บทที่ 1975+1976

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1975 ค้นหาต่อไป

กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะมองเขาแวบหนึ่ง ตอนที่เด็กคนนี้เรียกเธอว่า ‘ซีจิ่ว’ เรียกได้เป็นธรรมชาติเหลือเกิน ราวกับเรียกขานเธอเช่นนี้เสมอมา

สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าก่อนหน้านี้เขายังเรียกเธอว่า ‘จ้งเซิง’ อยู่เลย เห็นทีว่าเขาจะได้ยินบทสนทนาของเธอกับอวิ๋นเยียนหลีไม่น้อยเลย และรู้ชื่อจริงของเธอแล้ว…

“ย่อมต้องเข็นออกไป” กู้ซีจิ่วเข็นรถเข็นของอวิ๋นเยียนหลีออกเดิน

เสินเนี่ยนโม่หยักมุมปากขึ้นนิดๆ “ที่แท้คุณชายท่านนี้ก็ไม่ใช่เพียงขาเท่านั้นที่เคลื่อนไหวไม่ได้ แม้แต่มือก็ใช้การไม่ได้แล้ว”

อวิ๋นเยียนหลีนิ่งไป เขาก็เป็นอัจฉริยะผู้เฉลียวฉลาดคนหนึ่ง จึงเอ่ยว่า “ซีจิ่ว ข้าทำเองได้” เขาสามารถเข็นรถคันนี้ให้เคลื่อนที่ด้วยตัวเองได้จริงๆ

กู้ซีจิ่วมองข้อมือที่ยังมีโลหิตผุดซึมอยู่บ้างของอวิ๋นเยียนหลี เอ่ยอย่างเฉียบขาดว่า “ไม่ต้องหรอก!”

แล้วมองเสินเนี่ยนโม่อีกแวบหนึ่ง ใคร่ครวญเล็กน้อย ก่อนนำงูดอกท้อตัวนั้นออกมา รีดพิษอย่างคล่องแคล่ว กรอกใส่ขวดเล็กๆ ใบหนึ่ง แล้วยื่นส่งให้เขา “ฝูอี เจ้ากลับไปก่อนเถอะ พิษงูนี้ใช้น้ำจากน้ำพุเยือกแข็งมาเจือจางหนึ่งต่อร้อยส่วน จากนั้นก็เสริมด้วยหญ้าจันทร์คราม…”

เธอบอกเทียบยาและส่วนผสมอย่างละเอียด สุดท้ายก็กล่าวว่า “ศิษย์น้องชายหญิงของเจ้าก็ไม่อาจล่าช้าได้แล้วเช่นกัน หลังจากทุกคนกินยานี้เข้าไปแล้ว ให้ใช้พลังวิญญาณช่วยพวกเขาขจัดพิษก็เรียบร้อย จำไว้ว่าตอนที่เข้าใกล้พวกเขาให้สวมหน้ากากและถุงมือด้วย”

“ศิษย์น้องของข้า…แล้วพวกเขาไม่ใช่ศิษย์น้องของเจ้าด้วยหรือไง?” เสินเนี่ยนโม่ถามกลับ

“เอ่อ แน่นอนสิ เป็นศิษย์น้องของข้าเหมือนกัน” ไอ้เด็กคนนี้หาเรื่องเธอจับผิดเธออยู่ตลอดสิน่า “เอาล่ะ เป็นศิษย์น้องชายหญิงของพวกเรา”

“แล้วเจ้าล่ะ?” นัยน์ตาเสินเนี่ยนโม่หม่นลง

“อาการบาดเจ็บของพี่อวิ๋นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน พวกเราแยกกันไปทำงานเถอะ อีกสามวันข้าจะกลับไปหาพวกเจ้าที่หุบเขา”

“ตามประสงค์” เสินเนี่ยนโม่หันหลังจากไป ไม่เหลียวกลับมาเลย

กู้ซีจิ่วผงะไปเล็กน้อย มองดูเงาหลังเขาเลือนหายไป ไม่รู้ทำไมในใจถึงค่อนข้างรู้สึกผิด…

อวิ๋นเยียนหลีก็รู้สึกผิดเช่นกัน “ซีจิ่ว ดูเหมือนศิษย์น้องของเจ้าจะไม่ค่อยพอใจนะ เป็นข้าทำให้พวกเจ้าศิษย์พี่ศิษย์น้องต้องขัดแย้งกัน…”

“ไม่เป็นไรหรอก เขายังมีนิสัยเด็กน้อยอยู่ ผ่านไปซักพักคงดีขึ้น” กู้ซีจิ่วเข็นเขาออกไปด้านนอก “บาดแผลของท่านข้าตรวจดูแล้ว พิษทำลายชีพจร ประกอบกับท่านรีบร้อนฝึกฝนวรยุทธ์เกินไป ถูกธาตุไฟเข้าแทรก ทำให้ขาทั้งสองใช้การไม่ได้ ก็ใช่ว่าจะรักษาไม่ได้ หลังจากข้าพาท่านออกไปแล้ว จะหาห้องสะอาดๆ สักห้อง ใช้แช่สมุนไพรไม่กี่ชนิดสักรอบ ควบคู่ไปกับวิธีฝังเข็ม รักษาให้ท่านสักสองสามครั้ง ประมาณสามวันคงหายดีได้”

วิชาแพทย์ของกู้ซีจิ่วน่าตะลึงนัก เมื่อครู่ตอนที่ปลดตรวนเหล็กไหลให้อวิ๋นเยียนหลีได้ถือโอกาสตรวจชีพจรของเขาไปด้วย จึงเข้าใจอาการบาดเจ็บของเขาพอสมควรแล้ว

อาการบาดเจ็บของอวิ๋นเยียนหลีแท้จริงแล้วมิได้ร้ายแรงถึงชีวิตเลย เพียงแต่หลังจากบาดเจ็บแล้วไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ซ้ำยังถูกทำให้กลายเป็นมนุษย์โอสถทดลองยา ถึงได้แปรเปลี่ยนมาเป็นเช่นนี้

ด้วยวิชาแพทย์ของกู้ซีจิ่ว สามวันก็รักษาเขาให้หายดีได้แล้ว

เมื่อก่อนอวิ๋นเยียนหลีช่วยเหลือเธอไว้ไม่น้อยเลย ไม่กี่ร้อยปีมานี้ไปเป็นเพื่อนเธอกราบคารวะซ่างเซียนเหล่านั้นอยู่เสมอ ทุ่มเทกายใจยิ่งนัก กู้ซีจิ่วติดค้างน้ำใจเขามากนัก ยามนี้เห็นเขาตกที่นั่งลำบาก เธอย่อมทุ่มเทช่วยเหลืออย่างเต็มที่

เธอเข็นเขาออกมา เข็นเขาออกจากป่าท้อที่เลี้ยวลดคดเคี้ยว มาถึงริมสระลึกแห่งนั้น

ที่นี่รายล้อมด้วยขุนเขา หน้าผาสูงชัน คิดจะออกจากที่นี่ก็มีแต่ต้องขี่วิหคอันใดออกไป หรือไม่ก็ย้อนกลับไปที่วังพฤกษาแห่งนั้น และออกไปทางประตูของวังพฤกษาอีกครั้ง

กู้ซีจิ่วไม่มีสัตว์พาหนะ ซ้ำยังต้องพาอวิ๋นเยียนหลีไปด้วย ย่อมไม่อาจเหาะเหินไปได้

ขณะที่เธอใคร่ครวญอยู่ว่ากลับไปที่วังพฤกษาแห่งนั้น บนฟากฟ้าก็มีเสียงวิหคร้องกังวาน วิหคยักษ์สองตัวดั้นเมฆาลงมา

ร่อนลงเบื้องหน้าเธอและอวิ๋นเยียนหลี

————————————————————————————-

บทที่ 1976 ค้นหาต่อไป 2

ปีกม่วงท้องมรกต ปลายปีกก็เหลือบสีมรกต ขนาดตัวเท่านกกระเรียน ดูงามสง่าน่าเกรงขาม

กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง วิหคสองตัวนี้หรือจะเป็นนกเจิ้น[1]ในตำนาน?

วิหคชนิดนี้พบเห็นได้น้อยอย่างยิ่งในโลกนี้ นึกไม่ถึงว่าจะได้พบที่นี่สองตัว

วิหคนี้มีพิษร้ายแรง และไม่หวั่นเกรงพิษใดๆ ดังนั้นจึงสามารถทะลุดงดอกท้อมาจากด้านบน ร่อนลงมาอยู่เบื้องหน้าพวกเขาได้

วิหคสองตัวนี้ดูเย่อหยิ่งนัก เชิดหัวยืดอก

มีตัวหนึ่งที่เอียงคอมองกู้ซีจิ่ว จู่ๆ ก็เอ่ยภาษามนุษย์ออกมา “พวกเราจะพาพวกเจ้าออกไป”

ไม่น่าเชื่อว่าใกล้จะมีสติปัญญาแล้ว!

กู้ซีจิ่วใจเต้นนิดๆ “นายของพวกเจ้าคือผู้ใด?”

“พวกเราจะพาพวกเจ้าออกไป” นกเจิ้นยังคงกล่าวประโยคเดิม

ดูเหมือนพวกมันจะพูดเป็นเพียงประโยคนี้ กู้ซีจิ่วค่อนข้างผิดหวังนิดๆ

อย่างไรก็ตามมีวิหคสองตัวนี้อยู่ที่นี่ ก็เท่ากับแก้ปัญหาใหญ่ของเธอได้ ไม่ต้องอ้อมไกลไปเข้าวังพฤกษาแล้ว

วิหคนี้ขี่คนเดียวยังพอว่า แต่สองคนจะลำบากแล้ว

อวิ๋นเยียนหลียังคงรักหน้ายิ่งนัก เขาไม่อยากให้กู้ซีจิ่วคอยดูแลเขาเสมือนดูแลคนเป็นง่อย พลันซัดฝ่ามือลงบนพื้น ร่างเหินลอยขึ้นไปบนหลังของวิหคตัวหนึ่ง

กู้ซีจิ่วเห็นว่าการเคลื่อนไหวของเขายังคงคล่องแคล่ว ในที่สุดก็วางใจ กระโจนขึ้นไปบนหลังวิหคอีกตัว

วิหคทั้งสองกางปีกเหินบิน…

….

นกเจิ้นสองตัวฟังภาษามนุษย์ออก รับฟังคำสั่งของกู้ซีจิ่ว บินตรงไปยังเมืองแห่งหนึ่งที่อยู่ในละแวกนี้ ร่อนลงที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง

นกเจิ้นหายาก ดังนั้นยามที่พวกกู้ซีจิ่วทั้งสองร่อนลงมาจึงดึงดูดเสียงฮือฮาระลอกหนึ่ง ดึงดูดให้คนมามุงดูไม่น้อยเลย

“นะ… นี่คือนกเจิ้นกระมัง?”

“นี่นกเจิ้นหัวหงอน! ชั้นสูงกว่านกเจิ้นธรรมดามากนัก!”

“นกเจิ้นหัวหงอนรึ? ข้าได้ยินว่าหนึ่งปีก่อนคุณชายฝูอีสยบนกเจิ้นหัวหงอนคู่หนึ่งได้ หรือว่าจะเป็นคู่นี้?”

“มิใช่กระมัง? คุณชายฝูอีปฏิบัติต่อนกเจิ้นหัวหงอนของเขาเยี่ยงสมบัติล้ำค่า ไม่เคยให้คนนอกหยิบยืม แต่สองคนนี้มิใช่คุณชายฝูอี…”

“บางทีพวกเขาคงเป็นสหายของคุณชายฝูอีกระมัง? ถึงอย่างไรทั้งแผ่นดินนี้ก็เคยได้ยินมาว่ามีเพียงคุณชายฝูอีที่สยบวิหคนี้ได้ โยเฉพาะคือสยบได้เป็นคู่ มีอยู่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ไม่มีใครอื่นแล้ว”

“ใช่แน่ๆ!”

ผู้คนพากันพูดคุยถกเถียง ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็แน่ใจแล้วว่าใครคือเจ้าของวิหคคู่นี้

ในใจเธออุ่นวาบขึ้นมา ยื่นมือไปตบสะบักปีกนกเจิ้นเบาๆ “ฝากขอบใจเจ้านายของเจ้าแทนข้าด้วย”

นกเจิ้นสองตัวนี้เย่อหยิ่งนัก หลังจากปล่อยพวกกู้ซีจิ่วทั้งสองลงแล้ว ก็ไม่มองผู้คนที่มุงดุอยู่เลย สยายปีกเหินทะยาน โบยบินขึ้นฟ้าไป

ดูเหมือนอยู่ที่นี่คุณชายฝูอีจะเป็นที่นิยมยิ่งนัก เนื่องจากมีความเกี่ยวโยงกับนกเจิ้น โรงเตี๊ยมแห่งนี้ที่เดิมทีห้องเต็มแล้ว แต่เจ้าของโรงเตี๊ยมเห็นแก่หน้าของคุณชายฝูอี จึงจัดการโยกย้ายห้องพักสองห้องให้พวกเขา แม้แต่เงินค่าห้องพักก็ไม่รับ

กู้ซีจิ่วปีติอยู่ในใจ นึกไม่ถึงเลยว่าเสินเนี่ยนโม่จะสร้างชื่อเสียงเกรียงไกรได้ตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้ เป็นอัจฉริยะโดยแท้!

เมื่อเธอแก้ปัญหาเรื่องที่พักได้แล้ว ก็จัดแจงเรื่องการรักษาอวิ๋นเยียนหลีทันที

กู้ซีจิ่วยังคงใส่ใจความแตกต่างระหว่างชายหญิงยิ่งนัก ไม่อยากอยู่ตามลำพังกับอวิ๋นเยียนหลีตลอด ดังนั้นเธอจึงใช้ยันต์ถ่ายทอดเสียงติดต่อหาหลงซือเย่ ให้เขามาคุ้มกัน

หลงซือเย่มารวดเร็วยิ่ง ตามมาถึงภายในหนึ่งชั่วยาม

หลงซือเย่จัดการเรื่องราวได้หมดจด ได้รับความสำคัญจากเย่เทียนหลีจักรพรรดิเซียนองค์ปัจจุบันยิ่งนัก เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นผู้บัญชาการกองพลทหารม้าจู่โจมแล้ว ยศสูงยิ่งนัก นับว่าเป็นขุนนางขั้นสาม

และอวิ๋นเยียนหลีก็เคยเป็นนายเก่าของหลงซือเย่ มีพระคุณต่อหลงซือเย่ หลงซือเย่จึงปีติยินดียิ่งนักที่ได้พบว่าอวิ๋นเยียนหลียังคงปลอดภัยดี

————————————————————————————-

[1]  นกเจิ้น เป็นปักษาพิษที่ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์ซานไห่จิง อาหารของนกเจิ้นคืองูพิษ กล่าวอ้างอิงกันว่าพิษในตัวมันดูดซับมาจากงูพิษที่กินเข้าไป ในพงศาวดารหลายๆ เรื่องมักจะกล่าวถึงการนำขนนกเจิ้นมาใช้เป็นยาพิษลอบสังหาร