ตอนที่ 664 ข้ากลัว กลัวว่าจะไม่ได้พบหน้าเจ้าอีก
นั่นเองทำให้หลิงอวี้จื้อเพิ่งจะรู้สึกตัว เซียวเหยี่ยนไหนเลยจะไม่หึงหวง เพียงแต่เขาปากแข็งเท่านั้น หากนางเผลอบอกไปว่าเฉินมั่วฉือดีกับนางอย่างไรบ้างละก็ เซียวเหยี่ยนจะต้องควันออกหูเป็นแน่ นางจึงจะหลงกลไม่ได้
“ฝ่าบาทดีกับข้าที่ไหนกันเล่า ในสายตาของข้า ฝ่าบาทเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งมาโดยตลอด วังหลวงก็น่าเบื่อจะตายไป ข้าเอาแต่คิดถึงท่านอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ตกกลางคืนก็คิดถึง หลับตาลงก็คิดถึง ลืมตาก็ยังคงคิดถึง”
หลิงอวี้จื้อที่อยู่บนหลังโอบรอบคอเซียวเหยี่ยนแนบชิด
“ในทุกๆ วันข้าหมดเวลาส่วนใหญ่ไปกับการคิดถึงท่านแทบทั้งสิ้น”
เซียวเหยี่ยนแสดงออกอย่างชัดเจนว่าพึงพอใจกับคำตอบของหลิงอวี้จื้อ รอยยิ้มที่มุมปากของเขาชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“อวี้จื้อ เจ้ากลับมาแล้วก็ดี ต่อไปอย่าไปจากข้าอีกเลย”
“อื้ม ข้าจะไม่ไปไหนอีกแล้ว ข้าเองก็ไม่อยากจากเจ้าไป ไม่มีเจ้าอยู่เคียงข้าง หัวใจของข้าอ้างว้างว่างปล่าเปลี่ยวเหลือเกิน พวกเราจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป”
“อื้ม มีชีวิตอยู่ต่อไป”
เซียวเหยี่ยนไม่อยากที่จะเผชิญกับการจากตายเช่นนี้อีกแล้ว นับแต่นี้ต่อไป เขาจะยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อปกป้องหลิงอวี้จื้อ เขาจะไม่ยอมเสียนางไปอีกแล้ว ไม่มีนางเขาไหนเลยจะไม่รู้สึกอ้างว้างเดียวดาย หัวใจราวกับขาดอะไรไป แม้แต่จะยิ้มยังทำไมได้
หลิงอวี้จื้อกอดคอเซียวเหยี่ยนแน่น นับว่าสวรรค์ดีกับนางไม่น้อยอย่างน้อยที่สุดก็ให้นางกลับมาที่นี่อีกครั้ง แม้ว่าจะผ่านไปถึงห้าปี แต่ได้กลับมาพบกับเขาก็เพียงพอแล้ว
“อวี้จื้อ ห้าปีที่ผ่านมานี้ เจ้าไปอยู่ที่ไหนกัน?”
“ข้าไม่ได้ไปไหนนี่นา ข้าลืมตาตื่นมา เวลาก็ผ่านไปห้าปีแล้ว สำหรับข้าแล้วเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น อาเหยี่ยน เรื่องอื่นไม่สำคัญ ขอเพียงเราสองคนได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งก็พอ เจ้าไม่รู้หรอกว่า ข้าหวาดกลัวมากเพียงใด ข้ากลัว หลัวว่าจะไม่ได้พบเจ้าอีกแล้ว”
“เด็กโง่”
น้ำเสียงของเซียวเหยี่ยนเปี่ยมด้วยความรักทั้งยังอ่อนโยน และเขาก็ไม่ลืมที่จะยีผมของหลิงอวี้จื้ออีกครั้ง ส่วนหลิงอวี้จื้อก็เอ่ยประท้วงอย่างไม่ยอมว่า
“ข้าจะตกอยู่แล้วนะ เวลาผ่านไปตั้งหลายปี ตอนนี้ข้าก็ไม่เตี้ยแล้วด้วย แต่เจ้ายังชอบยีผมข้าไม่เลิก”
“ฮ่าๆ”
เซียวเหยี่ยนอารมณ์ดียิ่งนักถึงกับหัวเราะร่วนออกมา ทำเอาองค์รักษ์ที่ได้ยินต่างก็มองหน้ากันเลิกลั่ก แต่ละคนยังคิดว่าตนเองหูฝาดไปตามๆ กัน เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นผู้เป็นนายหัวเราะอย่างมีความสุขเช่นนี้มาก่อนเลยสักครั้ง
เมื่อหลิงอวี้จื้อนึกถึงคำพูดของมั่วชิงขึ้นมา นางก็รู้สึกเจ็บแปลบในใจ
“อาเหยี่ยน เจ้ายิ้มแล้วงดงามยิ่งนัก จริงๆ นะ งดงามเหลือเกิน”
“เจ้าชอบหรือไม่?”
“ข้าต้องชอบอยู่แล้ว”
“เช่นนั้นข้าจะยิ้มให้เจ้ามากๆ อวี้จื้อ พรากจากเจ้า ข้าไม่รู้เลยว่ายิ้มนั้นเป็นอย่างไร”
“เจ้าคือสิ่งที่ทำให้ข้ามีความสุข”
ใช่แล้ว นางคือสิ่งที่ทำให้เขามีความสุข ไม่เพียงแต่มีความสุข ยังเป็นเครื่องงย้ำเตือนให้เขามีชีวิตอยู่ มีนางอยู่ เซียวเหยี่ยนถึงได้รู้สึกว่าตนเองคือมนุษย์ที่มีเลือดมีเนื้อ
เซียวเหยี่ยนพาหลิงอวี้จื้อลงจากเขา และด้วยเกรงว่าเขาจะเหน็ดเหนื่อยเกินไป นางจึงให้เขาวางนางลง
เมื่อวางหลิงอวี้จื้อลงเดินเองแล้ว เซียวเหยี่ยนจึงถือโอกาสจับมือนางเสียเลย คนทั้งสองเดินเคียงข้างกันยิ้มหัวเราะให้กันไปตลอดทาง จนกระทั่งเข้าสู่ตัวเมืองที่ใกล้ที่สุดได้ทันก่อนที่ฟ้าจะมืด
เมืองนี้เป็นเมืองที่ไม่ใหญ่นัก จึงมีโรงเตี๊ยมเพียงแค่ที่เดียว
เซียวเหยี่ยนต้องการห้องที่ดีที่สุดเพียงหนึ่งห้อง ทว่าเถ้าแก่กลับกล่าวตอบด้วยสีหน้าเจือขออภัยว่า
“นายท่าน ต้องขอประทานโทษจริงๆ ขอรับ ห้องๆ นี้ถูกคนจองเอาไว้แล้ว นายท่านจะรับเป็นห้องอื่นได้หรือไม่ขอรับ?”
เถ้าแก่เอ่ยตอบไปในใจก็รู้สึกเสียดายยิ่งนัก ปกติแล้วห้องๆ นี้จะว่างอยู่เสมอ เมืองนี้มีคนจำนวนไม่มาก ดังนั้นโรงเตี๊ยมจึงไม่เคยห้องพักเต็มมาก่อน ยิ่งห้องที่ดีที่สุดห้องนั้นคนเข้าพักยิ่งน้อยเสียกว่าน้อย
ก็ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร ถึงได้มีแขกต้องการพักห้องนั้นถึงสองกลุ่ม ซึ่งมองดูแล้วพวกเขาล้วนแต่เป็นแขกที่กระเป๋าหนักทั้งคู่ อีกทั้งๆ ห้องๆ นั้นเข้าพักเพียงคืนเดียวเท่ากับเข้าพักห้องธรรมดาได้ราวสิบวันเห็นจะได้
ตอนที่ 665 โลกช่างกลมจริงๆ
“เช่นนั้นก็เอาห้องที่เหลืออยู่ให้พวกเราสักห้อง สะอาดสักหน่อยก็แล้วกัน”
หลิงอวี้จื้อตัดสินใจให้ทุกคน
ตลอดเวลาที่เดินทางลงเขามาเซียวเหยี่ยนเอาแต่กุมมือหลิงอวี้จื้อเอาไว้ตลอดเวลาไม่ยอมปล่อย
ส่วนหลิงอวี้จื้อในตอนนี้ก็กำลังคิดว่า เมื่อเข้าห้องแล้วจะเป็นฝ่ายรุกเซียวเหยี่ยน อื้ม…ออกจะร้ายกาจไปสักหน่อย แต่นางก็อยากที่จะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนสักครั้ง
น่าเสียดายที่อีกไม่นานแผนการของนางก็จะถูกคนทำลายลงเสียแล้ว
เถ้าแก่ดูออกว่าผู้ที่มาคือแขกมีระดับ ดังนั้นจึงรีบหยิบกุญแจห้องนำเดินพวกเขาขึ้นไปด้านบน เดินมาจนกระทั่งถึงบริเวณมุมของโรงเตี๊ยม เซียวเหยี่ยนและหลิงอวี้จื้อก็ต้องหยุดชะงักฝีเท้า เพราะคนที่กำลังเดินตรงมายังพวกเขาคือเจียงสือ ขณะที่สายตาของนางกำลังจับจ้องมายังมือของเซียวเหยี่ยนและหลิงอวี้จื้อที่กำลังจับกันเอาไว้ด้วยสีหน้าเ**้ยมเกรียม ขณะเดียวกันก็แสดงอาการตกลึงงันไปชั่วขณะ
หลิงอวี้จื้อเองก็นึกไม่ถึงว่าจะได้พบเจียงสือที่นี่ ฉับพลันบรรยากาศก็เริ่มเย็นยะเยือกจนถึงขีดสุด กระทั่งหลิงอวี้จื้อสัมผัสได้ถึงไอสังหารอันหนักหน่วงที่แผ่กระกายออกมาจากเซียวเหยี่ยนและเจียงสือ
เซียวเหยียนปล่อยมือ เข้าดันหลิงอวี้เจียงไปหลบไว้ที่ด้านหลังของตน เห็นได้ชัดว่าเขาลืมเลือนไปเสียแล้วว่าฐานะของหลิงอวี้จื้อในตอนนี้คือเจียงอวี้
“เที่ยวตามหาจนรองเท้าสึกไม่พบพาน แต่ยามได้มากลับมิต้องเปลืองแรงอันใดเลยจริงๆ ที่แท้แล้วประมุขเจียงก็หลบอยู่ที่นี่เอง”
ดวงตาของเซียวเหยี่ยนฉายแววอาฆาตมาดร้ายออกมาอย่างหนักหน่วง หลายปีมานี้เขาเที่ยวส่งคนตามหาเจียงสือไปทุกที่
เพียงแต่เจียงสือเอาเล่นเกมส์แมวจับหนูกับเขาอยู่ร่ำไป บวกกับที่เขาต้องรับมือกับเฉินมั่วฉือและมู่หรงกวานเย่ว์ ดังนั้นจึงไม่อาจต่อทุ่มเทแรงกายแรงใจสู้กับเจียงสือได้อย่างเต็มที่ ทำให้เจียงสืออยู่รอดมาจนถึงวันนี้
สมองของเจียงสือทำงานอย่างรวดเร็ว นางไตร่ตรองเรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่เฉินมั่วฉือที่แลดูจะรักใคร่เจียงอวี้นักหนาและแววตาของเซียวเหยี่ยนยามเมื่อทอดมองเจียงอวี้รวมถึงนิสัยและอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากของเจียงอวี้หลังจากที่ฟื้นขึ้น พลันนางก็เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาในทันที
หากว่าเฉินมั่วฉือแต่งตั้งเจียงอวี้ให้เป็นสนมหยวนเพราะรักชอบเจียงอวี้ละก็
เช่นนั้นการที่เซียวเหยี่ยนปฏิบัติต่อเจียงอวี้เช่นนี้ย่อมต้องมีเหตุผลอื่นอย่างแน่นอน
ใครๆ ต่างก็รู้โดยทั่วว่านับตั้งแต่หลิงอวี้จื้อตายไป เซียวเหยี่ยนก็ไม่เคยมีหญิงใดเข้ามาแทนที่ และที่ผ่านมาเซียวเหยี่ยนก็ไม่เคยรู้จักมักคุ้นกับเจียงอวี้มาก่อน ดังนั้นการที่เซียวเหยี่ยนปฏิบัติต่อเจียงอวี้ใกล้ชิดเพียงนี้ มีเพียงเหตุผลเดียว นั่นก็คือหญิงที่อยู่ตรงหน้านี้คือ หลิงอวี้จื้อ
“เจ้าไม่ใช่เจียงอวี้?”
แม้ว่าเจียงอวี้เอ่ยปากจะซักถามอีกครั้ง แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นกลับแสดงถึงความแน่ใจในคำถาม
หลิงอวี้จื้อเองก็ไม่ต้องการที่จะเรียกเจียงสือว่าพี่อีกต่อไป นางรู้สึกขัดเขินเหลือเกิน ทุกครั้งที่เห็นเจียงอวี้มักจะทำให้นางพาลนึกถึงเหตุการณ์น่าสลดหดหู่ที่เมืองเถาหยวน หวนนึกถึงหนานเยียนและชุนเหนียงที่ต้องตายอย่างน่าอนาถ การเสแสร้งที่จำใจก่อนหน้านี้ บัดนี้ไม่จำเป็นต้องแสดงอีกต่อไปแล้ว คิดได้ดังนั้นหลิงอวี้จื้อจึงเดินตรงเข้าไปหาเจียงสือ ทั้งเป็นฝ่ายคว้ามือของเซียวเหยี่ยนมากุมไว้ แล้วยอมรับอย่างผ่าเผยว่า
“ใช่ ข้าไม่ใช่เจียงอวี้จริงๆ”
“เจ้าคือหลิงอวี้จื้อ?”
คราวนี้หลิงอวี้จื้อไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ
นั่นเท่ากับว่านางได้ยอมรับกลายๆ ในฐานะที่แท้จริงของตนเองแล้ว ได้รู้เช่นนั้นทำเอาเจียงสือถึงกับเซถลาสองสามก้าว นี่
‘นางคือหลิงอวี้จื้อ แล้วน้องสาวของนางละไปอยู่ที่ไหนกัน?’
“เจียงอวี้ตายไปแล้ว ข้ากลับกลายเป็นนาง มันคือความบังเอิญ”
เจียงสือใช้มือค้ำยันราวกั้นไม้เอาไว้แน่จนเส้นเลือดที่มือปูดโปน ซึ่งหลิงอวี้จื้อเห็นอย่างชัดเจนว่าราวไม้นั้นยุบลงไปมากทีเดียว จนดูแลว่ามันสามารถหักออกได้ตลอดเวลาจนหลิงอวี้จื้อต้องกลั้นใจจนเผอลกัดลิ้นตนเองหลายครั้ง
กำลังภายในของเจียงสือแข็งแกร่งเหลือเกิน เทียบเท่าสว่านไฟฟ้าเลยก็ว่าได้
ในโลกใบนี้เจียงอวี้คือญาติสนิทเพียงคนเดียวของเจียงสือและก็คือญาติสนิทที่เจียงสือห่วงใยรักใคร่ที่สุด เพื่อที่จะให้เจียงอวี้ฟื้นคืนชีพ เจียงสือทำทุกวิถีทาง แต่สุดท้ายก็รั้งนางไว้ได้เพียงแค่ห้าปี นางยังคงจากไปในที่สุด
ซึ่งเจียงสือได้โยนหินอาตมันและไข่มุกเมฆาสวรรค์ทิ้งลงทะเลไปตั้งนานแล้วด้วย ครั้งนี้จึงไม่อาจทำให้เจียงอวี้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีก และตอนนี้ร่างของเจียงอวี้ก็ถูกหลิงอวี้จื้อครอบครองเอาไว้
เรื่องราวทั้งหมดนี้สำหรับเจียสือแล้วประหนึ่งถูกฟ้าผ่าลงมากลางวันแสกๆ ก็ว่าได้ ทั้งๆ ที่เจียงอวี้ยังมีชีวิตอยู่ ทว่านางกลับมิใช่เจียงอวี้อีกต่อไปแล้ว และภายหน้านางก็จะยืนเคียงข้างเซียวเหยี่ยน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจียงสือก็เคียดแค้นจนทนไม่ไหว เซียวเหยี่ยนคือศัตรูตัวฉกาจของสำนักอู๋จี๋ แล้วร่างของเจียงอวี้จะยืนอยู่ข้างเขาได้อย่างไรกัน