บัญชามังกรเดือด บทที่ 716 แค้นใหม่สุมไฟแค้นเก่า
และในตอนนี้เอง เสียงปังดังลั่นขึ้นครั้งหนึ่ง ประตูใหญ่ทั้งสองบานถูกตีจนแตก เงาร่างหยิ่งผยองร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่ประตู
“ไป๋เลี่ยน แกกล้าสังหารแส้มังกร ไม่อยากมีชีวิตแล้วสินะ!”
“ยังไม่รีบวางมีดลงอีก ยอมแพ้เสีย!”
“ใครบังอาจต่อต้านสับมันให้เป็นชิ้นๆเลย!”
สิ้นเสียง สมาชิกที่สวมชุดทำศึกมังกรซ่อนรูปสิบกว่าคนก็พุ่งออกมาจากด้านหลังของเขาด้วยรังสีสังหารพวยพุ่ง
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
บรรดาผู้คนรวมถึงไป๋เลี่ยนล้วนแต่มึนกันไปหมด เห็นได้ชัดว่าเครื่องแต่งกายที่คนเหล่านั้นสวมอยู่นั้นเป็นชุดทำศึกของมังกรซ่อนรูปจากภาคตะวันตก
ที่ภาคตะวันตกแห่งมังกรซ่อนรูป มีใครกล้าบังอาจต่อต้านพวกเขาอีกหรือ?
อีกอย่าง ดูเหมือนว่ารูปร่างท่าทางของคนพวกนั้นจะดูคุ้นตาอยู่บ้าง?
พอจ้องมองชายชราที่มีท่าทางฮึกเหิมที่บานประตูแล้ว ไป๋เลี่ยนก็ร้องขึ้นมาเหมือนกับสุนัขที่ถูกเหยียบหาง
“เฟ่ยเทียนอิง ทำไมถึงเป็นแก!”
“นึกไม่ถึงว่าแกจะกล้าพาพวกมันแหกคุก แกรู้ไหมว่านี่มีโทษประหาร?”
เฟ่ยเทียนอิงหัวเราะเสียงดัง ก้าวยาว ๆ ไปทางไป๋เลี่ยน
“แส้มังกรอยู่ที่นี่ แกยังกล้าพูดจาเหลวไหลอีกหรือ!”
“เจ้าคนแซ่ไป๋ วันนี้พวกเราจะต้องมาคิดบัญชีแค้นกัน!”
ว่าแล้วก็มาถึงด้านหน้าของไป๋เลี่ยน ยื่นมือใหญ่ราวพัดใบลานออกไปคว้าเอาตัวไป๋เลี่ยนราวกับนกอินทรีฉกลูกเจี๊ยบ
ไป๋เลี่ยนร้องออกมาอย่างตกใจกลัว พอตั้งสติได้ก็ใช้มีดที่อยู่ในมือฟันไปทางข้อมือของเฟ่ยเทียนอิง
เฟ่ยเทียนอิงคำรามออกมาด้วยความเดือดดาล ยื่นมือออกไป พลันกำหมัดเปลี่ยนทิศทาง ระเบิดใส่ตัวมีดนั้น
ตูม!
หมัดที่แทบจะเทียบได้กับค้อนเหล็กนั้นซัดจนมีดโค้งในมือของไป๋เลี่ยนปลิวไปในเวลาอันสั้น จากนั้นเฟ่ยเทียนอิงก็ต่อยเข้าไปบนใบหน้าของไป๋เลี่ยนอย่างดุดันโดยไม่ทันรอให้ไป๋เลี่ยนถอยหลังกลับ
“อ๊าก!”
ไป๋เลี่ยนรู้สึกราวกับฟ้าผ่าแสกหน้า เขาล้มลงบนพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยโลหิต
เฟ่ยเทียนอิงกระโดดเข้าไปมัดตัวเขาอย่างรวดเร็วและง่ายดาย
จากนั้นก็มองไปยังคนอื่นที่เหลืออยู่พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มเยียบเย็นว่า “พวกแกยังจำข้าได้ไหม?”
“จะยอมให้จับแต่โดยดี หรือจะให้ข้าต้องลงมือเอง?”
ในตอนที่เฟ่ยเทียนอิงปกครองจินหู่ คนเหล่านี้ยังเป็นเด็กอมมืออยู่เลย เมื่อเผชิญหน้ากับผู้อารักขาที่มีนิสัยดุเดือดแล้ว พวกเขาก็หวาดกลัวอยู่ในใจ
ตอนนี้ในดวงตาล้วนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พากันวางมีดดาบในมือลงอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ ราวกับเด็กประถมที่กระทำความผิดอย่างไรอย่างนั้น
อีกอย่าง ต่อให้ไม่ยอมแพ้แล้วจะทำอย่างไรได้? แม้แต่ไป๋เลี่ยนก็โดนจับกุมตัวไปแล้ว พวกเขายังจะสามารถพลิกสถานการณ์อะไรได้หรือ
พอเฟ่ยเทียนอิงโบกมือ คนที่เขาพามาด้วยเหล่านั้นก็กรูกันเข้ามามัดคนเหล่านั้นเอาไว้รวมกันอย่างแน่นหนา แล้วกดลงบนพื้น รอให้ฉินเทียนลงโทษ
“แส้มังกร ท่านเห็นว่าจะรายงานให้สำนักงานใหญ่จัดการหรือจะฆ่าทิ้งไปเลยดีครับ?”
“ตามที่ฉันคิด มีเกล็ดมังกรอยู่ในมือ ถ้าอย่างนั้นก็ลงมือก่อนแล้วค่อยรายงาน จะได้ลดขั้นตอนยุ่งยาก เช่นนั้นก็ฆ่าทิ้งไปเลยเถอะ”
ฉินเทียนหัวเราะพลางเอ่ยขึ้น “จะฆ่าไปแบบนี้ก็ไม่สนุกเลยสิ ขังเอาไว้ก่อน ฉันยังต้องใช้พวกมันเป็นประโยชน์”
“จำเอาไว้ ก่อนที่เรื่องจะจบ จะต้องปิดข่าวเอาไว้ให้ดี”
“รับทราบครับ!” เฟ่ยเทียนอิงรับคำสั่งอย่างเคารพนบนอบ มือใหญ่โบกครั้งหนึ่ง “พาตัวไปขังเอาไว้ในคุกใต้ดิน!”
คนทั้งหลายล้วนตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ไม่นาน พวกเขายังเป็นนักโทษในคุกใต้ดินที่เป็นคนก็ไม่ใช่ เป็นผีก็ไม่เชิงอยู่เลย อีกทั้งคนที่ทำร้ายพวกเขากลับลอยตัวอิสระอยู่ข้างนอก
เพียงเวลาชั่วพริบตาก็เปลี่ยนสถานะกันแล้ว พวกเขากลายเป็นเจ้าของบ้าน ส่วนฝ่ายตรงข้ามก็กลายเป็นนักโทษอยู่ในคุก
ทั้งหมดนี้ต้องกราบขอบคุณฉินเทียนที่ประทานให้
ตอนนี้พวกเขาทุกคนล้วนแต่เคารพและเลื่อมใสต่อแส้มังกรที่ยังอายุน้อยคนนี้จากใจจริง
เถียโถวเดินเข้ามาจากด้านนอก
พอเห็นว่าพวกฉินเทียนและเฟ่ยเทียนอิงควบคุมสถานการณ์โดยรวมได้แล้ว ในตอนนี้ทั้งภาคตะวันตกแห่งมังกรซ่อนรูปก็ควบคุมได้ทั้งหมด พวกเขาก็ฮึกเหิมไม่หยุด
ก่อนหน้านี้ ที่จริงแล้วพวกเขายังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับฐานะเจ้าของวิหารเทพของฉินเทียน
เขาคิดว่าฉินเทียนจงใจปั้นเรื่องฐานะขึ้นมาเพื่อช่วยพวกเขาล้างแค้น เรื่องที่ตนมีฐานะเป็นราชาเถียสิบสาม เขาเองก็ไม่ได้คิดเป็นจริงเป็นจัง
ตอนนี้เขาไม่อาจที่จะไม่พิจารณาฐานะและความสามารถของฉินเทียนอย่างรอบคอบอีกครั้งได้!
“ฉินเทียน พวกเรารีบกลับกันเถอะ ฉันเป็นห่วงความปลอดภัยของหานหลิง”
“เธอเองก็จะต้องเป็นห่วงพวกเราอยู่แน่ ๆ กลับไปแจ้งข่าวดีนี้กับเธอกัน!” เขาเอ่ยกับฉินเทียนอย่างฮึกเหิม
ฉินเทียนคิดจะพูดอะไรสักอย่าง ทันใดนั้นก็มองเห็นคนคนหนึ่งพุ่งเข้ามาจากที่ไกล ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา
เป็นฉินชวน
ตอนที่ถูกกัวข่ายจับตัวไป ฉินเทียนได้มอบหมายให้ฉินชวนกับทีมของเขาอยู่รักษาความปลอดภัยให้กับหานหลิงที่คฤหาสน์หูซื่อ
ตอนนี้พอได้เห็นสีหน้าร้อนใจของฉินชวน หรือว่า… เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหานหลิงแล้วอย่างนั้นหรือ?
ทันใดนั้น พวกของเฟ่ยเทียนอิงยังไม่ทันได้ออกไป เจ้าหน้าที่คุ้มกันที่ประตูใหญ่ไกล ๆ นั้นยังคงเป็นคนของ ไป๋เลี่ยน พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าด้านในเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ตามคำชี้แนะของไป๋เลี่ยน หากไม่มีคำสั่ง ห้ามมิให้ใครเข้ามาโดยเด็ดขาด
ดังนั้นพวกเขาจึงเดินหน้าขึ้นมาขวางฉินชวนไว้ด้านนอกประตูทันที
ฉินชวนมีอารมณ์ฮึกเหิม เอ่ยขึ้นเสียงดังว่า “ฉันต้องการพบไป๋จุน!”
“กัวข่ายจับตัวของฉินเทียนกับเถียโถวไปแล้ว ตอนนี้ผ่านการตรวจสอบของฉันแล้ว ยืนยันแล้วว่าพวกเขาถูกใส่ความ!”
“ฉันต้องการให้ไป๋จุนออกคำสั่งปล่อยตัวฉินเทียนและเถียโถวในทันที!”
“ฉันตามหาตัวพยานบุคคลที่ใส่ร้ายพวกเขาเจอแล้ว”
หืม?
ฉินเทียนใจเต้นขึ้นมา รีบร้อนเอ่ยกับเฟ่ยเทียนอิงว่า “ตาแก่เฟ่ย คุณคิดเห็นอย่างไร?”
นึกไม่ถึงว่าดวงตาของเฟ่ยเทียนอิงที่มองฉินชวนจากที่ไกล ๆ นั้นได้ชุ่มชื้นขึ้น
เขาเอ่ยเสียงเบา “เด็กคนนั้นได้เติบโตแล้ว”
“เขาไม่เลวเลยนะ ไม่ได้ทำให้อาจารย์อย่างข้าต้องผิดหวังเลย ทั้งยังมีซีจุนให้การอุปถัมภ์และให้ความสำคัญ!”
“แส้มังกร เขาเป็นคนกันเอง ให้เขาเข้ามาเถอะ “
ฉินเทียนเองก็ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง คาดไม่ถึงว่า ฉินชวนไม่เพียงแต่เป็นหลานของจินหู่ ยังเป็นลูกศิษย์ของเฟ่ยเทียนอิงอีก
มิน่าล่ะ เขาถึงได้คิดอยู่ตลอดว่าศักยภาพของฉินชวนนั้นไม่ธรรมดาเลย ที่แท้ก็ได้รับการชี้แนะจากอาจารย์ที่มีชื่อเสียงนี่เอง
เขาเอ่ยกลั้วรอยยิ้มว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ส่งต่อให้ตาแก่เฟ่ยเลยแล้วกัน”
“ฉันมอบเกล็ดมังกรให้นาย ใครที่ไม่เชื่อฟังล้วนสามารถจัดการก่อนแล้วค่อยรายงานก็ได้!”
“ขอบคุณแส้มังกรมาก!”
“เฟ่ยเทียนอิงจะต้องไม่ผิดต่อความไว้ใจอย่างแน่นอน!” เฟ่ยเทียนอิงค้อมตัว สองมือรับเอาเกล็ดมังกรมาด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก
จากนั้นก็ถอนหายใจยาวออกมาครั้งหนึ่ง แล้วก้าวยาว ๆ ไปทางประตูใหญ่
“เกล็ดมังกรอยู่ที่นี่ ยังไม่รีบคุกเข่าลงฟังคำสั่งอีก!”
เจ้าหน้าที่คุ้มกันสองคนก็ตะลึงไปพักหนึ่ง หนึ่งในนั้นก็จำได้ว่าเป็นเฟ่ยเทียนอิงก็สั่นไม่หยุด
ให้พวกเขาฝันก็ยังคิดไม่ถึงว่า ตนเฝ้าอยู่ที่ประตูมาโดยตลอด แล้วเฟ่ยเทียนอิงนั้นเข้าไปข้างในได้อย่างไร
แต่ก่อน เฟ่ยเทียนอิงรับคำสั่งของฉินเทียนให้พาคนมาช่วยเหลือที่นี่ เพื่อจะหลีกเลี่ยงการแหวกหญ้าให้งูตื่น เข้าจู่โจมและควบคุมเจ้าหน้าที่คุ้มกันของประตูเล็ก เข้ามาด้วยวิธีการซุ่มโจมตี
“ท่านอาจารย์?”
“ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่?”
“นั่นคือ… เกล็ดมังกรหรือ?” ฉินชวนตะลึงไป นึกไม่ถึงมาก่อนว่าจะพบเฟ่ยเทียนอิง จากนั้นก็ยินดีจนออกนอกหน้า
เฟ่ยเทียนอิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวชวน รีบเข้ามาเข้าพบแส้มังกร”
แส้มังกรหรือ?
ตอนที่ยืนยันว่าฉินเทียนก็คือแส้มังกรนั้น ฉินชวนก็ตกตะลึงขึ้นอีกครั้ง ยากที่จะเชื่อจริง ๆ
ฉินเทียนเอ่นด้วยรอยยิ้มว่า “ฉินชวน เยี่ยมมาก เวลาสั้นขนาดนี้ก็สามารถหาพยานบุคคลเจอแล้ว”
“ว่ามาซิ ที่จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
พอฉินชวนโบกมือหนึ่งที ลูกน้องที่อยู่ไกล ๆ ก็พาคนคนหนึ่งเข้ามา ก็คือผู้จัดการของบริษัทเป่ายู่ คนนั้นมีชื่อว่าหวังถู
เจ้าหมอนี่เรียกตัวเองว่าเป็นลูกศิษย์ของจินเจียน ปรมาจารย์ด้านสถาปัตยกรรมโบราณ เป็นเขาเองที่ให้บริการหานหลิง
“หมอนี่รู้ว่ามีคนไม่ยอมปล่อยเขาไปแน่ หลังจากเกิดเรื่องขึ้นก็รีบหนีทันที ฉันเองก็เสียเรื่องใหญ่มากไปเรื่องหนึ่งกว่าจะฉกเอาเขามาได้”
“หวังถู ที่แท้แล้วหยางต้าวมอบหมายให้แกทำอะไรกันแน่ ยังไม่รีบสารภาพออกมาตามจริงอีก!”