ส่วนที่ 4 ตอนที่ 32 ไล่ออก

ความลับแห่งจินเหลียน

จ่านป๋ายคิดพลางเหม่อมองไปที่ชั้นบน “เรื่องนี้คุณก็แค่คิดว่าเล่นขายของก็ได้ ไม่ต้องทำอะไรรุนแรง แค่ทำให้ตกใจนิดหน่อยก็พอ อย่าให้ถึงกับต้องฆ่าฟันกัน” 

 

 

ปลายสายฉินเฮ่าอึ้งเงียบไปสักพัก “คุณนี่ก็ดีจริงๆ นะ ยื่นหินมาให้คนอื่นโยน คุณคิดจะเป็นคนดีแล้วให้ผมเป็นคนเลวอย่างนั้นใช่ไหม” 

 

 

“คุณก็อยากใช้ประโยชน์จากผมไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อเป็นอย่างนั้น คุณก็ยอมเป็นคนเลวให้ผมสักครั้งเถอะ” จ่านป๋ายพูดอย่างเรียบเย็น 

 

 

“จ่านมู่หรง ที่ผมทำไม่ใช่เพราะคุณ แต่เป็นเพราะจินเหลียนหรอกนะ หึ!” ฉินเฮ่าพูดจบก็ไม่รอให้จ่านป๋ายพูดต่อ จึงตัดสายไป 

 

 

จ่านป๋ายทำได้เพียงหัวเราะ ทำเพื่อจินเหลียน? พูดเพราะกว่าร้องเพลงอีกนะเนี่ย ถ้าหากซีเหมินจินเหลียนไม่เหลืออะไร ไม่รู้ว่าเขาจะยังสนใจเธออยู่ไหม แต่เขาคิดจนหัวแทบจะระเบิดก็คิดไม่ออกว่าทำไมฉินเฮ่าถึงสนใจซีเหมินจินเหลียนขนาดนี้ แม้กระทั่งยอมทิ้งตัวตนของเขาเพื่อไล่จีบเธอ เรื่องนี้มันดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่เลย 

 

 

สำหรับเรื่องนี้เขาก็เคยหาข้อมูลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่พบอะไร เพราะว่าสงสัย? แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง ซีเหมินจินเหลียนเป็นผู้หญิงสวยโดดเด่นสะดุดตา แต่อายุรุ่นนี้ ไม่ว่าจะสวยจากธรรมชาติหรือว่าศัลยกรรม ตามถนนมากมายก็พบเจอได้บ่อย ฉินเฮ่าเองก็ไม่ใช่ผู้ชายที่ไม่เคยเจอผู้หญิงสวย 

 

 

ถ้าหากจะพูดก็คือ เขามีทั้งเงินมีทั้งอำนาจ อยากจะได้ผู้หญิงแบบไหนก็มีหมดไม่ใช่เหรอ 

 

 

ถ้าพูดถึงเรื่องรูปร่างหน้าตา อวิ๋นเจียคงถูกจัดอันดับไว้แรกๆ แต่เธอกลับป่วยเป็นโรคแบบนั้น ถ้าหากดูจากจุดนี้จ่านป๋ายก็ยอมรับอวิ๋นเจียสวยจริง สาวงามแห่งเมืองเจียงหนาน สามารถดึงดูดใจชายให้อยากพาเธอกลับบ้านไปเก็บสะสมไว้ดูเล่นคนเดียว   

 

 

เมื่อโยนโทรศัพท์ไว้อีกด้านหนึ่ง จ่านป๋ายก็ลงไปอาบน้ำที่ห้องน้ำด้านล่าง 

 

 

ที่มุมของบันได ซีเหมินจินเหลียนถือรองเท้าแตะอย่างระมัดระวัง แล้วรีบวิ่งขึ้นไปข้างบน สัมผัสการฟังของจ่านป๋ายค่อนข้างดี จะให้เขาไหวตัวรู้ว่าเธอแอบฟังไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้น ตายแน่… 

 

 

เพียงแค่อยู่ในบ้านของตัวเองทำไมมันดูเหมือนเป็นนักโทษก็ไม่รู้ ความรู้สึกนี้มันไม่ค่อยดีเลย ซีเหมินจินเหลียนคิดในใจ เธอรู้ว่าสายโทรศัพท์ที่โทรมาหาเธอเมื่อครู่นี้ จ่านป๋ายก็ได้ยินหมดแล้วทุกถ้อยคำ เธอก็ไม่รู้จะทำยังไง เธอเคยรักกับหวังหมิงเหยา นี่ไม่ใช่ความลับอะไร แล้วไม่จำเป็นต้องปิดบังด้วย เขาอยากจะพูดอะไรก็เป็นสิทธิ์ของเขา คนที่เคยรักกัน เมื่อเลิกกันแล้ว ต่างคนต่างใส่ร้ายป้ายสีกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร 

 

 

ความคิดของคนเรา ช่างน่าแปลกจริงๆ 

 

 

เธอเพียงแค่อยากจะรู้ว่าพวกจ่านป๋ายคิดจะทำอะไรกันแน่? ตามหลักแล้ว จ่านป๋ายน่าจะไม่ให้อภัยหวังหมิงเหยาที่ทำร้ายเธอแน่ ขอแค่พวกเขาไม่ทำเกินไป ก็แล้วแต่พวกเขาเถอะ 

 

 

ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้แห็นจ่านป๋ายอยู่ในรถของเธอด้วยร่างที่เต็มไปด้วยเลือด เธอก็รู้แล้วว่าเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดา คงจะเป็นคนอันตรายที่คุ้นชินกับกลิ่นคาวเลือดคนหนึ่ง   

 

 

… 

 

 

หวังหมิงเหยาจับโทรศัพท์แน่น คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะกล้าตัดสายเขาแบบนี้ หึ! 

 

 

เมื่อก่อนตอนที่เธออยู่กับเขา ก็คงแสร้งทำเป็นนางฟ้านางสวรรค์สินะ? บอกว่าถ้ายังไม่แต่งงาน เธอก็ไม่ยอมนอนกับผู้ชายคนไหน เธออยากจะปกป้องความบริสุทธิ์ไว้ในคืนวันแต่งงาน แต่ว่านี่เลิกกันได้ไม่กี่เดือน รอบกายของเธอก็มีผู้ชายหลากหลายหน้ามาให้เปลี่ยน แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือทำไมเธอถึงอ่อยผู้ชายรวยๆ ติดได้? 

 

 

เด็กสาวที่มาจากบ้านนอกคนหนึ่ง ตอนนี้กลับขับบีเอ็มดับเบิลยู พักในคฤหาสน์หรู แถมยังใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนม…    

 

 

แต่เขายังต้องเช่าบ้าน เช่ารถทำงานอย่างลำบาก คนรอบข้างที่แนะนำผู้หญิงมาให้ก็มีแต่ผู้หญิงที่จู้จี้จุกจิก 

 

 

หวังหมิงเหยารู้ว่าชาติกำเนิดของเขาไม่ได้แย่ รูปร่างหน้าตาก็ไม่เลว ไม่เคยทำเรื่องผิดศีลธรรมอะไร เรียนจบมหาลัยติดอันดับ ธุรกิจที่บ้านตอนนี้รายได้ก็เลยแสน ถึงจะไม่เทียบเท่าคนรวยๆ ลำดับสูงๆ แต่ก็ไม่ได้ล้าหลัง เขามีเงื่อนไขในการหาผู้หญิงที่คุณสมบัติดีในเมืองเซี่ยงไฮ้ เพราะฉะนั้ ภายใต้คำโน้มน้าวของพ่อแม่ ทำให้เขาไม่มีทางเลือกจนต้องเลิกกับซีเหมินจินเหลียน 

 

 

แต่นครเซี่ยงไฮ้นี้ ถ้าจะพูดว่าใหญ่ก็ไม่ได้ใหญ่ พูดว่าเล็กก็ไม่ได้เล็ก ซีเหมินจินเหลียนที่เพิ่งเลิกกันได้ไม่กี่เดือน คิดไม่ถึงว่าเธอจะขับรถเบนซ์ นอนพักอยู่ที่คฤหาสน์ เขาไม่รู้ว่าซีเหมินจินเหลียนเล่นเดิมพันหยก สัญชาติญาณของเขาคิดว่าเธอคงเกาะผู้ชายรวยๆ กิน ใช้ร่างกายหาเงินมา ไม่อย่างนั้นผู้หญิงบ้านนอกแบบนั้น อยากจะมาหางานที่มีหน้ามีตาในนครเซี่ยงไฮ้ก็คงไม่ง่ายขนาดนี้ หรือว่าเธอจะรวยข้ามคืน? 

 

 

 เพราะอย่างนั้นเมื่อคืนเขาก็แทบนอนไม่หลับ กลางดึกตีสองเลยหักห้ามอารมณ์ตัวเองไม่ได้ที่จะโทรศัพท์ไปหาซีเหมินจินเหลียน 

 

 

หลับๆ ตื่นๆ อยู่ได้ไม่นาน ก็ถูกเสียงของนาฬิกาปลุกเรียกให้ตื่นขึ้น หวังหมิงเหยาชะโงกหน้าขึ้นมาดูเวลา เห็นว่าเป็นเวลาแปดโมงครึ่งแล้ว จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นพรวดพราดไปอาบน้ำแต่งตัว ส่องกระจกและพบว่ามีรอยดำหนาอยู่รอบดวงตา เห็นได้ชัดว่าเขานอนหลับไม่เพียงพอ   

 

 

เขาขับรถราคาไม่กี่แสนของรถยนต์ที่ผลิตในประเทศออกไป รีบเร่งไปทำงานที่บริษัท เก้าโมงเช้าพอดี! หวังหมิงเหยารีบร้อนเข้าไปที่ออฟฟิศ 

 

 

เมื่อผลักประตูของออฟฟิศเข้าไป หวังหมิงเหยาก็รู้สึกว่าบรรยากาศรอบๆ ดูแปลกไปจากปกติ ปกติเวลานี้ทุกคนต้องแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง หรือไม่ก็ยุ่งกับการจัดการกับอาหารเช้าที่ซื้อมา แต่วันนี้ดูเหมือนว่าเมื่อเห็นเขาเข้ามาแล้ว ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นมามอง สายตาสื่อแววให้เห็นว่ามีอะไรลับลมคมใน 

 

 

หรือว่าตนจะสวมกางเกงในไว้ด้านนอก? หวังหมิงเหยารีบร้อนตรวจสอบเสื้อผ้าการแต่งกายของตัวเอง ก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่นา? จากนั้นเขาจึงรีบเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน แต่ว่าทำไมโต๊ะทำงานของเขา ถึงมีคนอื่นมานั่งแทนล่ะ? 

 

 

 

 

 

“คุณหยาง ทำไมคุณถึงมานั่งที่ของผมล่ะ” หวังหมิงเหยารู้จักคนที่แซ่หยางคนนี้ ปกติเขาทั้งสองไม่เคยทักทายอะไรกัน แต่ทำไมเขาถึงมานั่งเชิดหน้าอยู่ที่ที่นั่งของตนได้ 

 

 

“คุณหวัง นี่เป็นที่นั่งของผมครับ” คนแซ่หยางยิ้มอย่างได้ใจ “ส่วนคุณ ถูกไล่ออกแล้ว!” 

 

 

“คุณว่ายังไงนะ?” หวังหมิงเหยาเสียอาการ เช้าแบบนี้ มุกอย่างนี้ไม่เห็นจะขำตรงไหนเลย 

 

 

“หวังหมิงเหยา ขอเชิญคุณไปที่ห้องการเงินจัดการเรื่องเงินเดือนด้วยค่ะ คุณถูกไล่ออกแล้ว!” ผู้ช่วยบัญชีการเงินเดินเข้ามาเรียกหวังหมิงเหยาให้ตามเข้าไป 

 

 

ผู้ช่วยบัญชีฝ่ายการเงินกับหวังหมิงเหยาก็ไม่ได้สนิทสนมเช่นกัน เพราะฉะนั้นคงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่ๆ แต่ว่าทำไมเขาถึงถูกไล่ออกล่ะ ไม่เห็นมีสัญญาณออกมาบอกกล่าวล่วงหน้าเลย 

 

 

ภายในออฟฟิศ ทุกคนกำลังมองดูเรื่องที่น่าขบขันของเขา มีทั้งสายตาที่เห็นอกเห็นใจ แต่ก็โดนกลบไปด้วยการยิ้มเยาะเย้ย…   

 

 

หวังหมิงเหยายืนงงอยู่อย่างนั้น เขาไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงดี เรื่องนี้ก็กะทันหันเกินไปหรือเปล่า อยู่ดีๆ ทำไมเขาถึงโดนไล่ออกได้ ผลงานเขาก็ดีมาโดยตลอดนี่ 

 

 

“รีบหน่อยค่ะ!” ผู้ช่วยบัญชีฝ่ายการเงินเร่งรัดเขาให้ตามมา “พวกเรายังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องทำ!” 

 

 

“นี่มันเรื่องอะไรกัน ผมเซ็นสัญญากับบริษัทแล้วนะ!” หวังหมิงเหยาพูดจาเสียงดัง    

 

 

ภายในออฟฟิศ ไม่รู้ว่าเป็นใครที่เริ่มหัวเราะออกมาก่อนคนแรก ทันใดนั้นคนอื่นๆ จึงเริ่มพากันส่งเสียงกระซิบกระซาบกันขึ้นมา! สัญญาเหรอ? ของแบบนั้นมีประโยชน์แค่ในเวลาที่ต้องการจะใช้เท่านั้นแหละ…แต่หากไม่ได้ใชเ มันก็เหมือนกับกระดาษไร้ค่าแผ่นหนึ่งเท่านั้น