เสียงปลายสายโทรศัพท์มีความลังเลอยู่ไม่น้อยที่จะพูดออกมา “จินเหลียน พูดกันในโทรศัพท์คงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ผมยังมีเรื่องที่อยากจะพูดกับคุณ ถ้าอย่างนั้นเราค่อยหาเวลานัดกันเถอะครับ”
“คุณว่างเมื่อไหร่” ซีเหมินจินเหลียนถาม เพราะเธออย่างไรก็ได้ แต่ไม่รู้ว่าตอนไหนหลินเสวียนหลานถึงมีเวลา เพราะว่าช่วงนี้บริษัทตระกูลหลินคงจะต้องการตัวเขาอยู่ไม่น้อย
“วันมะรืนนี้ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมไปหาคุณ ตกลงไหมครับ” หลินเสวียนหลานถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนตอบออกไป
“ไม่มีปัญหาค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงกันตามนี้นะครับ พรุ่งนี้ผมจะให้ลูกค้าคนนั้นไปหาคุณ พวกคุณก็คุยรายละเอียดกันได้เลย” หลินเสวียนหลานพูดจบก็วางสายไป
ซีเหมินจินเหลียนถือโทรศัพท์เอาไว้และได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ฟังน้ำเสียงจากต้นสายเมื่อสักครู่นี้แล้ว ดูเหมือนว่าจะมีหลายเรื่องที่ไม่เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ เขาน่าจะเป็นคนที่มีความตั้งใจสูง ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้
“คนแซ่หลินนั่นก็ไม่ใช่คนดีอะไรหรอก” ในใจของจ่านป๋ายรู้สึกเหยียดหยาม เรื่องกำลังไปได้ดีอยู่แล้วแท้ๆ เขาอุตส่าห์สร้างบรรยากาศที่โรแมนติกขึ้นมา แต่ก็ถูกหลินเสวียนหลานทำให้พังทลายต่อหน้าต่อตาได้
“ฉันจะลงไปอาบน้ำนอนแล้ว คุณก็เก็บกวาดห้องนี้ด้วยล่ะ” ซีเหมินจินเหลียนหมุนตัวบอกไปยังจ่านป๋าย พร้อมส่งยิ้มอย่างชั่วร้าย
“อะไรนะครับ?” จ่านป๋ายรู้สึกตั้งตัวไม่ถูก เก็บกวาด? ห้องนี้มีอะไรให้เก็บกวาดกัน
“ดอกไม้พวกนี้ถ้าอยู่ในห้องนี้ก็อาจจะแห้งเ**่ยวเฉาตาย ไม่สู้เอาไปวางไว้ที่ด้านล่าง จะเห็นได้ชัดหน่อยอย่างไรคะ”
“ยังจะให้ย้ายลงไปด้านล่างอีกเหรอครับ” จ่านป๋ายมองไปยังดอกไม้สดที่เรียงรายอยู่นั้น ได้แต่ส่งสีหน้าโศกเศร้าเสียใจ นานๆ ทีจะโรแมนติกขึ้นมา แต่คิดไม่ถึงว่าซีเหมินจินเหลียนจะเปลี่ยนให้กลายเป็นการใช้แรงงานไปเสียได้
“ฉันไม่ได้สั่งให้คุณขายทิ้งไป ก็ดีเท่าไหร่แล้ว” ซีเหมินจินเหลียนพูดจบก็เดินลงไปด้านล่าง จ่านป๋ายเห็นเงาด้านหลังของเธอ เขาก็ได้แต่ส่ายหน้า แม้ว่าแผนการโรแมนติกจะไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อยก็คุ้มค่า เพราะวันนี้เธอก็ดูมีความสุขมาก
เราจะไม่รีบร้อน ในอนาคตยังมีโอกาสอยู่ อย่างน้อยก็อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ซีเหมินจินเหลียนก็พูดถูก ปกติพวกเขาจะเดินขึ้นชั้นสามมาน้อยมาก ถ้าจะวางดอกไม้ไว้บนนี้ก็คงจะแห้งเ**่ยวอยู่บนนี้จริงๆ มันก็ดูจะเปลืองเงินไปหน่อย แต่ถ้าย้ายลงไปด้านล่าง วางไว้ที่ห้องรับแขกน่าจะไม่เลว
เมื่อคิดได้เท่านี้ จ่านป๋ายก็จัดการนำดอกไม้ทั้งหมดลงไปที่ห้องรับแขกด้านล่าง เมื่อซีเหมินจินเหลียนกลับห้อง เธอก็ปิดประตูลงกลอนสนิท แล้วก็โทรศัพท์ไปหาเบอร์ที่คุ้นเคย
“บอกว่าอย่าหลงรักพี่ไง พี่น่ะเป็นตำนาน…” เมื่อรับสาย เสียงของจินอ้ายกั๋วก็บ่นพึมพำออกมา
“ฉันเองค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนหัวเราะ ถือว่ามีศีลธรรมผิดชอบชั่วดีอยู่บ้าง
“จินเหลียน!” เสียงภายในโทรศัพท์ชัดขึ้นมา
“ทำอะไรอยู่คะ” ซีเหมินจินเหลียนถามพร้อมเงยหน้าไปมองที่นาฬิกา ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาสี่ทุ่ม ตามหลักแล้วยังไม่ใช่เวลานอนของจินอ้ายกั๋ว
“จินเหลียน พี่…พี่…แพ้อย่างน่าสงสาร…” เจ้าของเสียงพูดออกมาด้วยเสียงที่เหมือนร้องไห้ขี้มูกโป่ง
“สมควรแล้วค่ะ ก็บอกแล้วว่าให้เลิกพนันได้แล้ว” ซีเหมินจินเหลียนไม่รู้จะด่ายังไง “พี่ก็อายุไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ถึงจะไม่ได้คิดเพื่อตัวเองก็ควรจะคิดเพื่อน้องสาว หรือคุณป้าคุณลุงไว้บ้าง”
“ชีวิตของพี่ก็ไม่มีงานอดิเรกอะไร เลยอยากลองเสี่ยงดูบ้าง ไม่สามารถตัดขาดได้ ถึงจะตัดนิ้วของฉัน ก็ยังไม่ทำให้ฉันเลิกพนันได้” จินอ้ายกั๋วถอนหายใจ “จินเหลียน เธอโทรหาพี่มีเรื่องอะไรเหรอ”
“อืม” ซีเหมินจินเหลียนตอบรับ อึ้งอยู่นานถึงเริ่มปริปากถาม “คนเจ็บที่ฉันส่งไปที่คลินิกพี่ครั้งก่อน พี่ยังจำได้ไหมคะ”
“จำได้สิ ทำไมเหรอ หรือว่าเขาได้รับบาดเจ็บอีกแล้ว?”
“นี่พี่ก็หวังให้เขาบาดเจ็บอีกหรือไงกัน” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันขอถามพี่สักเรื่อง…”
“เธอถามมา ฉันฟังอยู่…” จินอ้ายกั๋วพูด
ซีเหมินจินเหลียนถือโทรศัพท์เอาไว้ แต่ก็อ้ำอึ้งอยู่นานไม่ยอมพูดออกมาสักที จนจินอ้ายกั๋วเร่งเร้า “จินเหลียน มีเรื่องอะไรกันแน่ เธอก็พูดออกมาตรงๆ เถอะ ทำไมอ้ำๆ อึ้งๆ กับพี่อยู่ได้”
“เขา…พิการจริงๆ เหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนทำใจกล้าพูดออกไปต่อ แม้ว่าจะไม่มีใครเห็น แต่สีหน้าก็เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
เสียงปลายสายอย่างจินอ้ายกั๋วเงียบอยู่ชั่วครู่จึงค่อยๆ พูดออกมา “จินเหลียน ทำไมเธอถึงอยากจะถามเรื่องนี้ขึ้นมา”
“อย่าสนใจเลย พี่ตอบคำถามฉันมาก็พอแล้ว!” ซีเหมินจินเหลียนนั่งอยู่บนปลายเตียงถามเขาอีกครั้ง
“อืม จะว่าอย่างไรดีล่ะ” จินอ้ายกั๋วขมวดคิ้ว “ตามหลักแล้ว ดูจากอาการที่เขาเป็นมันก็พิการจริงๆ แต่ว่าถ้าดูจากการฟื้นฟูพละกำลัง กำลังของเขาเรียกได้ว่ามากกว่าคนธรรมดาถึงสิบเท่า ฉันทำงานอยู่โรงพยาบาลมาตั้งนาน นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นคนแปลกแบบนี้ แต่ว่าที่นั่นฉันไม่สามารถรับรองได้ว่า ตอนนั้นการบาดเจ็บของเขาไม่ได้รักษาให้หายดี ไม่ทันได้บอกลาก็ออกจากโรงพยาบาลไป…”
ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างสงสัย “ความหมายของพี่ก็คือ พี่ก็ไม่แน่ใจ?”
“ใช่!” จินอ้ายกั๋วพูด “แต่ว่าดูจากการฟื้นตัวแล้ว เขาอาจจะหายดีแล้ว แต่ว่าคำถามนี้ก็ตอบได้ยากนะ เธอก็รู้ถึงจะไม่ใช่คนป่วย ก็มีความเป็นผู้ชายเยอะ ยิ่งกว่านั้นตอนนั้นอาการเจ็บสาหัส…” ชายหนึ่งหญิงหนึ่งพดคุยกันเรื่องนี้ มันก็น่าจะมีเคอะเขินบ้าง เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
ซีเหมินจินเหลียนนิ่งเงียบไม่พูดจาอยู่นาน เสียงปลายสายจึงถามว่า “จินเหลียน เธอถามแบบนี้ไปทำไมกัน คนคนนั้นเป็นใครกันแน่?”
“ฉันก็ไม่รู้ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจ เธอไม่รู้ว่าจ่านป๋ายเป็นคนยังไงกันแน่
“เธอจะถามแค่นี้เหรอ”
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่งค่ะ”
“หือ?” จินอ้ายกั๋วถามอย่างสงสัย “เธอไม่สบายตรงไหน หรือถ้าอยากจะทำแท้ง ฝีมือของพี่เป็นที่หนึ่งเลยนะ!”
“ไปให้พ้นเลย!” ซีเหมินจินเหลียนระเบิดลง “ระวังไว้เถอะ ฉันจะไปบอกน้องสาวของพี่!”
“อย่านะๆ…คิดซะว่าฉันไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน!” จินอ้ายกั๋วพูด น้องสาวของเขาไม่ใช่คนชอบหาเรื่องใคร เขาไม่อยากให้น้องสาวถือมีดผ่าตัดขึ้นมาฆ่าเขา
“ฉันอยากจะให้พี่พนันสักรอบ”
“พนัน?” จินอ้ายกั๋วได้ยินเช่นนั้นก็รวบรวมสติกลับมา “พนันกับใคร? จินเหลียน เธอไม่เล่นพนันไม่ใช่เหรอ”
“พี่ชนะได้อย่างเดียว ห้ามแพ้เด็ดขาด!” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“จินเหลียน ความสามารถอย่างพี่ ขนาดตอนนี้พี่ยังหาแฟนไม่ได้เลย?” จินอ้ายกั๋วยิ้มเฝื่อนออกมา ที่ไหนมีแต่ชนะไม่มีแพ้กัน?
“พนันสิบแพ้เก้า หรือพี่ไม่เคยรู้เรื่องนี้คะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
เสียงปลายสายไม่ได้พูดอะไรออกมา เส้นทางการพนันมักจะพนันสิบแพ้เก้า แต่เขาก็รู้ว่าไม่สามารถหาทางหลุดพ้นออกมาจากการพนันได้ ถึงจะรู้ว่าเป็นกับดักของคนอื่นที่ผลักให้เขาลงไป แต่เขาก็ขอทำตัวไม่รับรู้อะไร ชนะก็เป็นเรื่องที่ดี ถ้าแพ้ก็ยิ่งปล่อยมือลงไม่ได้
“พี่คะ ถ้าเรื่องสำเร็จไปด้วยดีฉันจะให้รางวัลตอบแทนเป็นเงินห้าล้าน!”
จินอ้ายกั๋วไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นเงิน แต่เมื่อเห็นซีเหมินจินเหลียนบอกว่าจะให้ค่าตอบแทนเป็นเงินห้าล้าน หัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นมา “เธอวางแผนมา อย่างไรฉันก็ไม่เคยแพ้!”
“ตกลงค่ะ ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนี้!” ซีเหมินจินเหลียนพูดต่อ “แค่นี้นะคะ” จากนั้นก็วางสายไปทิ้งตัวลงนอนพร้อมเบิกดวงตากว้างใหญ่
ถ้าทำตามอย่างที่ฉินเฮ่าและจ่านป๋ายวางแผนไว้ ต้องชนะหุ้นพนันของหลินเจิ้งก่อน จากนั้นหุ้นของบริษัทอัญมณีที่เหลือ ตระกูลหลินที่เหลือจะยินยอมเปลี่ยนเป็นเงินสดเท่าไหร่ก็เท่านั้น
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ไม่นานประตูก็เปิดออก จ่านป๋ายหิ้วดอกกุหลาบสีน้ำเงินเข้ามาในห้อง “จินเหลียน ดอกกุหลาบนี้วางไว้ในห้องคุณ น่าจะสวยดีนะ”
ซีเหมินจินเหลียนลุกขึ้นมาและรับดอกไม้ไปจากเขา “ดอกกุหลาบสีน้ำเงิน?”
“อืม ได้ยินว่าดอกกุหลาบมีชื่อเรียกเพราะๆ ด้วย เรียกกันว่า ‘แม่มดสีน้ำเงิน’ ”
“เรียกว่ามนต์เสน่ห์สีน้ำเงินไม่ดีกว่าหรือ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า เธอไม่เข้าใจจ่านป๋ายเลยสักนิด
“ผมดูยังไงก็ปีศาจ!”
ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าไม่อยากจะสนใจเขา เธอหาแจกันแก้วแล้วใส่ดอกกุหลาบเข้าไปในนั้น ก่อนจะวางไว้บนหัวเตียง “ฉันชอบดอกไม้ เมื่อก่อนเฝ้าแต่รอให้คนมาส่งดอกไม้ให้…” วันนี้ได้เห็นดอกไม้พวกนี้วางเรียงกันก็ซาบซึ้งใจมาก เธอก็ชอบมากเลย
“จินเหลียน ถ้าคุณชอบ หลังจากนี้ผมจะส่งให้คุณทุกวันเลย” จ่านป๋ายยกมือโอบไหล่ของเธอ
“นานๆ ครั้งน่าจะดีกว่าค่ะ ส่งให้ทุกวันน่าจะเลี่ยนไป!” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพร้อมเบิกดวงตากลมใสขึ้นมา “ขอบคุณคุณมากนะ”
“รีบเข้านอนเร็วๆ ดีกว่าครับ ตอนนี้ดึกแล้ว พรุ่งนี้ยังมีธุระที่ต้องเจรจา ถ้าอย่างนั้นผมออกไปแล้วนะ” จ่านป๋ายพูดพร้อมหมุนตัวออกไป
ซีเหมินจินเหลียนก็เหนื่อยมากจริงๆ เมื่ออาบน้ำเสร็จเธอก็เข้านอนไปอย่างรวดเร็ว
เช้าวันถัดมาหลินเสวียนหลานไม่ได้พูดแต่ปาก เขาพาคนวัยกลางคนสวมชุดสูทผูกเนคไทเดินเข้ามา จากการแนะนำของหลินเสวียนหลาน คนคนนี้เป็นเจ้าของธุรกิจแซ่จาง ชื่อจิ้น ปีนี้ธุรกิจได้กำไรใหญ่โตเลยอยากจะทำของเล่นเอาไว้สะสม
“ฟังจากคุณหลินแนะนำ เขาบอกว่าคุณซีเหมินเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำหยกชั้นดีหรือครับ” จางจิ้นพูดติดสำเนียงคนเจียงเจ้ออย่างชัดเจน รีบถามเข้าประเด็นทันที
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าน้อยๆ “ปกติก็ทำธุรกิจแต่กับเนื้อหยกชั้นดีค่ะ ฟังจากที่พี่หลินพูดแล้วคุณจางต้องการหยกสีผสมกับฮกลกซิ่วมาทำเป็นกำไลเหรอคะ”
“ต้องเป็นหยกแก้วชนิดโบราณด้วยนะครับ” จางจิ้นยังพูดเสริมต่อว่า “ส่วนราคาเราก็สามารถตกลงกันได้”
“หยกของฉันส่วนใหญ่ก็เป็นหยกแก้วโบราณค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม เธอไม่ได้พูดเว่อเกินจริงไปแม้แต่น้อย สิ่งที่เธอลงมือทำลงไปล้วนเป็นแต่หยกชนิดแก้วไม่ก็ชนิดน้ำแข็ง เธอรอให้ถึงเวลาซื้อหุ้นตระกูลหลินเสร็จก็จะให้คนงานมาช่วยกันทำเป็นเครื่องประดับหยกและของตกแต่งแปรรูปจากหยก
“ถ้าอย่างนั้นคุณมีของตรงตามเงื่อนไขของผมหรือเปล่าครับ” จางจิ้นถามอย่างรีบร้อน
“หยกแก้วโบราณฮกลกซิ่ว กำไลวงหนึ่งราคาก็หกสิบห้าล้าน ส่วนหยกสีผสมราคาสี่สิบห้าล้าน” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ถ้าหากคุณสนใจจะทำทั้งคู่แล้วละก็ ฉันจะให้ส่วนลดสักหน่อย ให้เลขสวยขึ้นก็แล้วกันค่ะ”
จางจิ้นได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจรีบพูดขึ้น “ของทั้งสองชนิดคุณซีเหมินก็มีทั้งหมดเลยหรือครับ”
“เอาอย่างนี้ ฉันอยากจะขอไปเช็คสินค้าก่อนได้ไหมคะ ตอนนี้ยังไม่สามารถให้คำตอบได้อย่างแน่ชัด ถ้าหากคุณจางต้องการจริงๆ สามารถทิ้งเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะโทรไปให้คำตอบคุณ เป็นอย่างไรคะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด แม้ว่าเธอรู้ว่าห้องใต้ดินจะมีหยกสีผสมและฮกลกซิ่วจากการประมูลอยู่ แต่เพื่อความปลอดภัยป้องกันไว้ก่อนดีกว่า