ตอนที่ 388 จุดสนใจและการทักทาย

Legend of the mythological genes

ปรมาจารย์ไห่เป็นที่รู้กันว่าเป็นมืออาชีพด้านตำนานในมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพง หรือแม้แต่ในอวกาศระหว่างดวงดาวทั้งหมด เขามีชื่อเสียงมาก เขาสวมเสื้อคลุมยาวแบบฮั่วเซียโบราณและเคราสีขาวของเขาปลิวไสวไปตามสายลม เขาเป็นคนที่มีลักษณะโดดเด่น

เฟิงหลินจำเขาได้ทันทีที่เห็น

เมื่อปรมาจารย์ไห่เห็นเฟิงหลิน เขาก็ยิ้มเช่นกัน “เฟิงหลิน โชคดีจริงๆที่ฉันคัดเลือกเธอไว้ล่วงหน้า มิฉะนั้นสถาบันตำนานคงจะไม่สามารถรั้งเธอเอาไว้ได้ เธอรู้ไหมว่าตอนนี้สถาบันการศึกษาอื่น ๆ กำลังต่อสู้เพื่อให้เธอเข้าสมัครเรียนในสถาบันของพวกเขา สิ่งที่เธอทำในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ได้รับการยกย่องและสร้างความกดดันนักเรียนของสถาบันการศึกษาอื่น ๆ ทั้งหมด เธอยอดเยี่ยมจริงๆ! “

 

เขาพูดไปลูบเครายาวของเขาไป ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม

 

“คุณก็พูดเกินไป!” เฟิงหลินกล่าวโดยไม่คิดหรือไม่ประหม่าเกินไป

ปรมาจารย์ไห่พยักหน้าและพูดตรงประเด็น “เหตุผลที่ฉันมาหาเธอในวันแรกของการลงทะเบียนคือ ฉันจะมาอธิบายสิ่งต่างๆให้เธอทราบเป็นการส่วนตัว และเตรียมการสำหรับภารกิจการเรียนรู้ของเธอ ที่ถูกต้องคือเด็กใหม่จะต้องเรียนรู้จากหลักสูตรที่สถาบันจัดไว้หลังจากการลงทะเบียน แต่สถานการณ์ของเธอเป็นข้อยกเว้น เธอได้เป็นร้อยตรีก่อนที่เธอจะลงทะเบียนเรียนอย่างเป็นทางการ นี่เป็นกรณีพิเศษอย่างยิ่ง จากข่าวล่าสุดที่เราได้รับ ตอนนี้เผ่าพันธุ์วิญญาณได้เคลื่อนไหวและอาจทำสงครามกับมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงของเราได้ตลอดเวลา ดังนั้นหน้าที่ทางทหารของเธอจึงสำคัญกว่าภารกิจการเรียน ข้อตกลงที่สถาบันกำหนดไว้สำหรับเธอคือปฏิบัติภารกิจทางทหารก่อนที่จะเรียนตามหลักสูตร ฉันจะมอบสิทธิ์พิเศษให้แก่เธอ ตราบเท่าที่เธอมีผลการสอบที่โดดเด่น เธอสามารถจัดเตรียมหลักสูตรของเธอได้อย่างอิสระ เธอคิดว่ายังไง?”

ปรมาจารย์ไห่มองไปที่เฟิงหลินด้วยความสนใจ

ไม่เข้าชั้นเรียน แต่ยังได้รับผลการสอบที่โดดเด่น นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้

อย่างไรก็ตามเนื่องจากเฟิงหลินได้ทำสิ่งที่น่าประหลาดใจมากมาย ปรมาจารย์ไห่ก็อดไม่ได้ที่จะคาดหวังมากขึ้นในการที่เขาให้สิทธิพิเศษแก่เฟิงหลิน

 

“ดีเลยครับ!” เฟิงหลินเห็นด้วยโดยไม่ต้องคิดมาก

อาจารย์ไห่ตกตะลึงไปชั่วขณะ “เธอจะไม่พิจารณาให้ดีๆก่อนหรอ?ถ้าเธอคิดว่ามันยากไป ฉันสามารถอนุญาตให้เธอมีครูสอนพิเศษได้!”

อย่างไรก็ตามเฟิงหลินส่ายหัว “ไม่จำเป็น!”

เขามั่นใจในตัวเอง

เขาเข้าใจตำนานของโลกทั้งหมด และหลักสูตรของสถาบันตำนานก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขามากมายนัก

อาจารย์เหล่านั้นเทียบไม่ได้กับเขา เขาจะมีครูสอนไปทำไม?

 

 

เหตุผลที่เขาเข้าร่วมสถาบันตำนานเป็นเพียงเพราะเขาต้องการค้นหาร่องรอยของอารยธรรมในตำนานโบราณ ผ่านบันทึกของซากปรักหักพังในตำนานที่สถาบันตำนานมี

“ เธอไม่ต้องการจริงๆเหรอ?” ปรมาจารย์ไห่ถามด้วยความประหลาดใจ

“จริงๆครับ!” เฟิงหลินตอบอย่างตรงไปตรงมา

เมื่อเห็นว่าเฟิงหลินดูเหมือนจะไม่ต้องการจริงๆ ปรมาจารย์ไห่ก็พยักหน้า แต่แอบยิ้ม

(หลังจากปิดภาคเรียนแล้ว มาดูกันว่าเธอยังจะมีความมั่นใจมากขนาดนี้อยู่อีกไหม)

อย่างไรก็ตามเฟิงหลินได้พูดขึ้นอีกครั้ง “ปรมาจารย์ผมอยากขออะไรบางอย่าง! เนื่องจากผมเลือกที่จะเตรียมหลักสูตรของตัวเองได้อย่างอิสระ สถาบันจะอนุญาตให้ผมเข้าดูบันทึกตำนานทั้งหมดเกี่ยวกับซากปรักหักพังได้อย่างอิสระหรือไม่?”

เมื่อปรมาจารย์ไห่ได้ยินเช่นนี้ เขาก็พบว่ามันแปลก “เธอคิดจะเรียนรู้จากการศึกษาด้วยตัวเองอย่างงั้นหรอ? เธอต้องการที่จะก้าวขึ้นเป็นมืออาชีพด้านตำนานก่อนที่เธอจะได้รับความรู้เกี่ยวกับมัน?”

เฟิงหลินยิ้มและไม่ตอบกลับ

ปรมาจารย์ไห่ประเมินเขา “ดี! ฉันอยากเห็นว่าความสามารถของเธอจะไปได้ไกลแค่ไหน เปิดไมโครชิปตัวตนของเธอสิ ฉันจะให้สิทธิ์ในการเรียกดูฐานข้อมูลตำนานของสถาบันได้อย่างอิสระ เนื้อหาของซากปรักหักพังในตำนานที่สถาบันบันทึกไว้ถูกแปลงเป็นข้อมูลและเก็บไว้ในนั้น อย่างไรก็ตามหากเธอต้องการดูของจริง เธอจะต้องมาสมัครเป็นการส่วนตัว ของบางอย่างมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในโลกและล้ำค่า มันจึงมีการป้องกันหลายชั้น เธอต้องได้รับการอนุมัติจากสถาบันก่อนจึงจะเข้าถึงได้ เมื่อถึงเวลาฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เธอได้รับความสะดวกมากที่สุด! “

“ขอบคุณครับ ปรมาจารย์!” เฟิงหลินพยักหน้าและไม่ได้ร้องขอใด ๆ เพิ่มเติม

 

มันเกินความคาดหมายของเขาที่จะได้รับสิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ถ้าเขายังไม่พอใจ เขาก็จะโลภมากเกินไป!

เมื่อปรมาจารย์ไห่ได้ยินเช่นนี้ เขาก็ยิ้มเช่นกัน “ไม่เป็นไร เป็นเวลาหลายสิบปีแล้วที่ไม่มีคนที่ได้อันดับหนึ่งในบรรดาเด็กใหม่มาเข้าเรียนที่สถาบันตำนานของเรา ไม่ว่าสถาบันตำนานของเราจะตกต่ำแค่ไหน เราก็ไม่อาจปล่อยให้เมล็ดพันธุ์เสียหายได้หรอก ใช่ไหมล่ะ?”

 

เมื่อพูดแบบนี้ เขาก็ขยิบตาอย่างสนุกสนาน

เมื่อเฟิงหลินได้ยินเช่นนี้ เขาก็ยิ้มเช่นกัน รู้สึกว่าเขาเข้ากับชายชราคนนี้ได้ดีมาก

จากนั้นทั้งสองคนยังคงสนทนาเกี่ยวกับความรู้ทั่วไปหลังจากสมัครเรียนในสถาบัน หลังจากนั้นเฟิงหลินก็ไม่รบกวนการค้นคว้าของปรมาจารย์ไห่ต่อไปและขอตัวออกไป

ปรมาจารย์ไห่เฝ้ามองดูแผ่นหลังของเฟิงหลินค่อยๆหายไป

เด็กคนนี้มีความพิเศษมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคตเขาอาจสามารถนำการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างออกไปอย่างมากมาให้กับสถาบันตำนานและมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพง มันน่าสนใจมากที่จะได้รู้ว่าพัฒนาการในอนาคตของเฟิงหลินจะไปได้ไกลแค่ไหน!

เมื่อเรื่องนี้ได้ข้อสรุปแล้ว สิ่งต่อไปคือรายงานตัวที่หน่วยโลจิสติกส์ของกองทัพสุดยอดกำแพง!

เฟิงหลินนึกถึงเรื่องนี้ ขณะที่เขาเดินออกจากประตูของสถาบันตำนาน

 

“ดูสิ เด็กคนนั้นออกมาแล้ว!” นักเรียนกลุ่มหนึ่งเข้ามารุมกันอย่างรวดเร็ว พวกเขาเปล่งกลิ่นอายที่แข็งแกร่งและมีพลังอย่างน้อย 8,000 หรือสูงกว่า ทุกคนล้วนเป็นสุดยอดผู่บ่มเพาะขั้นสูงและปลดปล่อยพลังกดดันที่รุนแรงออกมา เขาอาจจะบรรลุสู่อาณาจักรผู้ใช้ยีนแล้ว?

“นายคือเด็กใหม่อันดับหนึ่งเฟิงหลินที่เพิ่งเข้าเรียนในสถาบันใช่ไหม?” คนที่อยู่หน้าสุดพูดด้วยท่าทางที่เหนือกว่า

 

มุมปากของเฟิงหลินโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม พวกเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่อยากมาสร้างปัญหาอีกแล้ว?

เขาต้องการดูว่าคนเหล่านี้จะใช้กลอุบายอะไร?

“ แล้วนายเป็นใคร” เขามองตรงเข้าไปในดวงตาของบุคคลนั้น โดยไม่ตอบ แต่ถามกลับแทน

“เจ้าหนู แกกล้าดียังไงถึงมาพูดกับศิษย์พี่กัวเช่นนี้?”

“สามหาว!”

“ ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร!”

ลูกน้องคนอื่น ๆ เริ่มร้องเสียงหลง

อย่างไรก็ตามบุคคลที่อยู่หน้าสุดโบกมือให้พวกเขาหุบปาก จากนั้นเขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ฉันชื่อกัวเป่ยเฉิน
รุ่นพี่ของนาย อยู่ปีสาม และฉันยังเป็นประธานของชมรมโบราณคดี ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบชมรมชั้นนำของสถาบันตำนาน นายดูไม่เลว ฉันจะให้นายเข้าชมรม รีบกรอกแบบฟอร์มและเข้าร่วมซะ! ถ้านายปล่อยโอกาสนี้ไป นายจะมาขอเข้าที่หลังไม่ได้แล้ว! “

หลังจากพูดสิ่งนี้ เขาก็ส่งแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ไปยังไมโครชิปตัวตนของเฟิงหลิน ไม่สนใจว่าเฟิงหลินจะเห็นด้วยกับข้อตกลงนี้หรือไม่

เขาพูดด้วยความเย่อหยิ่ง ราวกับว่าเป็นการให้เกียรติกับเฟิงหลินอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม เฟิงหลินไม่ได้ดูและลบแบบฟอร์มทันที

ช่างเป็นเรื่องตลก หากเขาต้องการเข้าร่วมชมรม เขาสามารถเข้าร่วมชมรมที่ราชินีแห่งการต่อสู้จ้าวเยวี่ยเอ๋อร์อยู่ได้! ทำไมเขาต้องเข้าร่วมชมรมที่ไม่โดดเด่นแบบนี้?

 

“ไม่จำเป็น ขอบคุณ!” เฟิงหลินปฏิเสธอย่างสุภาพและเดินผ่านฝูงชนขณะที่เขาพยายามจะออกไป

 

“ไร้มารยาท!แกมันไม่รู้ว่าอะไรดี แต่คิดว่าตัวเองรู้ดีไปซะทุกอย่าง!”

“ช่างเป็นเด็กใหม่ที่หยิ่งผยองนัก!”

“ แกคงคิดว่าตัวเองยอดเยี่ยมเพียงเพราะแกได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่หนึ่งในบรรดานักศึกษาใหม่สินะ?แกมันก็เป็นเพียงสุดยอดผู้บ่มเพาะเท่านั้น!”

สมาชิกคนอื่น ๆ ของชมรมโบราณคดีตำหนิเขา

ดวงตาของกัวเป่ยเฉินหรี่ลง และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

เฟิงหลินเป็นเด็กใหม่ แต่เขาได้รับตำแหน่งร้อยตรี ชื่อเสียงของเขาในสถาบันนั้นยอดเยี่ยมมากและถ้าพวกเขาสามารถดึงเขาเข้าร่วมชมรมได้ มันจะช่วยเพิ่มชื่อเสียงให้กับชมรมโบราณคดีในตำนาน กัวเป่ยเฉินในฐานะประธานก็จะได้รับประโยชน์มากมายจากสิ่งนี้เช่นกัน

เขาคิดว่าเด็กใหม่จะควบคุมได้ง่าย แต่ไม่คาดคิดว่าเฟิงหลินจะไม่แสดงอารมณ์ใดๆเลย ดูเหมือนว่าเฟิงหลินจะไม่รู้ว่าอะไรดีสำหรับเขา ถ้าเขาไม่สอนบทเรียนให้!

เขาปล่อยกลิ่นอายอันตรายออกมา

เฟิงหลินมองใบหน้าที่น่าเกลียดของคนกลุ่มนี้อย่างใจเย็น มันเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานเปล่าๆที่จะยกมือขึ้นต่อต้านพวกเขา ดังนั้นเขาจึงหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าและติดไว้ที่หน้าอกด้วยความไม่แยแส

เมื่อคนอื่น ๆ เห็น พวกเขาก็ตกใจ มันคือตราของร้อยตรี

 

เฟิงหลินพูดขึ้นอย่างใจเย็น “พวกนายจะไม่ทำความเคารพเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ทหารหรือไง ลืมกฎโรงเรียนของมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงไปแล้วหรือไง?”

เมื่อพูดถึงกฎของมหาลัย พวกเขาก็ตัวสั่นทันที และพูดคำทักทายของทหารทันที “ทำความเคารพ ร้อยตรี!”

หลังจากที่พวกเขากลับมามีสติ การแสดงออกของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศกทันที อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่กล้าทำอะไร

มหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงเป็นมหาวิทยาลัยที่มีหนักแน่น กฎเข้มงวดมากและไม่ใช่เรื่องตลก ไม่มีใครกล้าละเมิดโดยประมาท

เฟิงหลินพยักหน้าและเดินไปหากัวเป่ยเฉิน “ ชมรมโบราณคดีในตำนานเป็นชมรมใหญ่ เลยกล้าที่จะละเมิดกฏของหาวิทยาลัยสินะ? ดูเหมือนว่าชมรมของนายจะไม่อยากมีอยู่อีก!”

ดวงตาของกัวเป่ยเฉินหรี่ลง เขารู้สึกตกใจ โกรธ แต่ก็กลัวในเวลาเดียวกัน มือที่สั่นเทาของเขายกขึ้นอย่างช้าๆแล้วเขาก็ทำความเคารพตัวตรง

“ดีมาก! ฉันขอสั่งให้พวกนายทุกคนทำท่ากบ 10,000 ครั้ง ถ้ามีใครกล้าขัดคำสั่งก็อย่าโทษฉันว่าไม่เมตตา!” เฟิงหลินยิ้มอย่างเย็นชา

 

การที่ตำแหน่งสูงขึ้นเพียงหนึ่งตำแหน่งหนึ่ง ก็อาจทำให้คนๆหนึ่งถูกข่มได้ นับประสาอะไรกับที่คนเหล่านี้ซึ่งเป็นเพียงกลุ่มทหาร ในขณะที่เฟิงหลินเป็นร้อยตรีแล้ว

กฎของโรงเรียนเป็นกฎของทหาร ผลที่ตามมาจะเลวร้ายมากหากพวกเขาละเมิดกฎ

พวกเขาสบตากันและไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเริ่มทำท่ากบด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก เสียงหัวเราะเยาะเย้ยมากมายดังขึ้นรอบข้าง พวกเขากัดฟันแน่นจนรู้สึกเหมือนกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้สังเกตว่าเฟิงหลินเดินไปไกลแล้ว

หลังจากนั้นไม่นานเสียงหอนที่ลุกลี้ลุกลนและเจ็บปวดก็ดังขึ้นด้านหลังเฟิงหลิน “เฟิงหลินระหว่างเรามันยังไม่จบ!”

เฟิงหลินยิ้มอย่างเย็นชาและเดินออกไป

เขาไม่สนใจนั่งดูก้นยื่นๆของผู้ชาย!