บทที่ 4 บทที่ 40 เริ่มต้น

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

บทที่ 40 เริ่มต้น โดย Ink Stone_Fantasy

“ยังไม่มีข่าวของแอนนาเหรอ?”

“ขอโทษครับท่าน สุดท้ายพวกเราเจอแค่ของสิ่งนี้…ที่ข้างถนนทางหลวงหมายเลขห้า” ลูกน้องหยิบเข็มกลัดติดเสื้ออันหนึ่งที่พังไปแล้วออกมา

ในอาคารสูงใหญ่ เยฟิมกำลังมองลูกน้องของตัวเอง เขาเป็นคนมีบุคลิกดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนกินข้าวเป็นเพื่อนนักการเมืองพวกนั้น ยิ่งรักษาบุคลิกให้อยู่ในระดับที่เรียกว่าคนมีการศึกษา แต่อยู่ในที่ส่วนตัว เขาคิดว่าไม่จำเป็นต้องรักษาบุคลิกแบบนี้เลยสักนิด

ดังนั้นเขาจึงสาดเหล้าในแก้วที่ยังดื่มไม่หมดใส่หน้าลูกน้องตรงๆ แล้วพูดด่า “เฮอะ! พวกขยะ!”

ลูกน้องเช็ดใบหน้าไร้ซึ่งความโกรธ แล้วพูดช้าๆ ว่า “ท่านครับ เมื่อคืนนี้แขกหลายคนได้ยินที่ยูริบอกว่าตัวเองเป็นคนตระกูลดีคาปี้ ท่านว่าพวกผมควรติดต่อตระกูลนี้เพื่อลองถามดูสักหน่อยไหมครับ ว่ามันเกิดเรื่องอะไรกันแน่?”

เยฟิมยังคงด่าต่อไป “ติดต่อพวกเขา? งานประมูลครั้งนี้จัดในนาม F&C แกให้ฉันไปติดต่อพวกเขา เท่ากับบอกคนอื่นว่าฉันก็คือคนขโมยภาพไม่ใช่หรือไง?”

“ท่านครับ ความหมายของผมคือ พวกเราใช้ชื่อของ ‘อิสระกับตัวตลก’ ติดต่อตระกูลดีคาปี้ได้ครับ”

“ไอ้งั่ง! คิดว่าตระกูลดีคาปี้เป็นใคร?แกคิดว่าเขาจะสนใจขโมยหรือยังไง?” เยฟิมเดินวนไปมาหน้าโซฟาอย่างโกรธเคือง

จู่ๆ ลิฟต์ด้านหลังก็เปิดออก แล้วผู้ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามา “ท่านครับ มีจดหมายฉบับหนึ่งส่งถึงท่านแต่ไม่ได้เขียนชื่อไว้ครับ”

“ใครส่งมากัน?” เยฟิมขมวดคิ้ว

“แค่เด็กคนหนึ่งครับ น่าจะไม่รู้เรื่องอะไรเหมือนกัน” ผู้ชายรีบพูดต่อ “บอกแค่ว่า ท่านต้องการของที่อยู่ด้านในนี้…พวกเราตรวจสอบดูแล้ว ข้างในไม่มีของอันตรายครับ”

เยฟิมหรี่ตาแล้วก็ไม่ได้รับจดหมายฉบับนี้มา แต่กลับพูดอย่างเฉยเมยว่า “แกเปิดมันออก ลองดูว่าข้างในมีอะไร”

ผู้ชายทำได้แค่เปิดจดหมายที่ใช้ครั่งประทับเอาไว้

“นี่คือ…จดหมายเชิญ” เขาอึ้งไปแล้วจึงเงยหน้ามองเยฟิม ก่อนพูดช้าๆ ว่า “เชิญท่านไปร่วมงานประมูลครับ”

เยฟิมตกใจ ตอนนี้เขาถึงได้คว้าจดหมายเชิญจากมือของลูกน้องมาดูอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น

เขานึกถึงภาพที่เห็นผ่านกล้องในเข็มกลัดติดเสื้อของแอนนา ตอนท้ายเบลอมากจริงๆ เขามองเห็นไม่ชัด แต่กลับฟังทุกคำพูดของคนที่เรียกตัวเองว่ายูริได้อย่างดี

เขาจะประมูลภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ ของแท้

เยฟิมยังไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายมีภาพนี้ได้อย่างไร สิ่งที่เขาคิดก็คือเจ้านี่ประกาศเรื่องประมูลต่อหน้าแขกทุกคนแล้ว เหมือนไม่มีความจำเป็นต้องส่งจดหมายเชิญมาอีก

แต่จดหมายเชิญดันถูกส่งมาที่นี่!

“พวกแกออกไปก่อน” เยฟิมสั่งอย่างไม่ใส่ใจ

จนกระทั่งลูกน้องสองคนจากไปแล้ว เขาถึงได้เดินขึ้นบันไดวนมาจนถึงข้างบนบ้านอย่างร้อนใจ เขากดปุ่มปุ่มหนึ่ง ทำให้ชั้นวางหนังสือตู้หนึ่งเปิดออกอัตโนมัติตรงนี้ยังมีประตูอีกบานซ่อนเอาไว้

เยฟิมใส่รหัสแล้วถึงเปิดประตูบานนี้ ที่นี่เป็นห้องสะสมของเก่าของเขา

ตอนที่เขามองดูภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ ของแท้ที่ยังวางอยู่ที่นี่อย่างดี ถึงได้วางใจเล็กน้อย แต่ว่าจดหมายเชิญในมือเขา…

เขาอดคิดไปในทางที่เลวร้ายที่สุดไม่ได้ ‘คนตระกูลดีคาปี้รู้อะไรมาหรือเปล่า’

“ยูริ…ยูริ?” เยฟิมพึมพำกับตัวเอง

พวกนั้นไม่มีทางเห็นผู้สืบทอดตระกูลเพี้ยนๆ กับคนร่อนเร่ท้อแท้เป็นคนคนเดียวกันได้หรอก ชื่อซ้ำหรือว่าเป็นแค่เรื่องบังเอิญ

แอนนาบอกว่า ตอนที่เธอจัดการยูริที่ชานชาลา ก็พบว่าของกลางที่เขาบอกเป็นเพียงการโกหกต้มตุ๋นเท่านั้น…

“หรือว่าแอนนากำลังหลอกฉัน ยูริยังไม่ตายเหรอ…”

เยฟิมขมวดคิ้วมุ่น

จู่ๆ เขาก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมา กดหาเบอร์โทรหนึ่ง แล้วก็ยิ้มแย้ม “เฮ้ สหายเก่า ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?”

“อ้อ เยฟิมเหรอ? ก็ไม่ยังไงหรอก ช่วงนี้เบื่อจะตายอยู่แล้ว นายก็รู้ว่าอาทิตย์ที่แล้วมีข่าวอื้อฉาวเรื่องการสมคบคิดระหว่างมาเฟียและนักการเมืองเผยแพร่อยู่บน VK เบื้องบนระเบิดใส่ฉันแทบทุกวัน! ช่วงนี้ภาพที่มีชื่อเสียงยังหายไปอีก…”

เสียงคนปลายสายโทรศัพท์เบาลงเล็กน้อย “ท่านประธานาธิบดีของพวกเราก็ออกคำสั่งแล้ว…สหาย ถ้ายังหาคนทำผิดทั้งสองคดีนี้ไม่เจอ แม้แต่ฉันก็จะกลายเป็นแพะรับบาป และได้ปลดเกษียณก่อนเวลานะ!”

เยฟิมถอนหายใจแล้วพูดว่า “ใช่สิ ข่าวอื้อฉาวอีกแล้ว แล้วภาพดังก็ถูกขโมยไป แล้วยังมีการฆ่ายิงกันที่สถานีรถไฟใต้ดิน ฉันเสียใจแทนนายจริงๆ”

“เดี๋ยวก่อนสหาย นายพูดว่าอะไร?ยิงกันที่สถานีรถไฟใต้ดินอะไร? ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย?เกิดขึ้นเมื่อไหร่? ที่ไหน?”

เยฟิมอึ้งไป

ฉับพลันเขาก็หัวเราะเสียงดังลั่น บอกว่าความจริงตัวเองพูดผิดไป

“ยูริยังไม่ตายจริงๆ ด้วย…แอนนาหลอกฉัน!”

เขาหรี่ตาลง และกำลังแอบคิดอะไรบางอย่าง

วันงานประมูลครั้งที่สอง

บอกว่าเป็นงานประมูล แต่งานประมูลครั้งนี้ไม่ได้เป็นทางการเท่าไร เพราะจัดขึ้นในที่ส่วนบุคคลแบบนี้

หรือบอกได้ว่าเป็นเขตอิทธิพลของเขา

จัดงานประมูลในที่แบบนี้…ไม่ปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย ถึงขนาดพูดได้ว่าเจ้าของที่นี่ หรือก็คือผู้สืบทอดตระกูลดีคาปี้คนนี้ไม่ได้จริงจังเลยแม้แต่น้อย

แต่เมื่อเจ้าของพาคนมาก็มองเห็นห้องนี้มีคนมารวมตัวกันไม่น้อยแล้ว

ครั้งนี้ยังคงเป็นงานเต้นรำหน้ากากเหมือนคืนนั้น…เพียงแค่กลิ่นอายไม่เหมือนกันเลย

เพราะแขกแทบจะทุกคนไม่ได้พาคู่ควงผู้หญิงมาด้วย แต่กลับพาบอดี้การ์ดมาเยอะกว่าเดิมหน่อย อีกทั้งส่วนมากยังเป็นพวกที่ฆ่าคนได้

ถึงแม้ทุกคนจะอำพรางหน้า แต่คนที่คุ้นเคยกันดี ก็คงจะเดาออกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

พวกนักสะสมยืนเรียงตัวอยู่ข้างนอกประตูคฤหาสน์ หลังจากนั้นไม่นาน ประตูเหล็กของคฤหาสน์นี้ก็เปิดออก แล้วคุณพ่อบ้านก็เดินออกมาอย่างสง่างาม

เขามองนาฬิกาพ็อกเก็ตของตัวเองแวบหนึ่ง แล้วจึงยิ้มเล็กน้อย “ยังไม่ถึงเวลา แต่ว่าดีใจมากที่ทุกท่านรักษาเวลาเช่นนี้ ถึงแม้จะน้อยกว่าคืนนั้นก็ตาม…ทุกท่านโปรดเข้ามาเถอะ คุณยูริมารอทุกท่านอยู่ด้านในนานแล้วครับ”

“รอเดี๋ยว! ผมจะพาคนของผมเข้าไปด้วย” ผู้ชายตัวผอมพูดอ้อมๆ

เอดการ์พูดพร้อมยิ้มน้อยๆ ว่า “แน่นอน คุณยูริเป็นคนที่เป็นประชาธิปไตยมากๆ จะไม่ทำให้ทุกท่านลำบากใจเด็ดขาด ทุกท่านเชิญตามสบาย หวังว่าทุกท่านจะควบคุมลูกน้องของพวกท่านได้ หากข้างในเกิดเหตุการณ์เหนือความคาดหมายอะไร จะไม่อยู่ในขอบเขตการชดเชยของพวกเรา”

เอดการ์ยืนนิ่งดูเจ้าพ่อแต่ละคนพาลูกน้องของตัวเองขับรถเข้าไปในคฤหาสน์เหมือนกับรูปปั้นไม่มีผิด

จนกระทั่งรถคันสุดท้ายเข้าไปในคฤหาสน์แล้ว เขาก็ยังคงยืนรออยู่ เพราะว่ายังไม่ถึงเวลา กฎของการรักษาเวลาก็เป็นสิ่งที่คนสูงวัยคนนี้เคารพอย่างเคร่งครัด

สิบนาทีสุดท้าย

รถม้าที่งามละเอียดอ่อนคันหนึ่งขับเข้ามาตรงทางเข้าคฤหาสน์ช้าๆ

ใช่แล้ว รถม้า

ผู้ชายที่ใส่หน้ากากตัวตลกลงจากรถมาก่อน จากนั้นก็ยื่นมือไปจูงคู่ควงลงมาจากในรถม้า ก่อนเดินมาหน้าเอดการ์ช้าๆ

“ไม่สายใช่ไหมครับ? ขอโทษด้วย ตอนแรกคิดอยากจะเช่ารถเก๋ง แต่พอเห็นรถม้าคันนี้แล้วก็อดเช่ามาไม่ได้”