เมื่อครอสมาร์เห็นเย่ฉาง เขาจึงเดินเข้ามากอดคอเย่ฉางและหัวเราะอย่างมีความสุข “ไม่เลวนี่เด็กน้อย! นายกำลังนำเมืองแบล็กร็อคไปสู่ความมั่งคั่งแล้ว วัสดุสิ่งของต่างๆ, การขนส่ง, การค้าขายจะบานสะพรั่งไปด้วยการลงทุนของนาย โดยเฉพาะการขนส่งและการค้าขาย”

“เฮ้อ มันทำให้ตอนนี้ฉันจนมากๆเลย …” คำพูดของเย่ฉางทำให้ครอสมาร์แข็งค้าง

“นายล้อฉันเล่นใช่ไหมเนี่ย?” ครอสมาร์ไม่อยากจะเชื่อ

“ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสูงมากเกินไป โดยเฉพาะแผนการสร้างเมืองเทพธิดาขึ้นมา แค่เพียงเฟสแรกของแผนการ ก็ทำให้ฉันเกิดคำถามขึ้นมาแล้วว่า มันจะได้กำไรจริงๆไหม!?” เย่ฉางยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

“เมื่อเมืองเทพธิดาก่อสร้างเสร็จ ผลกำไรก็คงตามมา …” ครอสมาร์ยังคงไม่เชื่อเขา

“ฉันพูดจริงๆ เฮ้อ! เราอย่าพูดถึงเรื่องนี้กันอีกเลย เกี่ยวกับเรื่องที่ฉันจะสร้างเมืองเทพธิดาขึ้นมา ทางด้านอาณาจักรแสดงปฏิกิริยาอะไรหรือไม่” เย่ฉางกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เล็กน้อย แม้ว่ามาร์ควิสอัสชาร่าจะไม่ได้ห้ามเขา แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าทางอาณาจักรจะมีข้อห้ามอะไรไหม!

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก พวกเขาจะไม่คัดค้านอะไรอย่างแน่นอน อันที่จริงแล้ว พวกเขายินดีและพร้อมที่จะสนับสนุนนายในการดำเนินงานที่ยากลำบากนี้ แบล็กพีคหยุดนิ่งและไม่ได้พัฒนาอะไรมาตั้งหลายปีแล้ว เพราะเงินและวัสดุสิ่งของต่างๆของอาณาจักรเกือบทั้งหมด ถูกส่งไปยังแนวหน้า แบล็กพีคที่เป็นเหมือนกำแพงธรรมชาติแห่งนี้ เป็นสิ่งที่พวกเขายังคงกังวลอยู่เสมอ ถ้ามีใครสามารถฟื้นฟูเทพธิดาทั้งสามให้กลับมารุ่งโรจน์อีกครั้งเหมือนเช่นในอดีต มันจะเป็นความช่วยเหลือที่ดีในการป้องกันด้านหลังของอาณาจักร แม้ว่าเราจะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับพวกทะเลทรายอิสก้าฟานด้ามาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว แต่ก็ยังคงมีพวกพ่อค้าแวะเวียนเข้ามาบ้างเป็นครั้งคราว ขณะนี้พวกเขาก็ยังขัดแย้งกันภายใน และเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นมาบ่อยครั้ง ซึ่งเกิดขึ้นมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว ข่าวล่าสุดที่ฉันรับรู้มาว่า พวกเขาเกิดความแตกแยกกันอย่างหนัก จนกลายเป็นชนเผ่าจำนวนนับไม่ถ้วน นับตั้งแต่เทือกเขาแห่งความรุ่งโรจน์ถูกยึดครองโดยพวกแมลงต่างๆ มันทำให้การเดินทางไปมาระหว่างแบล็กพีคและทะเลทรายอิสก้าฟานด้า เกิดความยากลำบากขึ้นมาเยอะ” ครอสมาร์พูดคุยเกี่ยวกับการสร้างเมืองเทพธิดา และสถานการณ์ของอาณาจักรอิสก้าฟานด้าที่อยู่ในพื้นที่รกร้างของทะเลทรายทางทิศเหนือ

“แม้กระทั่งทางคริสตจักรก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร ตราบเท่าที่มันไม่ใช่ลัทธิความชั่วร้าย” ครอสมาร์อธิบายต่อ

“งั้นฉันก็สามารถวางใจได้แล้ว โอ้วใช่แล้ว นายรู้เรื่องเกี่ยวกับเทือกเขาพันยอด…” เย่ฉางพยักหน้า แล้วนึกถึงสิ่งที่เขาต้องการจะถามต่อ

แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ครอสมาร์ก็พูดขัดจังหวะว่า “นายอย่าไปยุ่งกับที่แห่งนั้นจะดีกว่า มันจะไม่คุ้มค่าเอา ไม่ใช่ว่าทางอาณาจักรจะไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่จริงๆแล้วเป็นเพราะเราเล็งเห็นว่า มันไม่คุ้มค่ากับราคาที่จะต้องจ่ายไป ราคาในการกวาดล้างสถานที่แห่งนั้น มันสูงเอามากๆ เพราะมันจะต้องใช้กำลังทหาร 1 กองพลเป็นอย่างน้อยในการกวาดล้างที่นั้น”

“ยากขนาดนั้นเลย!?” เย่ฉางพอรู้ว่ากำลังทหาร 1 กองพลทรงพลังแค่ไหน! ยกตัวอย่างง่ายๆก็คือ มันทรงพลังเท่ากับมารูนาย่า

“แน่นอน! เอาล่ะ อย่าคิดถึงเรื่องนี้อีกเลย เราจะลองหารือกันอีกครั้งเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ยังไงซะ การกำจัดตัวประหลาดยักษ์พวกนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว แต่ในตอนนี้เรายังไม่สามารถทำอะไรได้ ขอเพียงแค่เรารักษาเสถียรภาพทรัพยากรและกำลังทรัพย์ของเราให้ได้แบบนี้ต่อไป อีกไม่ช้าเราอาจจะพอไปจัดการกับพวกมันได้!” คำพูดของครอสมาร์ทำให้เย่ฉางมีความหวัง

พวกเขาพูดคุยและหัวเราะกันอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเย่ฉางจึงจากมา และมาถึงทางเข้าดันเจี้ยนถ้ำแห่งความมืด เขาเรียกรวมพลปาร์ตี้ของเขา และอีกคนหนึ่งที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือ NalanPureSoul ทุกคนเคลียร์ดันเจี้ยนได้อย่างรวดเร็วและได้รับอุปกรณ์ระดับ Dark Gold 1 ชิ้น และอุปกรณ์ระดับ Gold จำนวนนับไม่ถ้วน

“น้องชาย PureSoul นายจะไม่มาเข้าร่วมกับกิลด์ของเราหรือไง? ฉันจะเพิ่มโบนัสให้นายเป็นสองเท่าเลย!” เย่ฉางยิ้มกว้าง

คนอื่นๆพากันหลั่งเหงื่อเย็นออกมา ‘เขาเป็นถึงหัวหน้ากิลด์ 1 ใน 4 กิลด์ใหญ่ของประเทศจีนเลยนะ! เขาจะมาเข้าร่วมกิลด์เล็กๆของนายได้อย่างไรกัน? อันที่จริงแล้ว เขาน่าจะเป็นฝ่ายชวนนายเข้ากิลด์มากกว่า! นายคิดว่าจะสามารถใช้ความสำเร็จในการเคลียร์ดันเจี้ยนแบบนี้ มาหลอกล่อเขาเข้ากิลด์นายนี่นะ!?’

“พี่ชาย PaleSnow ช่างหยอกล้อฉันเล่นตลอดเลย …” NalanPureSoul หัวเราะอย่างน่ารัก แล้วก็เดินจากไป

“นี่เพื่อน พวกเราควรจะไปที่ไหนต่อไปดี?” จางเจิ้งเฉียงรู้สึกเหมือนว่า เขาไม่ได้มีการต่อสู้และฆ่าอะไรเลย เพราะสองสามวันนี้เขาต้องอยู่แต่ในโรงตีเหล็ก ในที่สุดพวกเขาก็มาที่ดันเจี้ยนนี้ แต่มันไม่น่าท้าทายอีกต่อไปแล้ว พวกเขาสามารถเคลียร์ดันเจี้ยนนี้ได้อย่างง่ายๆ

เย่ฉางเปิดแผนที่ของเย่เทียน แล้วมองไปรอบๆ ทุกพื้นที่ที่น่าสนใจได้รับการสำรวจมาหมดแล้ว เทือกเขาพันยอดเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขายังไม่สามารถเข้าไปได้ในขณะนี้ ตามที่ครอสมาร์เตือนว่า ถ้าพวกเขาไปที่เทือกเขาพันยอด พวกเขาก็จะตายอย่างแน่นอน

เย่ฉางเห็นว่าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลสาบเป็นเทือกเขาอีกหลายแห่ง เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “เราลองไปดูแถวนี้กันเถอะ”

ทุกคนเริ่มออกเดินทางข้ามเทือกเขาไปหลายลูก การเดินทางในครั้งนี้ใช้เวลาเป็นสัปดาห์ ขวานของจางเจิ้งเฉียงเหวี่ยงใส่หมีดวงจันทร์และฆ่ามันไป เมื่อเห็นว่าพอผ่านเทือกเขาหนึ่งก็เจอกับอีกเทือกเขาหนึ่ง เขาจึงพูดอย่างเศร้าโศก “เพื่อน มันเป็นสัปดาห์แล้ว เรายังไม่เคยเห็นถ้ำ, ดันเจี้ยนหรืออะไรเลยนะ และเรายังได้รับพวกไอเทมต่างๆค่อนข้างน้อยอีกด้วย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป มันคงจะไม่ดีแน่ๆ”

“ผู้ที่อดทนเท่านั้นถึงจะประสบความสำเร็จได้ ฉันไม่เชื่อว่าเราจะไม่พบอะไรเลย เราจะพูดคุยเรื่องนี้กันอีกที หลังจากที่เราผ่านเทือกเขาลูกนั้นไป” เย่ฉางพูดอย่างอารมณ์เสีย ขณะที่เขายิงเหยี่ยวขนเหล็กร่วงลงมา แล้วเก็บมันลงไปในรถเข็น

ในขณะที่พวกเขาใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการสำรวจเทือกเขาต่างๆ ThornyRose เห็นค่าประสบการณ์ของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในตารางการจัดอันดับเลเวล ‘ไม่เลวๆ ในตอนนี้พวกเขาขยันขันแข็งมาก จนช่วยกลบความขี้เกียจในเดือนที่ผ่านมาได้เลย’

CloudDragon มองไปที่ตารางการจัดอันดับเลเวลเช่นกัน ‘เด็กบ้าคนนั้นขยันเก็บเลเวลเป็นกับเขาด้วย? เขากำลังเก็บเลเวลอยู่แถวเทือกเขาเป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว’

NalanPureSoul ก็ยังสงสัยเช่นกัน เมื่อไม่นานมานี้ ก่อนที่เขาจะจากมา เขาก็ยังไม่ได้ข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องนี้เเลย

ส่วนทางด้านปาร์ตี้ของเย่ฉาง ในตอนนี้พวกเขายืนอยู่บนยอดเขาและกำลังมองสำรวจไปข้างหน้า บริเวณแถวนี้มันไม่มีแม้แต่ทะเลสาบหรืออะไรเลย มันเต็มไปด้วยเทือกเขา, ต้นไม้ และมอนสเตอร์ระดับสูงเท่านั้น

“หัวหน้าทีม พวกเรากลับกันเถอะ! เราต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีกครึ่งเดือน เพื่อออกจากที่นี่นะ …” FrozenCloud แนะนำ อันที่จริงแล้ว ผลการเก็บเกี่ยวของพวกเขาในช่วงครึ่งเดือนนี้ก็ไม่เลวเลยทีเดียว พวกเขาต่อสู้กับมินิบอสที่เป็นสัตว์ป่าตั้งหลายตัว มีทั้งพวกบินได้และสัตว์เลื้อยคลาน แต่มันแทบไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย มันน่าเบื่อเอามากๆ! เธอมองคางคกสีขาวขนาด 3 เมตรที่อยู่ข้างๆเธอ ในตอนนี้เจ้าคางคกน้อยได้กลายเป็นคางคกขนาดใหญ่แล้ว สีของมันเปลี่ยนไปจากสีเทาเป็นสีขาว และมันยังได้เรียนรู้สกิลการควบคุมฝูงชนอีกด้วย

“ไม่! เราจะยังไม่กลับ! ฉันต้องดูให้ไดว่ามีอะไรอยู่ที่นั่น!!” เย่ฉางกำลังบ้าคลั่ง

อีกครึ่งเดือนผ่านมา ปาร์ตี้ของเย่ฉางดูแย่มากยิ่งขึ้น เมื่อพวกเขามองเห็นพื้นที่รกร้างที่แห้งแล้งอยู่ข้างใต้พวกเขา แต่ไกลจากพื้นที่รกร้างว่างแห่งนี้ออกไป มันเต็มไปด้วยทะเลทราย, มหาสมุทร และภูเขา FrozenCloud และ SpyingBlade รู้สึกชื่นชมกับเย่ฉางจริงๆ เขานำปาร์ตี้มาจนสุดทางทิศตะวันตกของแบล็กพีคจนได้!

SpyingBlade หันมามองไปที่แผนที่สมบูรณ์แบบและทันสมัยของเย่เทียน สิ่งนี้เป็นการเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาในการเดินทางครั้งนี้

เมื่อได้ยินเสียงเจ้าฟ้าน้อยดังมาแต่ไกล เย่ฉางยกคิ้วและเปิดใช้งานสกิล [Eagle Eyes] มองผ่านมุมมองของเจ้าฟ้าน้อยทันที เขาเห็นหมู่บ้าน! มันอยู่ทางฝั่งตรงข้ามกับภูเขา นอกหมู่บ้านเป็นพื้นที่รกร้าง ที่สำคัญกว่านั้นก็คือหมู่บ้านแห่งนี้มีท่าเทียบเรืออีกด้วย เขาเห็นเรือประมงเพียงไม่กี่ลำ

“มีหมู่บ้านอยู่ตรงนั้น! พวกเราลองไปดูกัน” เย่ฉางนำทุกคนเดินลงภูเขาและวิ่งไปที่หมู่บ้าน เมื่อพวกเขามาถึงหมู่บ้าน เมื่อชาวบ้านเห็นปาร์ตี้ของเย่ฉางจึงพากันตกใจ พวกเขาไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมาทันที

“ฉันขื่อมอคค่าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านทะเลทรายแห่งนี้ ฉันจะเรียกพวกคุณว่าอย่างไรดี?” หัวหน้าหมู่บ้านดูคล้ายกับชาวเมดิเตอร์เรเนียนวัยกลางคน เขาสวมเสื้อผ้าลินินและพูดอย่างสุภาพ

“ฉันมาจากอาณาจักรพลาเนทารี่ ฉันเป็นเอิร์ลแห่งเมืองแบล็กร็อคชื่อว่า PaleSnow” เย่ฉางประกาศตัวตนของเขา

มอลค่ามองไปที่ตราประจำตำเหน่งบนหน้าอกของเย่ฉาง และถอนหายใจด้วยความโล่งอก “คุณเป็นนักเดินทางจากอาณาจักรพลาเนทารี่ อย่างไรก็ตาม เราอยู่ในพื้นที่ห่างไกลและแทบจะไม่มีใครมาที่นี่เลย เราไม่เจอคนจากอาณาจักรพลาเนทารี่เป็นเวลานับร้อยปีแล้ว…”