ยิ่งคิดในใจก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ มายมิ้นท์หยิบโทรศัพท์ออกมาส่งให้ชาหวาน “ชาหวาน ช่วยฉันโทรหาเต้หน่อย”
“ค่ะ” ชาหวานปิดเอกสารในมือ รับโทรศัพท์มา หาเบอร์ลาเต้แล้วโทรออกไป
โทรศัพท์โทรติดอย่างรวดเร็ว เสียงลาเต้ดังขึ้น “ที่รัก”
ชาหวานกลอกตา ตอบกลับอย่างเจ้าเล่ห์ “เฮ้ สามีเรียกฉันเหรอ”
“แค่กๆ ……” มายมิ้นท์สำลักน้ำลายตัวเอง
ปลายสายโทรศัพท์ ลาเต้ยิ่งงุนงง จากนั้นก็ตะคอกด้วยความอับอายเนื่องจากโกรธ “เชี่ย อะไรวะเนี่ย? เธอเป็นใครอ่า เรียกใครสามี?”
“เอาล่ะๆ” ชาหวานยังอยากแหย่เขาอีกนิด แต่มายมิ้นท์กลั้นยิ้มยื่นมือออกไป “พอแล้วชาหวาน เลิกทะเลาะกันได้แล้ว เอาโทรศัพท์ให้ฉัน”
ชาหวานหัวเราะเสียงดังยื่นโทรศัพท์ไป “ประธานมายมิ้นท์ ประธานลาเต้ตื่นตกใจตลกจริงๆ”
มายมิ้นท์ส่ายหน้าอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เอาโทรศัพท์แนบข้างหู “ฮัลโหล เต้ ฉันเอง”
ได้ยินเสียงคุ้นเคย ลาเต้ก็โล่งอกอย่างมาก “มิ้นท์ เมื่อกี้ใครอ่า คนแปลกๆ ที่เรียกฉันว่าสามี ฉันโคตรตกใจ ถ้าฉันไม่เห็นว่าเป็นเธอที่โทรมา ฉันนึกว่ามีคนโทรผิดแล้วนะ”
“ชาหวานน่ะ ฉันให้เธอช่วยฉันโทร เธอแหย่นาย” มายมิ้นท์ยิ้มขณะพูด
ลาเต้ตอบกลับอย่างขุ่นเคือง “เชี่ย ไม่คิดว่าเป็นหล่อน มิ้นท์เธอบอกหล่อนนะ รอหล่อนกลับมา ดูสิว่าฉันจะจัดการหล่อนยังไง ไม่คิดว่าจะกล้าล้อเล่นกับฉัน!”
“ได้” มายมิ้นท์ปิดปากหัวเราะสองที
ลาเต้ทำเสียงฮึดฮัด ก่อนจะกลับมาสงบเหมือนเดิม ถามเรื่องสำคัญขึ้นมา “จริงสิมิ้นท์ เธอโทรหาฉันเวลานี้ สืบเจออะไรได้แล้วใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มบนหน้ามายมิ้นท์ก็แข็งทื่อขึ้นมา ตอบอืมด้วยเสียงหนักอึ้ง “เต้ ตอนนี้ฉันอยู่โรงพยาบาลที่ฉันเกิดในตอนนั้น ได้เห็นเอกสารแล้ว การคาดเดาของเราผิด ฉันไม่ได้ถูกใครอุ้มผิดตัวไป”
“ว่าไงนะ?” ลาเต้เสียงสูง
จากนั้นก็รู้สึกได้ถึงสายตารอบกาย จึงรีบปิดปาก กดเสียงต่ำลง “มิ้นท์ ไม่ได้อุ้มผิดไปจริงๆ เหรอ?”
“ใช่” มิ้นท์พยักหน้า “ฉันก็เลยโทรหานายตอนนี้ ก็คืออยากรู้ว่าทารกที่นายเห็นครั้งแรก มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ฉันบอกก่อน ฉันไม่ได้เกิดภาพหลอนแน่ๆ” ลาเต้ถือโทรศัพท์เดินไปข้างๆ
มายมิ้นท์บีบปลายจมูก “ฉันไม่ได้บอกว่านายเกิดภาพหลอน ฉันแค่อยากให้นายถามคุณป้าหน่อยว่ารู้เรื่องนี้ไหม ยังไงเธอก็เป็นเพื่อนสนิทแม่ฉัน”
“ได้ ฉันจะไปถามให้” ลาเต้ตอบตกลง จากนั้นก็ไปหาคุณนายราศรี
คุณนายราศรีกำลังคุยกับเหล่าญาติตระกูลรัตติพีระอยู่ เห็นลาเต้โบกมือ ก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไป “มีเรื่องอะไร?”
“แม่ ผมอยากถามแม่หน่อย ทำไมตอนเด็กๆ ผมเห็นมายมิ้นท์……สองคน?” ลาเต้มองคุณแม่ผู้ยิ่งใหญ่ของตัวเองแล้วถามขึ้น
คุณนายราศรีมองเขาด้วยความสงสัย “มิ้นท์สองคนอะไรกัน สมองลูกเบลอไปแล้วเหรอ?”
ลาเต้กระทืบเท้า “โอ๊ยแม่ ผมหมายถึงมายมิ้นท์ที่ผมเคยเห็นครั้งแรกตอนเด็กๆ ทำไมไม่ใช่คนเดียวกับมายมิ้นท์ที่ผมเห็นครั้งที่สอง”
ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าคุณนายราศรีก็เปลี่ยนไป ดวงตาก็หดลงแทบไม่ทันสังเกต
แต่ไม่นานเธอก็ปรับสีหน้าท่าทางให้เป็นปกติอีกครั้ง ราวกับเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ยิ้มแล้วพูดขึ้น “แน่นอนว่าไม่ใช่คนเดียวกัน”
ลาเต้ดึงแขนคุณนายราศรีอย่างตื่นเต้น “งั้นทารกที่ผมเห็นครั้งแรกเป็นใคร?”
คุณนายราศรีผลุบเปลือกตาลงเล็กน้อยแล้วตอบกลับ “คือลูกสาวของญาติในตระกูลกิตติภัคโสภณ ให้พวกคุณลุงไตรภูมิของลูกดูแลแทนสองสามวัน คนที่ลูกเห็นครั้งแรกก็คือเธอ ไม่ใช่มิ้นท์ ตอนนั้นมิ้นท์หลับอยู่ในห้องล่ะ”
“เป็นแบบนี้เหรอ?” ลาเต้ประหลาดใจ
คุณนายราศรีจิ้มหน้าผากเขา “ไม่งั้นลูกคิดว่าเป็นอะไร?”
“ผมนึกว่ามายมิ้นท์ถูกอุ้มผิดตัวไป แล้วต่อมาก็ถูกอุ้มกลับมาใหม่” ลาเต้พึมพำ
คุณนายราศรีกลอกตาใส่เขา “ลูกโง่หรือเปล่า ถ้าถูกอุ้มผิดตัวไปจริงๆ จะไม่มีการรายงานข่าวเหรอ?”
“ก็จริงแฮะ” ลาเต้พยักหน้า
คุณนายราศรีโล่งอกเล็กน้อย จากนั้นก็หรี่ตาจ้องมองเขา ถามอย่างหยั่งเชิง “ทำไมอยู่ดีๆ ลูกก็มาถามเรื่องพวกนี้ล่ะ”
สายตาลาเต้เลื่อนไปทางอื่น “ผมสงสัยน่ะ จู่ๆ ผมก็นึกถึงเรื่องตอนเด็ก รู้สึกแปลกๆ ก็เลยมาถามคุณ เอาล่ะแม่ ผมไม่มีอะไรจะถามแล้ว ไปก่อนนะครับ”
พูดจบ เขาก็หันตัวเดินไปไกลๆ
คุณนายราศรีมองแผ่นหลังเขา ถอนหายใจออกมาเบาๆ แววตาลึกลับยากจะเข้าใจ
“มิ้นท์ เมื่อกี้ได้ยินหรือยัง?” ลาเต้กลับไปยังที่ที่ยืนก่อนหน้านี้ เอาโทรศัพท์แนบหูอีกครั้ง แล้วถามปลายสายโทรศัพท์
มายมิ้นท์พยักหน้า “ได้ยินแล้ว เป็นลูกของญาติ”
คุณป้าดีกับเธอมากขนาดนั้น
เธอเชื่อว่าคุณป้าจะไม่โกหก
ลาเต้ตอบอืมสองที “เป็นลูกของญาติก็ดีแล้ว แบบนี้ตัวตนของมิ้นท์ก็ไม่มีปัญหาอะไร”
“ใช่แล้ว” มายมิ้นท์ยิ้ม
รู้ว่าเป็นลูกของญาติ ในใจเธอก็โล่งอกมากจริงๆ
“ดูเหมือนที่เจินเจินพูดว่าปานแดงของเธอจะเป็นภัยต่อตัวตนของหล่อน ยังมีความหมายอื่นอีกสินะ” ลาเต้พึมพำอย่างไม่ค่อยแน่ใจ
มายมิ้นท์ดึงมุมปากอย่างเย็นชา “จะหมายความว่ายังไง กลับไปให้หล่อนสารภาพเองก็ได้นี่?”
อย่างไรก็ตาม แค่เธอรู้ว่าตัวตนของเธอในฐานะลูกสาวตระกูลกิตติภัคโสภณไม่มีปัญหาก็พอแล้ว
“จะว่าไปก็จริง” ลาเต้พยักหน้า
ในเวลานี้ ข้างกายเขาก็มีคนตะโกนเรียกเขา “เต้ มาจุดธูปสิ”
“มาแล้วครับ” ลาเต้ตอบกลับคนคนนั้น
มายมิ้นท์ได้ยิน ก็เอ่ยปากพูดขึ้น “เต้ นายมีธุระก็ไปทำก่อนเถอะ”
“ได้ งั้นฉันไปก่อนนะ พรุ่งนี้ไปรับเธอที่สนามบิน”
พูดจบ เขาก็วางสายแล้ววิ่งไปหาคนคนนั้น
มายมิ้นท์ก็วางโทรศัพท์ลง “ชาหวาน เราก็กลับกันเถอะ”
ชาหวานที่อยู่ข้างๆ ตลอดเหมือนล่องหนชี้ไปที่เอกสาร “ไม่ดูเอกสารแล้วเหรอคะ?”
“ไม่ดูแล้ว ตัวตนของฉันไม่มีปัญหา” มายมิ้นท์ยิ้มขณะพูด
ชาหวานดีใจแทนเธอ “ดีจังค่ะ งั้นประธานมายมิ้นท์รอสักครู่ ฉันคืนเอกสารก่อน”
“ไปสิ” มายมิ้นท์โบกมือ
ชาหวานหยิบเอกสารไปที่ห้องเก็บเอกสาร
ไม่นาน หลังจากเธอกลับมา ก็เข็นมายมิ้นท์ออกจากโรงพยาบาล
ทั้งคู่เพิ่งเดินจากไป ต่อมาก็มีคนไปที่ห้องเอกสาร ถามถึงจุดประสงค์ที่พวกมายมิ้นท์มาที่นี่
หลังจากถามแน่ใจแล้ว คนคนนั้นก็โทรศัพท์ออกไป
ผู้ช่วยเหมันตร์ฟังเนื้อหาในโทรศัพท์จบ ก็ดันแว่นเบาๆ “ฉันรู้แล้ว นายกลับมาก่อน”
เขาวางโทรศัพท์ลง แล้วเดินไปที่ห้องทำงานในห้องดีลักซ์
“ประธานเปปเปอร์ ตรวจสอบแน่ใจแล้วครับ พวกคุณมายมิ้นท์ไปโรงพยาบาลนิวเวอร์ที่เมืองน้ำรุ้ง เพื่อตรวจสอบเอกสารตอนเธอเกิด” ผู้ช่วยเหมันตร์เคาะประตูตรงประตูทางเข้า แล้วพูดกับชายที่อยู่ด้านใน
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “เธอตรวจสอบไปทำไม?”
“ตามที่ได้ยินจากผู้ดูแลเอกสาร บอกว่าคุณมายมิ้นท์เหมือนจะสงสัยว่าตัวเองตอนเกิด ถูกอุ้มผิดตัวไปกับทารกคนอื่นครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบกลับ
อุ้มผิดตัวไป?
ทำไมเธอถึงสงสัยเช่นนี้?
เปปเปอร์หรี่ตา “ผลสรุปล่ะ? ได้อุ้มผิดไปไหม?”
“ไม่ครับ ผู้ดูแลบอกว่า ขณะนั้นคุณมายมิ้นท์โทรไปสอบถามประวัติตัวเอง สุดท้ายก็แน่ใจแล้วว่าประวัติไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ” ผู้ช่วยเหมันตร์ส่ายหน้า
เปปเปอร์เชิดคางขึ้นเล็กน้อย “ในเมื่อไม่มีปัญหา งั้นก็ไม่ต้องสนใจแล้ว นายไปทำงานเถอะ”
“ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ถอนตัวออกไป
ประตูห้องทำงานถูกปิดลงอีกครั้ง เปปเปอร์นั่งไขว่ห้าง นิ้วไขว้กันวางบนบริเวณหน้าท้อง ก้มศีรษะลงเล็กน้อย ราวกับกำลังไตร่ตรองอะไรบางอย่าง