บทที่ 487 ผู้บงการ

Mars เจ้าสงครามครองโลก

Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 487 ผู้บงการ
เฉินซือเลี่ยงจากไป ทิ้งกลุ่มคนที่ตกตะลึงไว้เบื้องหลัง

ระหว่างเย่เซิ่งเทียนคนนี้และเฉินซือเลี่ยงมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่? ทำไมเฉินซือเลี่ยงถึงเคารพต่อเย่เซิ่งเทียนมากขนาดนี้ล่ะ?

เย่เซิ่งเทียนมีตัวตนอย่างไรกันแน่?

ในเวลานั้น ในใจของทุกคนก็เต็มไปด้วยความสงสัย

แม้แต่เฉินซือเลี่ยงก็ยังต้องยอมอ่อนน้อมลง คนของสำนักแปดเก็กยังจะมีใครกล้าที่จะหาเรื่องเย่เซิ่งเทียนอีก จึงได้รีบเดินตามไป

ไป๋เหวินเซวียนที่ล้มลงกับพื้น ตกตะลึงไปทั้งคน และมองไปที่เย่เซิ่งเทียนอย่างสยดสยอง โดยไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวดที่ร้อนแรงบนใบหน้าของเขา และรีบคุกเข่าลงต่อหน้าเย่เซิ่งเทียน

“คุณ คุณเย่ ฉัน ฉันขอโทษ ฉันตาบอดเอง ฉันไม่รู้เป็นตายร้ายดี โปรดยกโทษให้ฉันด้วย ฉันผิดไปแล้ว ฉันรู้สึกผิดไปแล้ว”

ทุกคนต่างคิดว่าในครั้งเย่เซิ่งเทียนต้องตายแน่ๆ แต่พวกเขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าเรื่องมันพลิกกลับเช่นนี้!

เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาไป๋เหวินเซวียนยังคงอยากจะฆ่าเย่เซิ่งเทียนอย่างอุกอาจ แต่ตอนนี้ เขากลับต้องคุกเข่าลงต่อหน้าเย่เซิ่งเทียนและขอความกรุณา!

เย่เซิ่งเทียนคนนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาเลยทีเดียว!

เขามีตัวตนเป็นอย่างไรกันแน่?

แต่หวางซีกลับไม่ค่อยรู้สึกแปลกใจสักเท่าไหร่ เธอคาดเดาว่า ต้องเป็นเพราะเฉินซือเลี่ยงคนนี้ ดูออกว่าเย่เซิ่งเทียนเป็นตัวแทนของเจ้าเทพ ไม่เช่นนั้นทัศนคติของเขาจะเปลี่ยนไปร้อยแปดสิบองศาเช่นนี้ได้อย่างไร?

สิ่งที่เธอกังวลก็คือ ตัวตนของเย่เซิ่งเทียนที่เป็นตัวแทนของเจ้าเทพนั้น และมันไม่สามารถเปิดเผยออกไปได้ ดังนั้นจึงต้องคอยเตือนเฉินซือเลี่ยงสักหน่อย

หากว่าเขานำปัญหามาสู่เย่เซิ่งเทียนล่ะ?

มันก็จะแย่เอาได้

เพราะยังไงเซิ่งเทียนก็เป็นเพียงตัวแทนของเจ้าเทพเท่านั้น ไม่ใช่เจ้าเทพที่แท้จริงเลย

ถ้าเกิดว่าศัตรูของเจ้าเทพมาแก้แค้นเซิ่งเทียนเข้า แล้วจะทำยังไง?

ในหัวใจของหวางซีเต็มไปด้วยความกังวลกับสามีของเธอ

ภายใต้สายตามที่สะพรึงกลัวของทุกคน เย่เซิ่งเทียนเดินไปที่ตรงหน้าไป๋เหวินเซวียน และจ้องมองไปที่ไป๋เหวินเซวียนอย่างเฉยเมย

“คุณเย่ ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้ว ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย ฉันไม่กล้าอีกแล้ว ฉันรู้สึกผิดแล้วจริงๆ”

ไป๋เหวินเซวียนก้มกราบและหัวกระแทกพื้นเสียงดังปังๆ

“ฉันเคยให้โอกาสเจ้าไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่เจ้าไม่รู้จักรักษามันไว้”

และเย่เซิ่งเทียนพูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้าคงคิดว่า ตระกูลไป๋เป็นหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่แห่งเมืองโมตู ก็จะสามารถทำอะไรตามใจก็ได้งั้นเหรอ? ถืออำนาจแล้วรังแกผู้อื่นงั้นเหรอ? ตอนนี้ฉันแข็งแกร่งกว่าเจ้าแล้ว เจ้าควรจะทำอย่างไร?”

บูม!

เย่เซิ่งเทียนเตะใส่ที่ไหล่ของไป๋เหวินเซวียนด้วยเท้า ไหล่ของไป๋เหวินเซวียนก็ทรุดลงอย่างกะทันหัน และกระดูกสะบักของเขาก็แตกหักในทันที!

พุฟ!

ไป๋เหวินเซวียนอ้าปากและพ่นเลือดออกมาเต็มปาก เพียงแค่คุกเข่าลงบนพื้นและตัวสั่น สูญเสียความเย่อหยิ่งในตอนเมื่อกี้นี้ไปอย่างสิ้นเชิง

“บอกมาสิว่า เป็นความคิดของใคร”

ไม่มีอารมณ์ใดๆอยู่ในน้ำเสียงของเย่เซิ่งเทียน

เขาเคยให้โอกาสไป๋เหวินเซวียนไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไป๋เหวินเซวียนไม่ได้รักษามันไว้

ถึงตอนนี้ก็อย่าโทษเขาที่โหดร้ายเกินไป!

การทำงานของเย่เซิ่งเทียนนั้น มีครั้งที่หนึ่งได้แต่จะมีครั้งที่สองไม่ได้

ฉันให้โอกาสเจ้าไปครั้งหนึ่ง เจ้ายังจะมายั่วยวนฉันอีก งั้นก็คือเจ้ารนหาที่ตายเอง

“คือ มันคือหลี่เซียงหลันและมู่ซิ่วหลิน คือพวกเขาติดต่อฉันมา”

ไป๋เหวินเซวียนในเวลานี้ เป็นเหมือนสุนัขตายตัวหนึ่ง ยังจะกล้าปิดบังอะอะไรไว้สักที่ไหน

เขารู้ตัวว่า ตอนนี้เขาต้องตายแน่ๆ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะโกรธแค้นเย่เซิ่งเทียน ทันใดที่เขาเกิดความคิดที่จะแก้แค้นขึ้นมา ไม่ต้องพูดถึงว่าเย่เซิ่งเทียนจะไม่ปล่อยเขาไป เฉินซือเลี่ยงก็จะฆ่าทั้งครอบครัวเขาให้ตายสิ้นเช่นกัน!

ในตอนนี้ มีเพียงได้รับอภัยจากเย่เซิ่งเทียนเท่านั้น ตระกูลไป๋ถึงจะสามารถรอดชีวิตไปได้

“หลี่เซียงหลันและมู่ซิ่วหลินสมรู้ร่วมคิดกับฉัน และลงมือกับคุณเย่ท่าน หลี่เซียงหลันบอกว่าตราบใดที่ทำให้พวกเจ้าตาย ตระกูลหลี่ก็จะตกอยู่ในมือของพวกเขา เมื่อถึงเวลานั้นจากนั้นตระกูลไป๋ของเราก็จะได้เป็นผู้ครอบครอง”

นี่มันก็สมเหตุสมผลดีแล้ว

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เดินเข้ามาถึงไป๋เฟิงก็เริ่มหาเรื่องในทันที

หวางซีไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นหลี่เซียงหลันและมู่ซิ่วหลิน พวกเขากล้าที่จะทรยศ และสมรู้ร่วมคิดกับคู่ต่อสู้ของตระกูลหลี่งั้นเหรอ!

คนแบบนี้ มันช่างไร้กาจจริงๆ!

“ไม่ได้ ฉันจะต้องบอกเรื่องนี้ให้คุณปู่ทราบ!”

หวางซีพูดอย่างโกรธเคืองว่า