บทที่ 121 ขี้เกียจและละโมบ

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 121 ขี้เกียจและละโมบ โดย EnjoyBook

บทที่ 121 ขี้เกียจและละโมบ

หลายคนเห็นกับตาว่าโจวชิงไป๋จับกระต่ายอ้วนตัวนี้ได้

ทันทีที่สามพี่น้องกินกระต่ายเสร็จและเดินออกมานอกบ้าน คนหลายคนก็เข้ามาถามว่ากระต่ายอ้วนตัวนั้นอร่อยหรือไม่

เจ้าใหญ่เด็กน้อยพอได้ยินก็เอ่ยโม้ “มันอร่อยมากครับ อร่อยสุด ๆ เวลากลืนมันลงไปแล้วแทบจะกลืนลิ้นลงกระเพาะไปได้เลย มันเป็นรสชาติที่บรรยายไม่ถูกเลยครับ”

“แม่ผมตุ๋นกระต่ายทั้งตัวให้กิน มันอร่อยจนอดใจไม่ไหวเลยครับ” เจ้ารองเอ่ย

“พอแล้ว มันพอแล้ว!” เจ้าสามพยักหน้าหงึกหงัก

ก่อนหน้านี้มีเพียงเจ้าใหญ่กับเจ้ารองที่เป็นคนออกไปพูดอวดนอกบ้าน แต่ตอนนี้เด็กน้อยคนนี้โตขึ้นและพูดได้แล้ว กลุ่มอวดแม่อวดครอบครัวก็เลยมีเขารวมอยู่ด้วย

ทันทีที่เขาพูดอวด มันก็เต็มไปด้วยความดุดัน แค่ได้ยินคำพูดท้าทายอันน่าอิจฉาริษยานี้มันก็พอแล้ว

เป็นกระต่ายเจ้าเนื้ออะไรเช่นนี้ กระต่ายตัวนั้นมีเนื้อมากจากการกินธัญพืชในนา ดูจากขนาดแล้วก็น่าจะมีน้ำหนักราวสามหรือสี่ชั่ง

มันถูกกินหมดทั้งตัวในมื้อเดียว ช่างไม่รู้จักการใช้ชีวิตกันจริง ๆ

ถ้าเป็นพวกเขา มันจะถูกนำไปทำอาหารต่าง ๆ ได้ทั้งหมด 18 จานในหลากหลายวิธีเชียวนะ

กลุ่มผู้หญิงในหมู่บ้านต่างคิดเช่นนี้

ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูร้อนหรือฤดูใบไม้ร่วง มันก็จะมีกระต่ายป่าปรากฏตัวในทุ่งนา ใครจะจับมันได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเขาเอง

ครั้งนี้โจวชิงไป๋โชคดีที่จับมันได้

แต่กระต่ายแสนว่องไวนี้ไม่ได้จับได้ง่าย ๆ วันต่อมาก็มีกระต่ายปรากฏให้เห็นอีกตัวหนึ่ง แต่โจวชิงไป๋กลับจับมันไม่ได้ เพราะมันว่องไวเกินไป แถมกระต่ายเจ้าเล่ห์นี่ยังมีโพรงตั้งสามโพรง พอมันมุดหายเข้าไปแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่ามันไปอยู่ที่ไหน

หากจับกระต่ายได้ก็เท่ากับมีอาหารเพิ่มเข้ามาอีกจานหนึ่ง แต่ถ้าจับไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเหมือนกัน

ในวันต่อมาหลินชิงเหอทำหมั่นโถวถั่วแดงเป็นอาหารกลางวันและส่งไปพร้อมกับไข่เจียวแตงกวาผัด แค่อาหารจานนี้จานเดียวและไม่มีอะไรอย่างอื่น

เพราะว่าอยู่ต่อหน้าทุกคนแล้ว หญิงสาวจึงพยายามทำตัวเด่นให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

แต่ไม่ว่าเธอจะทำตัวบ้าน ๆ แค่ไหน เธอก็ยังต้องเสริมโปรตีนบางอย่างให้กับโจวชิงไป๋ ไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะทนต่อสภาพอากาศอันแปรปรวนนี้ได้อย่างไรล่ะ?

เนื่องจากท่านแม่โจวไม่ได้ทำงานในนา หลินชิงเหอจึงบอกนางว่าไม่ต้องทำอาหารและให้ส่งวัตถุดิบอาหารมา เธอจะทำอาหารพร้อมกับอาหารที่บ้านของเธอแล้วจะนำมาให้ท่านพ่อโจว

ซึ่งนั่นก็รวมถึงส่วนของท่านแม่โจวที่นางจะถูกเรียกไปกินด้วย

ท่านแม่โจวอึ้งไปเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นสะใภ้สี่ไม่ถือในเรื่องนี้จริง ๆ นางก็นำวัตถุดิบอาหารมาให้และมาทานอาหารกลางวันที่บ้านสะใภ้สี่

เรื่องนี้ทำให้ท่านแม่โจวดีใจมาก

ไม่ใช่แค่นางเท่านั้น ท่านพ่อโจวก็ยินดีในเรื่องนี้ สะใภ้สี่ช่างทำอาหารเก่งจริง ๆ

ต่อให้มันเป็นไข่เจียวแตงกวาผัดกับหมั่นโถวถั่วแดง แต่ปริมาณของมันช่างมากมายและยังมีรสชาติยอดเยี่ยม ปริมาณน้ำมันก็มีมากเพียงพอ

หลังทานเสร็จแล้ว พวกเขาก็ทานมะเขือเทศอีกสองผลตบท้ายและรู้สึกสดชื่นอย่างมาก

หลินชิงเหอปลูกมะเขือเทศไว้ในสวนหลังบ้านเป็นจำนวนมากเพราะเธอเองก็ชอบทานมันเหมือนกัน ลูกที่เก็บมาช่างมีขนาดสมบูรณ์แบบ เหมาะที่จะเป็นของว่างหลังมื้ออาหาร

และปลาหนีชิวที่บ้านก็จะถูกปรุงเป็นอาหารสำหรับเย็นนี้

หลินชิงเหอบรรจุข้าวของ มองไปรอบ ๆ ก่อนจะเดินทางไปหาเม่ยเจี่ย

“มีเรื่องอะไรเหรอ?” เมื่อเม่ยเจี่ยเห็นเธอมาหา หล่อนก็เป็นกังวลเล็กน้อยว่าจะมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้น

หลินชิงเหอยิ้มเป็นการเสริมกำลังใจ “เม่ยเจี่ย ฉันมาเพื่อจะมาคุยอะไรบางอย่างกับพี่น่ะค่ะ พี่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ”

เม่ยเจี่ยโล่งใจ ต่อให้สิ่งต่าง ๆ ถูกจัดการเป็นปกติและไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว แต่มันก็ทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดขึ้นมาได้ยามพูดถึงแม้แต่นิดเดียว

“น้องพูดมาเถอะจ้ะ” เม่ยเจี่ยพยักหน้า

“ฉันอยากจะถามว่าช่วงนี้เฉินเกอจะหาเนื้อมาได้มากอีกหน่อยได้ไหมคะ?” หลินชิงเหอกระซิบ

หลังการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงสิ้นสุด เธอก็วางแผนจะนำธัญพืชไปขาย แต่ตอนนี้มันไม่มีเนื้อให้ขายมากนัก

“พี่จะถามให้นะ พรุ่งนี้เธอมาบ้านพี่ก็แล้วกัน” เม่ยเจี่ยกระซิบตอบ

หลังตกลงกันเสร็จเรียบร้อย หลินชิงเหอก็กลับบ้าน เธอหยุดแวะร้านค้าสหกรณ์ในชุมชนเพื่อเดินดูรอบ ๆ ที่นี่มีไข่ แม้ราคาจะค่อนข้างแพงสักหน่อย แต่หญิงสาวก็ยังซื้อกลับไป 4 ชั่งในทันที

ในมิติของเธอมีไข่อยู่บ้าง แต่ที่บ้านเธอมีผู้ชายอยู่กี่คนล่ะ? ไม่มีไข่จำนวนไหนที่ถือว่ามากเกินไปหรอก ตอนนี้เมื่อเธอเห็นอะไรบางอย่างแล้วก็จะเติมเข้าไปในมิติทีละน้อย ทำแบบนี้แล้วจะได้เอาออกมากินเมื่อใดก็ได้ตามใจชอบ

เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว หลินชิงเหอก็เริ่มทำความสะอาดเล้าหมูกับเล้าไก่

ขณะที่ท่านแม่โจวอุ้มซูเฉิงน้อยมาหานั่นเอง เธอกำลังทำงานอยู่พอดี

“ปกติฉันไม่ทำงานนี้นะคะ แต่เห็นว่าพ่อของเด็ก ๆ กำลังยุ่งอยู่กับการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงน่ะค่ะ ฉันเลยมาช่วยทำงานนี้” หลินชิงเหอรีบอธิบายในทันทีที่เห็นท่านแม่โจวมาหา

ท่านแม่โจวรู้สึกยินดีอย่างมาก เพราะในมุมมองของนางแล้ว สะใภ้สี่ก็แค่อยากได้หน้า ต่อให้เธอจะพูดความจริงก็ตาม

ซึ่งมันยังเป็นเหตุผลนั้นอยู่ ที่ว่าปกติหลินชิงเหอมีนิสัยเกียจคร้านอยู่แล้ว การได้มาเห็นเธอทำงานบ้านในบางครั้งบางคราวกลับเป็นเรื่องเปลี่ยนมุมมองของนางไปอย่างมาก

หากหลินชิงเหอเป็นคนขยันอยู่แล้ว แต่ท่านแม่โจวกลับเห็นว่าลูกชายของนางเป็นคนทำความสะอาด มุมมองของนางที่มีต่อเธอก็จะเปลี่ยนไปในทันที

ดังนั้นหลินชิงเหอจึงรีบบอกจุดยืนของตัวเองว่าเธอช่วยเพราะเห็นว่าโจวชิงไป๋ยุ่งขนาดไหนต่างหาก ถ้าโจวชิงไป๋จัดการได้เธอจะไม่เข้ามายุ่งเลย

ครั้งหน้าถ้าเธอเผชิญกับเรื่องแบบนี้อีก เธอคงจะเตรียมตัวไม่ให้มีช่องว่างระหว่างมุมมองแบบนี้

“คืนนี้จะกินอะไรกันเหรอ? ฉันจะได้ช่วยเธอทำ” ท่านแม่โจวถาม

หลินชิงเหอนิ่งไปครู่หนึ่ง นี่มันหมายความว่าอย่างไรเนี่ย? เธอไม่ได้วางแผนจะทำกับข้าวมื้อเย็นให้ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวนะ

เธอเพิ่งเห็นว่าท่านแม่โจวจะปรุงอาหารสำหรับสองคนในตอนเที่ยง และเมื่อให้ท่านพ่อโจวแล้วมันจะมีปริมาณไม่มากนัก เธอก็เลยเสนอขอวัตถุดิบมาเพื่อปรุงด้วยกันกับอาหารของเธอ

แต่เธอไม่มีแผนว่าจะทำอาหารเย็นร่วมกันกับท่านแม่โจวเลย

“เธอไม่ดูอาหารที่ฉันเอามาเหรอ ฉันเอามาทั้งหมดล่ะ” ท่านแม่โจวอึ้งไป

หลินชิงเหอไม่ได้ตรวจดูจริง ๆ เธอแค่ขอให้ท่านแม่โจวนำมาที่บ้านเธอแค่ส่วนที่จะทำอาหารกลางวันเท่านั้น ไม่ใช่วัตถุดิบสำหรับอาหารทุกมื้อ

แต่ดูจากท่าทางของท่านแม่โจวแล้ว ดูเหมือนว่านางขนวัตถุดิบอาหารทั้งหมดมาจากบ้านของนางสินะ?

“คืนนี้เราจะกินปลาหนีชิวตุ๋นกันค่ะ คุณแม่ควักไส้ปลาให้หน่อยนะคะ” หลินชิงเหอตระหนักข้อผิดพลาดนี้แล้วแต่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก มันก็แค่เรื่องกินข้าวเท่านั้นเอง เธอเลยขอให้ท่านแม่โจวช่วย

ท่านแม่โจวเองก็เพิ่งรู้ตัวเหมือนกันว่าเข้าใจความหมายคำพูดของสะใภ้สี่ผิดไป แต่เมื่อเห็นสะใภ้สี่ไม่ได้แย้งอะไรแล้ว นางก็ไม่เอ่ยอะไร

ซูเฉิงน้อยเพิ่งได้กินไป จึงไม่จำเป็นต้องอุ้มเขาเดินไปรอบ ๆ ท่านแม่โจวก็ได้วางเขาไว้บนเตียงเตาของเจ้าใหญ่และคลุมมุ้งกันยุงลงเพื่อป้องกันไม่ให้เข้าถูกยุงกัด

จากนั้นนางจึงเดินเข้ามาในครัวและลงมือควักไส้ปลาหนีชิว

หลินชิงเหอที่ทำความสะอาดเล้าหมูและเล้าไก่ก็ได้ตัดสินใจว่าครั้งหน้าจะหาเวลาไปโรงพยาบาลเพื่อหาซื้อหน้ากากอนามัยสองอันมาสวมตอนทำความสะอาดเล้าหมูเล้าไก่แบบนี้!

เธอเดินเข้าไปในครัวและลงมือหุงอาหารหมู

หญิงสาวต้มอาหารหมูไว้หม้อใหญ่ ปล่อยให้เย็นลงเล็กน้อย จากนั้นก็ตักให้หมูกินกับตักอาหารจำนวนผลน้ำเต้าหนึ่งให้ไก่กิน

หลังให้อาหารเสร็จ ก็เป็นอันว่าเสร็จงานปศุสัตว์ในสวนหลังบ้านแล้ว

ท่านแม่โจวควักไส้ปลาหนีชิวเรียบร้อย หลินชิงเหอจึงยกมันมาเตรียมไว้ เธอแช่ถั่วเขียวไว้แล้ว งานที่เหลือตอนนี้จึงเป็นการขัดหม้อและลงมือต้มถั่วเขียว

หลังต้มถั่วเขียวเสร็จ เธอก็ตักมันออกมาใส่หม้อดินและเติมน้ำตาลกรวดลงไปก่อนจะทิ้งให้เย็นในอ่างน้ำ มันคงจะเย็นได้ที่พอดีกินหลังหนึ่งทุ่ม ซึ่งตอนนั้นมันคงจะมีรสชาติอร่อยเลิศ

หลังทำถั่วเขียวต้มน้ำตาลเสร็จแล้ว หลินชิงเหอก็เริ่มทำอาหารจานหลัก

อาหารหลักวันนี้เป็นหมั่นโถวข้าวโพด ซึ่งเธอนวดแป้งไว้พร้อมแล้ว หญิงสาวจึงนำแป้งลงนึ่งในกระทะ ขณะนึ่งหมั่นโถวข้าวโพดอยู่นั้น เธอก็ทำกับข้าวหลายอย่างไว้ทานเคียงกันสำหรับอาหารเย็นนี้

ปลาหนีชิวตุ๋นคืออาหารจานหนึ่งในนั้น และมันก็ยังมีกะหล่ำปลีเล็กผัดกับมันหมู ในมันหมูมีน้ำมันเหลืออยู่ มันจึงทำให้กะหล่ำปลีเล็กผัดมีรสหวานอร่อยอย่างยิ่ง!

ในยุคนี้ปลูกกะหล่ำปลีกันโดยใช้ปุ๋ยคอกจากฟาร์ม มันจึงทำให้กะหล่ำปลีมีรสสัมผัสที่นุ่มนวลและอร่อยโดยแท้จริง

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ท่านแม่โจวติดใจอาหารฝีมือแม่แล้วล่ะค่ะ ต่อจากนี้คงจะบ่นแม่น้อยลงแล้ว รอดูความสัมพันธ์แม่สามีลูกสะใภ้คู่นี้กันต่อไปค่ะ

ผักยุคนั้นน่าจะอร่อยนะคะ ปลูกแบบออร์แกนิก สดใหม่จากสวนหลังบ้าน เวลาทำอาหารคงจะไม่ต้องใช้เครื่องปรุงมาก

ไหหม่า (海馬)