจ ไม่ว่าจะมอบสิ่งที่ดีให้เธอสักแค่ไหน เธอก็ต้องชอบด้วย ถ้าไม่ชอบให้ไปก็เสียเปล่า

 

 

“ที่ฉันประทับใจ?” ฉู่เจียเสวียนส่ายหน้า ทำไมเธอต้องประทับใจกับของพวกนี้ด้วย ใครจะไปรู้ว่าเรื่องที่พวกเขาพูดนั้นเป็นการกุขึ้นมาหรือเปล่า

 

 

เรื่องเล่าที่เกิดขึ้นนานขนาดนั้น ใครจะรู้ว่าจริงหรือหลอก?

 

 

“คุณคงไม่ได้คิดจะใช้ความรู้สึกทำให้ฉันประทับใจหรอกนะ?” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยแซว ดวงตาที่สดใสดุจไข่มุกโก่งยิ้ม

 

 

“ถ้าคุณประทับใจล่ะ ทำไมจะไม่ได้?”

 

 

ระหว่างที่สองคนกำลังหัวร่อต่อกระซิกอยู่นั้น เสียงแข่งขันก็ดังขึ้นจากด้านล่างเวทีแล้ว

 

 

“หนึ่งล้าน…”

 

 

“หนึ่งล้านหนึ่งแสน…”

 

 

ตอนนี้ต่างหูหยกถูกประมูลไปถึงหนึ่งล้านแล้ว

 

 

“สองล้าน!” ไม่รู้ว่าเป็นใครที่ตะโกนขึ้นมาอย่างกะทันหัน ช่างหน้าใหญ่ใจโตจริงๆ ราวกับว่าเงินเป็นสิ่งที่คว้ามาได้ง่ายๆ อย่างไรอย่างนั้น เพียงครู่เดียวราคาก็ขยับขึ้นเป็นสองล้านแล้ว

 

 

ฉู่เจียเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปยังผู้ประมูล เธอเป็นผู้หญิงที่ดูไร้เดียงสาคนหนึ่ง สีหน้าเปี่ยมด้วยความหยิ่งยโส

 

 

 

 

 

 

 

[1] จับหมาป่าขาวด้วยมือเปล่า คำอุปมาอุปไมยผู้ที่ไม่ได้ลงทุนใดๆ แต่ใช้วิธีการหลอกลวงเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา