ตอนที่ 495 : ยูเคอิโกะ

The Strongest Hokage

Chapter 495 : ยูเคอิโกะ

 

มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 4 สิ้นสุดลง โดยที่ไนโตะเป็นผู้ยุติทุกสิ่งทุกอย่าง

ทุกคนตกอยู่ภายใต้วิชาลวงตาของอ่านจันทรานิรันดร์ และพวกเขารู้อยู่ในใจว่า ไนโตะเป็นคนที่ปลดปล่อยพวกเขา และช่วยชีวิตทุกคนในโลกนินจา

 

ไม่ว่าจะเป็น นินจาซึนะหรือนินจาอิวะ บรรดาผู้ที่เกลียดชังไนโตะ หรือเกรงกลัวไนโตะ และแม้แต่คนธรรมดาในโลกนินจาก็เปลี่ยนมาเคารพไนโตะ

 

แน่นอนว่า ไนโตะสามารถทําลายโลกนินจาได้เพียงแค่เขาโบกมือ และพลังที่เขาครอบครองก็ยังคงน่ากลัว แต่พลังของไนโตะกับคางุยะก็แตกต่างกัน

 

นับตั้งแต่สิ้นสุด มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 4 เขาก็แทบจะไม่ปรากฏตัวในโลกนินจาเลย

 

ด้วยเหตุนี้ ชื่อของไนโตะจึงกลายเป็นเหมือนตํานานมากขึ้น และเมื่อเวลาผ่านไป ไม่เพียงแต่ในโคโนฮะเท่านั้น แต่หมู่บ้านใหญ่อื่นๆ ก็ยังสร้างรูปปั้นหินของไนโตะ เพื่อเป็นที่แสดงความเคารพไว้ในหมู่บ้านของพวกเขา

 

หลายปีก่อน มีเทพธิดาองค์หนึ่งชื่อ โอซีซีกิ คางุยะ

 

หลายปีต่อมา ไนโตะก็ได้รับการเคารพนับถือในฐานะเทพเจ้าเช่นกัน

 

ไม่ใช่เทพเจ้าแห่งนินจา แต่ในสายตาของผู้คน เขาเป็นเทพเจ้าอย่างแท้จริง

 

ในมิติคู่ขนานกับโลกนินจา

 

มิตินี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คล้ายกับภูเขาเมียวโบก หรือริวจิ แต่พิเศษกว่านั้น

 

มิตินี้ถูกสร้างขึ้นโดยไนโตะ ดังนั้นเขาและคุชินะจึงสามารถอยู่ในนั้นได้ นอกจากนี้ ซึนาเดะ, โคนัน , ฮินาตะ , อังโกะ และคนอื่น ๆ ก็มาที่นี้ด้วยเช่นกัน

 

แน่นอนว่ามิตินี้ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก ท้ายที่สุดแล้ว พลังของไนโตะก็เป็นพลังการทําลายมากกว่าพลังการสร้าง แม้ว่าผลไม้ของคางุยะจะถูกทิ้งไว้หลังจากที่เธอเสียชีวิต แต่เขาก็ไม่ได้กินมันเข้าไป ไนโตะไม่เหมือนคางุยะ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันมีพลังมหาศาลก็ตาม

 

เขาใช้ผลไม้นี้เพื่อการวิจัย และหลังจากที่ศึกษาความลึกลับของมันเสร็จแล้ว เขาก็มอบมันให้คุชินะ

 

แม้ว่าพลังที่เหลืออยู่ภายในจะมีไม่มาก แต่ก็ยังเพียงพอที่จะช่วยให้คุชินะ ก้าวเข้าสู่ระดับของเซียน 6 วิถีได้ แต่ดูเหมือนว่าคุชินะจะเข้าถึงระดับของคางุยะไม่ได้ด้วยเหตุผลบางอย่าง

 

ไนโตะเดาว่าอาจเป็นเพราะคางุยะไม่ได้มาจากโลกนี้ และคุชินะก็ไม่ใช่ลูกหลานโดยตรงของคางุยะ และแม้ว่าเธอจะกินผลของต้นไม้แห่งเทพเจ้า มันก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะทําให้เธอไปถึงระดับของคางุยะได้

 

แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้วเพราะ คุชินะ ไม่เคยสนใจเรื่องอํานาจ และวันนี้ถึงแม้เธอจะไม่แข็งแรงเท่าคางุยะ แต่เวลาก็ไม่สามารถส่งผลต่อร่างกายของเธอได้

 

ภายใต้ท้องฟ้าสีใส ไนโตะกําลังนอนอยู่บนพื้นหญ้า

 

“ไนโตะ คุณเห็นเคโกะจังบ้างไหม?”

 

(T/N: เคโกะ: เด็กมีความสุข)

คุชินะ ดูกังวลอย่างมากขณะเดินไปหาไนโตะ

 

ไนโตะเอียงศีรษะเล็กน้อย มองคุชินะ แล้วยิ้ม “หาไม่เจอหรอก ลูกไม่ได้ซ่อนอยู่ที่นี่ เธอไปโลกนินจาแล้ว ไม่คิดเลยว่าลูกจะสามารถเปิดประตูมิติได้”

 

“ไปโลกนินจาเหรอ?!”

 

คุชินะตกใจ จ้องไปที่ไนโตะด้วยดวงตาเบิกกว้าง แล้วพูดว่า “ทําไมคุณไม่ห้ามลูกล่ะ เธอเพิ่งจะ 10 ขวบเองนะ ถ้าลูกเจอคนอันตรายจะทํายังไง?!”

 

“ฮ่าๆๆๆ”

 

ไนโตะลุกขึ้นนั่ง อุ้มคุชินะไว้ในอ้อมแขน แล้วยิ้ม “อย่ากังวลไปเลย ลูกได้รับถ่ายทอดทั้งพลังของฉันและของคุณเลยนะ ไม่มีใครทําอะไรลูกได้หรอก”

 

“แต่ลูกยังเด็กอยู่ ต่อให้แข็งแกร่งแค่ไหน ก็ยังอันตรายอยู่ดี” คุชินะจ้องไปที่ไนโตะอย่างไม่พอใจ

 

ไนโตะหัวเราะและพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ก็ได้ ๆ ฉันจะดูให้ว่าลูกอยู่ไหน”

 

ในขณะที่เขาพูด ไนโตะก็มองไปที่อากาศด้านหน้าเขา และกระจกก็ปรากฏขึ้น และข้างในนั้นเป็นภาพของโลกนินจา

 

“ที่นี่ดูน่าสนุกจัง”

 

สาวน้อยน่ารักที่ไว้ผมหางม้าสีชมพูคู่หนึ่งกําลังยืนอยู่บนยอดหน้าผา เธออายุประมาณ 10 ขวบ ตาเธอกระพริบ ดวงตากลมโตน่ารักของเธอขณะที่เธอมองไปที่ด้านล่าง

 

ไม่เพียงเท่านั้น เธอไม่กลัวความสูงของหน้าผา แต่เธอยังยิ้มเมื่อมองลงไปที่หุบเขาด้านล่าง แล้วจู่ ๆ ก็กระโดดลงไป

 

ฟ้ว!!

 

เธอไม่ได้ตก แต่ลอยอยู่ในอากาศ บินไปชั่วขณะหนึ่งในหุบเขานี้

 

“เมื่อกี้เห็นอะไรบางอย่างอยู่แถวนี้ นั่นไงจริง ๆ ด้วย”

 

หลังจากที่เคอิโกะวนไปรอบๆอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็พบสิ่งแปลก ๆ ที่ดูเหมือนเป็นห้องทดลองอยู่ที่ก้นหุบเขานี้

 

ทันใดนั้น กําแพงหินด้านข้างก็เปิดออกเล็กน้อย และร่างหนึ่งโผล่ออกมาจากมัน พร้อมรูม่านตางคู่หนึ่ง

 

เขาก็คือ โอโรจิมารุ

 

เขาจ้องไปที่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างหน้าเขา แสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ค้นพบสถานที่ลับของเขาได้อย่างไร และเธอมาที่นี่ได้อย่างไร

 

เมื่อมองขึ้นไปที่หน้าผา โอโรจิมารุ รู้สึกว่าเด็กคนนี้มีบางอย่างแปลก ๆ และอยากจะจับเธอมาศึกษา

 

ดังนั้นเขาจึงเดินไปหาเคอิโกะ

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่โอโรจิมารุจะใช้วิธีการใดๆเพื่อจับตัวเธอ เคอิโกะดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง และทันใดนั้นเธอก็หันกลับมาและเห็นโอโรจิมารุ

 

คนปกติทั่วไปแทบจะหยุดหายใจเมื่อเห็นโอโรจิมารุ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นโจนินก็ตาม แต่เด็กหญิงคนนี้กลับดูไม่กลัวเขาเลย ตรงกันข้าม เธอกลับกระพริบตาด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น

 

“เฮ้ คุณมาที่นี่ได้ยังไง?” เด็กหญิงถาม

 

ปากของโอโรจิมารุกระตุกเล็กน้อย นี่ดูเหมือนจะเป็นคําถามที่เขาควรจะถามเธอมากกว่า!

 

เขาไม่รู้ว่าเด็กหญิงคนนี้มาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไรและเธอพบเขาได้อย่างไร แต่เธอดูไม่เกรงกลัวเขาเลย ดังนั้นเขาจึงสามารถบอกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

 

อย่างไรก็ตาม ความกระตือรือร้นที่จะจับเธอและศึกษาเธอยังคงอยู่ในใจของเขา

 

เป็นเวลา 10 ปีแล้วที่ไนโตะหายตัวไปจากโลกนินจา และตั้งแต่เขาจากไปก็ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะคุกคามชีวิตของโอโรจิมารุได้อีกต่อไป

 

“บุกเข้ามาบ้านคนอื่นแบบนี้ไม่ดีเลยนะสาวน้อย”

 

โอโรจิมารุ แสดงท่าทางชั่วร้ายเล็กน้อยขณะมอง เคอิโกะ

 

“ที่นี่คือบ้านของคุณเหรอ?” เคอิโกะดูประหลาดใจ และเมื่อโอโรจิมารุกําลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับเธอ เธอก็แสดงท่าทีภาคภูมิใจและพูดว่า “งั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่แห่งนี้เป็นของฉัน!”

 

หลังจากพูดแบบนี้ เคอิโกะก็ยิ้มเยาะ จากนั้นก็ตั้งท่าต่อย

 

เมื่อโอโรจิมารุได้ยินคําพูดของเธอ เขาก็อยากจะหัวเราะ แต่ทันทีที่เขาเห็นรอยยิ้มและท่าทางนั้น เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้นเคยแปลก ๆ

 

เมื่อเห็นแบบนั้น เขาก็เปิด เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา และมองไปที่เธอ

 

เพียงชําเลืองมองเพียงครั้งเดียว โอโรจิมารุ ก็สะดุ้ง และทุก ๆ วินาที เขาก็รู้สึกสยดสยองมากขึ้นไปอีก

 

พลังที่ก่อตัวในหมัดเล็กๆ ของเธอช่างดูคุ้นเคย!

 

“เดี๋ยวนะ…เธอคือ…!”