บทที่ 653 วางศักดิ์ศรีลง

โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล

RC:บทที่ 653 วางศักดิ์ศรีลง

หลังจากปะทะกันครั้งสุดท้ายของหมาป่าโลหิต ไอของพลังนั้นพุ่งกระจายไปทั่วทั้งถ้ำ

มันพยายามดิ้นรนอีกครั้ง แต่ด้วยความแข็งแกร่งของมัน แม้เถาวัลย์ปีศาจที่เหมือนกับเชือกธรรมดาก็สามารถรั้งมันเอาไว้ได้

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบคำถามของเขา หลินเฟิงก็ถามอีกครั้ง: “คำถามคือ นายเชื่อใจฉันแล้วหรือยัง”

ใบหน้าของหมาป่าโลหิตเต็มไปด้วยความไม่พอใจ มันไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือมนุษย์ได้!

“อย่าคิดว่าทุกอย่างมันจะเป็นในทางที่ดีตลอดไป ถ้านายยังไม่ตอบฉันอีก ฉันจะไม่ประณีประนอมด้วยแล้วนะ มนุษยก็แข็งแกร่งได้เหมือนกัน!”

หลินเฟิงมองด้วยความเย็นชา: “ฉันต้องทำยังไงนายถึงจะเชื่อฉันกันหละ”

ตอนนี้หอกสีทองของหลินเฟิง เปร่งประกาดด้วยลูกบอลแห่งแสงสีดำทมิฬ มันค่อย ๆ ควบแน่นและขยายขนาดอย่างรวดเร็วจนมีขนาดเท่าลูกบาสเก็ตบอลแล้ว

แม้ว่ามันจะไม่แข็งแกร่งอะไรเป็นพิเศษ แต่ก็เพียงพอที่จะจัดการกับหมาป่าโลหิตได้

ใบหน้าของหมาป่าโลหิตเริ่มตึงเครียดขึ้นทันที มันแทบจะร้องออกมาสุดเสียง“ มนุษย์! เจ้ากล้าขนาดนี้เลยยังงั้นเหรอะ!?”

หลินเฟิงตอบไปตรงๆ: “แล้วจะทำไม?”

หมาป่าโลหิตยังคงคำราม: “ถ้าเจ้ากล้าทำขนาดนี้ พ่อของข้าจะฆ่าเจ้าอย่างแน่นอน!”

หลินเฟิงกล่าวว่า “นั่นมันเรื่องของอนาคต”

ความไม่แยแสเด็ดเดี่ยราวกับน้ำค้างแข็ง ปกคลุมบนใบหน้าของหลินเฟิง เครื่องจักรสังหารที่สงบเสงี่ยมแบบนั้น น่ากลัวกว่าที่ใคร ๆ คิด!

หัวใจของหมาป่าโลหิตเริ่มถูกเติมเต็มไปด้วยความหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเขาตายพ่อของเขาจะแก้แค้นให้เขาอย่างแน่นอน

แต่แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา? ถ้าตายไปแล้ว เขาก็ฟื้นคืนมาไม่ได้อยู่ดี!

ลูกบอลแห่งแสงใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และในที่สุดก็ใหญ่กว่าเดิมเกือบสี่เท่า

หลินเฟิงเหวี่ยงหอกวนรอบหัวของเขาหนึ่งรอบและพูดอย่างไม่แยแส“ กระสุนทมิฬ!”

ในขณะที่พูด เขาก็ขว้างหอกออกไป!

“เดี๋ยวก่อน!” ในท้ายที่สุดหมาป่าก็วางความหยิงผยองของตัวเองลง

ในตอนนี้หลินเฟิงยั้งมือของเขาเอาไว้ แสงที่ถูกเติมเต็มไปด้วยพลังก็หายไปก่อนที่จะได้ปลดปล่อยพลังออกมา

แต่พลังที่น้อยนิดนั้นก็กระแทกเข้ากับผนังถ้ำด้านหลังของหมาป่าโลหิต จนหินกระจายออกมาจากการระเบิด

เขาชี้หอกไปที่หมาป่าโลหิตอีกครั้งและพูดด้วยน้ำเสียงที่เน้น: “คายออกมา!”

หมาป่าโลหิตลังเลอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดก็ยอมแพ้และพูดว่า “เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครรู้นอกจากนายฉันจะพานายไปที่นั่นเอง”

หลินเฟิงมาคนเดียวดังนั้นเขาจึงลดหอกลง “โอเค”

หลังจากนั้นหลินเฟิงก็เตรียมการให้พร้อมกับการเดินทาง

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หมาป่าโลหิตฟื้นตัวอย่างลับ ๆ เขาจึงปล่อยสัตว์เลี้ยงสงครามทั้งหมดออกมาเพื่อคอยเฝ้าระวังแทนเขาอีกที

เมื่อหมาป่าเห็นการกระทำของหลินเฟิง หลินเฟิงไม่เพียงมีสัตว์วิญญาณมากมาย แต่ยังเป็นคนรอบคอบมากอีกด้วยหมาป่าโลหิตจึงไม่กล้าทำอะไรตุกติก

ด้วยความช่วยเหลือของลูกแก้วมังกร ในไม่ช้าหลินเฟิงก็ฟื้นพลังวิญญาณทั้งหมดได้ แล้วปล่อยให้หมาป่าโลหิตนำทางออกไปพบกับรังของราชาหมาป่าโลหิต

ภายใต้การนำทางของหมาป่าโลหิต หลินเฟิงข้ามน้ำข้ามทะเลจนมาถึงเกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง

และหลินเฟิงยังสังเกตเห็นว่าพื้นที่นี้เป็นเขตของตระกูลจ้าวทะเล

สภาพแวดล้อมบนเกาะคล้ายกับป่าที่ลูกของราชาหมาป่าโลหิตอาศัยอยู่มาก

มีภูเขาเตี้ย ๆ อยู่กลางป่า และมีถ้ำขนาดใหญ่อยู่ในผนังของภูเขา

หลินเฟิงถามกลับไป “ราชาหมาป่าโลหิตอยู่ในถ้ำนั้นอย่างงั้นเรอะ เรียกเขาออกมา”

เดิมทีหมาป่าโลหิตไม่มีพลังมากมายอะไรนัก ลำตัวของมันเจ็บแทบจะแนบกับพื้นตลอดเวลา ในเวลานี้มันเงยศีรษะขึ้นมา และพยายามหอนออกมาสองครั้ง

หลังจากนั้นหลินเฟิงก็รู้สึกถึงเสียงฝีเท้าที่ดังออกมาจากถ้ำ

แสงสีแดงเลือดสองดวงส่องสว่างในความมืด ซึ่งเป็นดวงตาของราชาหมาป่าโลหิตอย่างแน่นอน ราชาหมาป่าโลหิตเดินออกจากถ้ำและเมื่อเห็นหลินเฟิงมันก็ตกตะลึง

ราชาหมาป่าโลหิตไม่แปลกใจเลยกับการปรากฏตัวของหมาป่าโลหิต ที่ตัวใหญ่กว่ามากด้วยความสูง 67 เมตร

แต่เมื่อเห็นมนุษย์ที่สูงไม่ถึงสองเมตรมันกลับรู้สึกถึงแรงกดดัน

ใบหน้าของราชาแสดงถึงริ้วรอยแห่งวัยได้

อย่างไรก็ตามเขารู้สึกได้ถึงพลังพิเศษของหลินเฟิง แม้ว่าหลินเฟิงจะสงบนิ่งราวกับน้ำทะเล

ในขณะนี้พลังนี้หนักแน่นราวกับภูเขาปะทะกับพลังแห่งไอเย็นของหลินเฟิง เมื่อถ้าทั้งสองปะทะกันมันจะต้องสร้างหายะนะที่รุนแรงกว่าการระเบิดของภูเขาไฟอย่างแน่นอน!

ดวงตาของราชาหมาป่าโลหิตนั้นค่อนข้างเงียบสงบนิ่ง แต่ทันทีที่เขาเห็นท่าทางของหมาป่าโลหิตที่อิดโรย ความตกใจก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับความโกรธทันที

ออร่านั้นถูกเพิ่มสูงฉับพลัน หลินเฟิงสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่ามีความกลัวก่อตัวขึ้นในจิดใจของเขา

หมาป่าสีเลือดที่นอนลงบนพื้นและร้องโหยหวนออกมา: “ท่านพ่อ ช่วยด้วย … “

ราชาหมาป่าโลหิตตะโกนออกมาทันที: “ไอ้มนุษย์! เจ้าทำอะไรกับลูกชายของข้า!”

ระดับของการยับยั้งนี้ไม่สามารถใช้การควบคุมอารมณ์ตามปกติของราชาหมาป่าโลหิตได้ หลินเฟิงต้องใช้พลังวิญญาณเพื่อระงับแรงกดดันของอีกฝ่าย

เขารีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า : “ราชาหมาป่าโลหิต ท่านอย่าเข้าใจผิด ข้ามาที่นี่เพื่อขอร้องอะไรบางอย่าง ไม่ได้มาเพื่อสร้างความบาดหมาง!”

“นอกจากนี้ข้ารับรองได้ว่า พลังวิญญาณของลูกชายท่านนั้นมีมากเกินไปข้าจึงต้องยังยั้งเอาไว้ แต่ข้าจะไม่ทำเกินกว่าเหตุอย่างแน่นอน!”

“หุบปาก!” ราชาหมาป่าโลหิตไม่ได้ตั้งใจที่จะฟังคำอธิบายของหลินเฟิงด้วยซ้ำ เขาพูดว่า “สิ่งที่แกทำมันมากเกินไปตั้งแต่ต้นแล้ว มนุษย์อย่างแกก้าวร้าวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!”

“วันนี้แกจะต้องตาย! ข้าอยากจะบอกให้แกรู้ว่าศักดิ์ศรีของหมาป่าโลหิตนั้นไม่สามารถถูกเหยียบย่ำโดยมนุษย์ได้!”

เมื่อเห็นว่าราชาหมาป่าโลหิตไม่พร้อมที่จะให้เหตุผล หลินเฟิงรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสื่อสารอย่างสันติในตอนนี้

แต่นี่เป็นความคาดหวังเดียวของเขา หากแก่นแท้แห่งโลหิตนั้น มอบให้กันได้ง่าย ๆ ราชาหมาป่าโลหิตคงจะใจดีเกินไปจริง ๆ

เขาถอนหายใจในใจ จากนั้นก็ถือหอกในมือขึ้นและชี้ไปหมาป่าโลหิตด้านบน: “ข้าเองก็ไม่อยากทำแบบนี้ แต่เนื่องจากท่านบีบบั้งคับกันแบบนี้ สันติก็คงไม่ใช่ทางออก!”

ใบหน้าของราชาหมาป่าโลหิตตื่นตัวขึ้นทันที พร้อมกับกลิ่นอายของพลังที่ระเบิดขึ้น แต่แล้วอะไรบางอย่างก็ทำให้เขาเริ่มตัวแข็ง : “นั้นแกจะทำอะไร!”

หลินเฟิงกล่าวด้วยใบหน้าที่เย็นชา: “ทีนีท่านช่วยใจเย็นลงได้แล้วหรือยัง แน่นอนถ้าว่าท่านไม่สามารถสงบสติอารมณ์ลง ข้าเองก็เหลือแควิธีนี้เท่านั้น”

“ แกกล้าดียังไง! แกคิดว่าหลังจากนั้นแกจะรอดไปได้ยังงั้นเรอะ?”

ดวงตาของหลินเฟิงเต็มไปด้วยแสงสว่าง: “ท่านกล้าที่จะวางเดิมพันในครั้งนี้อย่างงั้นหรอ!”

ราชาหมาป่าโลหิตตกตะลึง หลินเฟิงจับจุดอ่อนของเขาได้ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งมากพอ แต่เขาก็ไม่มีความกล้าที่วางเดิมพันในการต่อสู้ครั้งนี้จริง ๆ

การเอาชีวิตของหลินเฟิง มาเดิมพันกับชีวิตของลูกชายของตน มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้บรรลุแล้วจะยอมให้เกิดขึ้นได้

เขาพยายามคุมให้ตัวเองใจเย็นลง และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมาว่า “เอาหละ ตกลงข้าจะยอมคุยดี ๆ “

“เจ้าบอกว่า เจ้ามีสิ่งที่ต้องการบางอย่าง อย่างงั้นรึ เจ้าต้องการอะไร”

หลินเฟิงอธิบายถึงจุดประสงค์ของเขา และตามด้วยชื่อของสิ่งที่เขาต้องการ แต่ราชาหมาป่าโลหิตก็โกรธอีกครั้งทันที: “เจ้าบ้าไปแล้วอย่างงั้นรึ!”

“ในเวลานั้นศาลศักดิ์สิทธิ์ทั้งสาม ได้ปิดกั้นทางเลือกทั้งหมดของข้า เพื่อรักษาแก่นวิญญาณของข้าแล้ว ด้วยเหตุนี้ข้าจึงถูกบังคับให้มาอยู่ที่เกาะแห่งนี่เป็นเวลาหลายปีแล้ว ข้าต้องอยู่อย่างสันโดษและพักฟื้นพลังทั้งหมดคืนมา!”

“แต่ตอนนี้เจ้ากลับจะช่วงชิงแก่นแท้โลหิตที่เป็นพลังของข้าไปอีกยังงั้นหรือ?”

หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจ คนที่ราชาหมาป่าโลหิตพูดถึงควรจะเป็นไป่ผู้เฒ่าเทียนคนนั้น เขาไม่คาดคิดเลยว่าราชาหมาป่าโลหิตจะมีความหลังแบบนั้นกับคนแบบนั้นได้

หลินเฟิงกล่าวว่า “มันเป็นความผิดมนุษย์ก็จริง แต่มันไม่ได้เกียวกับตัวของข้าจริงไหม”

“ข้าเองก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน ตราบใดที่พวกพ้องของข้าไม่ได้แก่นแท้โลหิตของท่าน เขาก็ไม่มีทางรอดอยู่เลย ดังนั้นโปรดเถอะท่านราชาหมาป่าโลหิตด้วยช่วยพวกพ้องของข้าด้วย”

ราชาหมาป่าโลหิตปฏิเสธอย่างโกรธเคือง: “หวังไว้สูงนักนะ!”

“ถ้าอย่าบีบบังคับข้าแบบนั้นเลย” แสงเหนือปลายหอกของหลินเฟิงส่องสว่างมากขึ้นเรื่อย ๆ

หมาป่าสีเลือดรู้สึกได้ถึงพลังจากปลายหอกนั้น เขาตึงพูดอย่างรีบร้อน: “ท่านพ่อ ท่านต้องใจเย็นลงก่อน… “

ราชาแห่งหมาป่าโลหิตทรมานใจมาก เขาปฏิเสธที่จะวางศักดิ์ศรีของตัวเองลง แต่เขาก็กลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับลูกของตน

เมื่อต่อสู้กับสิ่งที่อยู่ในหัวเป็นเวลานาน ในที่สุดราชาหมาป่าโลหิตก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บใจ “เดี๋ยวก่อน! ข้าจะทำสัญญากับเจ้า!”