บทที่ 406 นี่คือการยั่วยุ

The king of War

หานเซี่ยวเทียนสีหน้าตกใจ พูดอย่างกังวล “ดูจากความสามารถของคนคนนั้น อยู่ในสมาคมบูโด น่าจะมีอำนาจและตำแหน่งที่สูงมาก ต่อให้เป็นหัวหน้าสาขาของสาขาเจียงผิง เกรงว่ายังเทียบไม่ติดครับ”

“ถูกสมาคมบูโดจับจ้อง เป็นความยุ่งยากมากจริงๆ ครับ!”

ถึงแม้หานเซี่ยวเทียนจะรู้สถานะของหยางเฉิน แต่หลังจากดูคลิปวิดีโอที่ตระกูลเว่ยพังพินาศจบ ในใจเขาไม่มั่นใจเช่นกัน

โดยเฉพาะอีกฝ่ายหนึ่งแสดงความสามารถออกมา ดูยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน ล้วนเกินกว่าจินตนาการของเขาหมดเลย

หยางเฉินหน้าตาไร้อารมณ์พูดว่า “ในเมื่ออีกฝ่ายพุ่งเป้ามาที่ผม หลังพังตระกูลเว่ยแล้ว กลับไม่ได้มาหาผมในทันที ต้องมีความกังวลอะไรอยู่แน่”

“ตอนนี้ พวกเรารอไปก่อนดีกว่า ไม่ว่าเป็นใคร กล้ามาหาผมจริง งั้นผมจะทำให้เขาหายสาบสูญแน่!”

คำพูดของหยางเฉินเต็มไปด้วยอารมณ์เผด็จการ บนหน้าก็ดูมั่นใจและหยิ่งทะนงเต็มที่

เขาเป็นจอมพลชายแดนเหนือผู้น่าเกรงขาม แค่พวกอิทธิพลบูโดที่ธรรมดากลุ่มหนึ่ง บอกว่าฆ่าก็ฆ่าได้งั้นเหรอ?

ถ้าสามารถฆ่าเขาให้ตายง่ายดายขนาดนั้นจริง งั้นเขาคงไม่มีสิทธิ์ถูกเรียกว่าเป็นเทพสงครามผู้ชนะแล้ว!

หานเซี่ยวเทียนมีความเชื่อใจต่อหยางเฉินอย่างน่าประหลาด ฟังหยางเฉินพูดแบบนี้ จึงรู้ว่าเขามีความมั่นใจ ถึงค่อยๆ โล่งอกไปทีหนึ่ง แต่ในใจลึกๆ ยังคงเต็มไปด้วยความกังวล

“ท่านประธานคะ เมื่อสักครู่มีคนส่งบัตรเชิญมาค่ะ บอกว่ามีเรื่องที่สำคัญอย่างมากแจ้งท่านให้ทราบ จำเป็นต้องให้ท่านเปิดด้วยตนเองค่ะ!”

ในเวลานี้เอง ประตูห้องทำงานถูกเคาะเปิด

เลขาฯ สาวที่หน้าตาสวยหวานคนหนึ่ง ในมือถือบัตรเชิญเดินทองฉบับหนึ่งไว้ ยื่นให้หยางเฉินด้วยความระมัดระวัง จากนั้นออกไป

“สมาคมบูโด!”

หน้าซองบัตรเชิญ ตัวอักษรใหญ่สไตล์โบราณ เขียนได้อย่างมีพลัง

“คุณหยางเฉิน!”

“กำหนดเวลาเดือนสิงหาคมวันที่สิบห้า ตอนสิบโมงเช้า ที่ศูนย์กีฬาเมืองเอก จัดงานต่อสู้ของเจียงผิง เพื่อกำหนดราชาเจียงผิง!”

“ถึงตอนนั้นรอคอยท่านให้เกียรติมาร่วมงานด้วยความเคารพ!”

“สมาคมบูโดสาขาเจียงผิง!”

บัตรเชิญมาตรฐานฉบับหนึ่งที่ถูกต้องตามหลัก กลับทำให้หยางเฉินรู้สึกถึงพลังอำนาจที่กระโจนออกมา

ที่งานประชุมแลกเปลี่ยนวันนั้น เขาถูกเรียกอย่างเคารพว่าราชาเจียงผิง แต่ตอนนี้ สมาคมบูโดสาขาเจียงผิง ภายในบัตรเชิญ กลับแสดงชัดเจนว่าใช้กำลังการต่อสู้ มากำหนดราชาเจียงผิง

นี่ชัดเจนว่าคือการยั่วยุต่อหยางเฉิน!

หานเซี่ยวเทียนก็มองเห็นเนื้อหาบนบัตรเชิญแล้ว ชั่วขณะนั้นโกรธจัด “สารเลว! ที่เจียงผิง ตกไปถึงมือสมาคมบูโดมาตัดสินใจได้ตั้งแต่เมื่อไร?”

หยางเฉินสีหน้านิ่งเรียบอย่างยิ่ง ไม่มีความรู้สึกแปลกใจสักนิด หรี่ตาพูดว่า “ในเมื่อพวกแกอยากหาที่ตาย งั้นฉันจะทำให้สมหวังเอง!”

พอได้ยิน หานเซี่ยวเทียนตกใจ รีบพูดโน้มน้าวทันที “คุณหยางครับ ด้วยตำแหน่งสถานะของท่าน จำเป็นต้องไปลงสนาม สู้กับสมาคมบูโดด้วยตัวเองเหรอครับ?”

ในตระกูลใหญ่เหล่านี้ของเจียงผิง มีเพียงหานเซี่ยวเทียนที่รู้ดีถึงสถานะแท้จริงของหยางเฉิน

ในคลิปวิดีโอที่พังตระกูลเว่ยย่อยยับ เขาเป็นกังวลแทนหยางเฉินทันใด แต่เขากลับเข้าใจดี อย่าว่าแต่ผู้แข็งแกร่งของสมาคมบูโดเลย แม้แต่เป็นหัวหน้าสมาคมของสมาคมบูโดมาเอง ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางเฉิน

จอมพลของชายแดนเหนือ ไม่ว่าอยู่ในใจของทหารชายแดนเหนือคนใดก็คือเทพ!

ผู้แข็งแกร่งของสมาคมบูโดคนหนึ่ง มีสิทธิ์อะไรมาปะทะกับเทพในใจของเขาได้?

หยางเฉินส่ายหน้าเล็กน้อย “เรื่องที่นี่จบแล้ว ถึงเวลาต้องไปเมืองเยี่ยนตูสักรอบ ศึกครั้งนี้ สำหรับผมแล้ว บางทีอาจเป็นเรื่องดี”

พอได้ยิน ในใจหานเซี่ยวเทียนตื่นตกใจ

คาดไม่ถึงคุณหยางอยากไปเมืองเยี่ยนตู นี่คือคิดจะไปหาตระกูลอวี๋เหวิน เพื่อแก้แค้นที่ตอนนั้นโดนไล่ออกจากตระกูลเหรอ?

ในเวลานี้เอง หานเซี่ยวเทียนได้รับข่าวมาแล้ว สมาคมบูโดส่งบัตรเชิญไปให้เขาเหมือนกัน ก็คือเชิญตระกูลหาน เดือนสิงหาคมวันที่สิบห้า ที่ศูนย์กีฬาเมืองเอก ใช้การต่อสู้กำหนดราชาเจียงผิง

ไม่เพียงแค่หยางเฉินและหานเซี่ยวเทียน ยังมีตระกูลเฉิน ตระกูลกวน และตระกูลใหญ่ชั้นนำแต่ละเมืองตระกูลอื่น ล้วนได้รับบัตรเชิญกันแล้ว

เมื่อคืนนี้ ข่าวที่ตระกูลเว่ยพังพินาศพึ่งแพร่ไปทั่วทั้งเจียงผิง ผู้คนรู้สึกหวาดวิตก

ทุกคนพึ่งได้รับข่าวมา จากนั้นก็ได้รับบัตรเชิญของสมาคมบูโดอีก

ทันใดนั้น ตระกูลใหญ่มากมายรีบเรียกประชุมเร่งด่วนทันที

ครั้งก่อนงานประชุมแลกเปลี่ยนที่จัดขึ้นที่โรงแรมจงโจว สำหรับพวกเขานั้น คือการต่อสู้ครั้งหนึ่ง

ปัจจุบันนี้ ก็เป็นการต่อสู้อีกครั้งหนึ่ง

ในบัตรเชิญของสมาคมบูโด ถึงแม้จะเป็นการเชิญชวนพวกเขาไปเข้าร่วมงานต่อสู้ ใช้กำลังกำหนดราชาเจียงผิง

แต่พวกเขาไม่ใช่ไม่มีปัญญารู้ตัวเอง เจียงผิงในปัจจุบันนี้ นอกจากหยางเฉินแล้ว ยังมีใครกล้าใช้กำลังปะทะกับสมาคมบูโดอีก?

“ตระกูลเว่ย จะต้องโดนสมาคมบูโดทำลายทิ้งแน่!”

“สมาคมบูโดอยากจะจัดงานต่อสู้ ชัดเจนว่าพุ่งเป้าไปที่คุณหยางแน่นอน!”

“ตระกูลเว่ยพังพินาศ เห็นได้ชัดเป็นสมาคมบูโดแสดงอำนาจให้คุณหยางเห็น!”

……

แต่ละเมืองของมณฑลเจียงผิงล้วนเป็นเสียงถกเถียงกันไปทั่วทุกที่

เมืองเจียงโจว คฤหาสน์วิวทะเลแห่งหนึ่ง

หญิงวัยกลางคนที่เย็นชาแต่สง่างามคนหนึ่ง นั่งอยู่หน้าระเบียงคฤหาสน์ สายตาทอดยาวมองไปยังทะเลที่ห่างไกล

ด้านหลังของเธอ บอดี้การ์ดวัยกลางคนคนหนึ่ง ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเคารพ

“คุณนายครับ เมื่อสักครู่นี้ สมาคมบูโดสาขาเจียงผิงส่งบัตรเชิญไปให้แต่ละตระกูลใหญ่ของเจียงผิงแล้ว กำหนดวันที่สิบห้าเดือนสิงหาคมเวลาสิบโมงเช้า ที่ศูนย์กีฬาเมืองเอก จัดงานต่อสู้ เพื่อกำหนดราชาเจียงผิงครับ!”

บอดี้การ์ดวัยกลางคน ยืนอยู่ด้านหลังผู้หญิง พูดด้วยหน้าตาเคารพนบนอบ

ผู้หญิงคนนี้ ย่อมเป็นเย่ม่านที่มาจากตระกูลเย่เมืองเยี่ยนตู และเป็นมารดาแท้จริงของฉินซี

บอดี้การ์ดวัยกลางคน คือผู้แข็งแกร่งที่ติดตามคุ้มครองเย่ม่าน เหลียงเหลียน

“หือ? นี่คือสมาคมบูโดอยากวางแผนแทรกแซงเรื่องของเจียงผิง?”

เย่ม่านขมวดคิ้ว ในสีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ

เหลียงเหลียนพยักหน้า พูดว่า “ว่ากันว่าท่านเก้าของสมาคมบูโดอยู่ที่เจียงผิงแล้วครับ ครั้งนี้ เกรงว่าเขาอยากจะออกหน้าครับ”

“ในสมาคมบูโด ท่านที่ความสามารถอยู่ลำดับเก้านั้น? หนิวเกนหุยน่ะเหรอ?”

เย่ม่านถามอย่างตื่นตกใจ

เหลียงเหลียนตอบว่า “ก็คือหนิวเกนหุยครับ! เมื่อคืนนี้ เขาใช้กำลังของตัวเองคนเดียว พังตระกูลท้องถิ่นแห่งหนึ่งของเมืองเจียงโจวย่อยยับ ข่าวลือว่าเป็นเพราะการตายของน้องชายแท้ๆ ของเขา มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเว่ยครับ”

“เจียงผิง นี่คงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่สินะ!”

เย่ม่านพูดพึมพำเสียงเบา ในสายตาประกายแววตาเฉียบแหลม

ครั้งนี้มาเมืองเจียงโจว เธอพกภารกิจมาด้วย

ทว่าแม้แต่ราชาเจียงผิงที่เธออยากพบยังหาไม่เจอ สมาคมบูโดอยากตัดหน้าเธอไปก้าวหนึ่ง จัดงานต่อสู้ที่เจียงผิงขึ้น

ความจริงเป้าหมายของตระกูลเย่และสมาคมบูโดต่างคืออย่างเดียวกัน นั่นคือควบคุมเจียงผิง

เพียงสิ่งเดียวที่ไม่เหมือนคือ ตระกูลเย่อยากตีสนิทกับราชาเจียงผิง ส่วนสมาคมบูโด อยากช่วงชิงสิทธิ์ควบคุมของเจียงผิงกับราชาเจียงผิง

“คุณนายครับ เรื่องนี้เกินกว่าขอบเขตการจัดการของพวกเรา ผมแนะนำว่ารายงานต่อตระกูลตามจริงดีกว่าครับ!”

เหลียงเหลียนเอ่ยปากบอกทันใด

ถึงแม้เขาจะเป็นผู้แข็งแกร่งข้างกายเย่ม่าน แต่ความจริงอยู่ที่ตระกูลเย่ ยังถือว่าไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งชั้นนำ

ส่วนหนิวเกนหุย อยู่ที่สมาคมบูโด เป็นถึงผู้แข็งแกร่งลำดับที่เก้า

ถ้าสู้กับหนิวเกนหุยเข้าจริง เขาไม่มีแผนการแม้แต่น้อย

ถ้าราชาเจียงผิงชนะ ยังดีไป ถึงพวกเขาไม่มีทางให้ราชาเจียงผิงกับตระกูลเย่แต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ได้ อย่างน้อยยังสามารถคิดหาวิธีผูกมิตรไว้ได้

แต่ถ้าเกิดสมาคมบูโดชนะ งั้นทั้งเจียงผิงล้วนต้องตกอยู่ในมือของสมาคมบูโด ตระกูลเย่คงทำได้เพียงถอยออกจากการช่วงชิงเจียงผิง

คำพูดของเหลียงเหลียน กลับทำให้เย่ม่านขมวดคิ้วแน่น พูดอย่างไม่พอใจ “เหลียงเหลียน ช่วงนี้ คำพูดของนายมากไปหน่อยนะ!”