บทที่ 455 ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 455 ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว

“หยุดอยู่ตรงนั้น”

พลัน พลังลมปราณและจิตสังหารสายหนึ่งปรากฏขึ้นในอากาศและถาโถมเข้าไปหานักบวชสาวอย่างไม่มีสัญญาณเตือน

“นี่คือการประลองที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน ใครเข้าไปขัดขวาง ต้องตายสถานเดียว”

ผู้พูดคือกระบี่พเนจรฉู่ฉู่เซียว องครักษ์ลำดับที่ 2 ประจำตัวเว่ยหมิงเฉิน

แต่ถึงมือกระบี่หนุ่มจะปรากฏกายออกมายืนขวางหน้า เยว่เว่ยหยางก็หาได้หวาดกลัวไม่ นางยังคงมุ่งหน้าตรงไปที่เวทีประลองดังเดิม

เช้ง!

ประกายกระบี่สีเงินพุ่งแหวกอากาศไล่ตามหลังเยว่เว่ยหยาง

นี่คือพลังลมปราณกระบี่ของฉู่ฉู่เซียว

แต่แล้วกลับมีมวลพลังลมปราณถูกซัดออกมาสลายการโจมตีของมือกระบี่พเนจร

เป็นการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือของติงซานฉือ

อดีตเซียนกระบี่ชื่อดังมาปรากฏตัวขึ้นข้างกายนักบวชสาวเหมือนเป็นวิญญาณตนหนึ่ง ก่อนที่จะวางมือลงไปบนหัวไหล่ของนาง แต่แล้วสิ่งที่ชายชราไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เพราะในจังหวะนั้น เยว่เว่ยหยางระเบิดพลังลมปราณออกมา ตั้งใจสลัดมือของเขาออกไปจากหัวไหล่

“นี่มัน…”

ติงซานฉือถึงกับตกตะลึงและต้องรีบพูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง เขายังไม่ตาย…”

จากนั้นเขาก็ดึงให้เยว่เว่ยหยางทิ้งตัวกลับลงมายืนอยู่บนพื้นดิน

เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปบนเวทีประลอง พวกเขาจึงได้เห็นว่าบัดนี้บนกำแพงเวทมนตร์ มีร่างที่โชกเลือดของเด็กหนุ่มคนหนึ่งแปะติดอยู่กลางอากาศ ก่อนที่ตัวคนจะค่อยๆ ไถลลงไปในที่สุด

เหลือไว้เพียงคราบเลือดที่ไหลเป็นทางอยู่บนกำแพงเวทมนตร์อย่างน่าขนลุกขนชัน

ผลั่ก!

นั่นคือเสียงที่ดังขึ้นเมื่อร่างของเด็กหนุ่มกระแทกลงไปกับพื้นเวที

สภาพของเขาบัดนี้ ไม่ต่างจากถังขยะที่ถูกผู้คนทุบตีจนยับเยิน เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ขาดกะรุ่งกะริ่งราวกับเป็นผ้าขี้ริ้วผืนหนึ่ง

เสื้อคลุมสีเขียวของเขาถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสดที่ไหลเนืองนองอยู่รอบกาย

เห็นได้ชัดว่าหลินเป่ยเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัสมากแล้ว

โดยเฉพาะเลือดที่ไหลทะลักออกมาจากร่างกาย เพียงเฝ้ามองเฉยๆ ก็ทำให้คนดูรู้สึกขนหัวลุกด้วยความสยองขวัญ และพวกเขาก็มั่นใจว่ากระดูกในร่างกายของเด็กหนุ่มต้องแตกหักไปหมดแล้วแน่นอน

“นี่หรือคือความน่ากลัวของกระบวนท่าที่ 4…”

จูปี้ฉีที่ยืนอยู่ด้านล่างเวทีอดส่งเสียงตะโกนเย้ยหยันขึ้นมาไม่ได้

เลือดยังคงไหลทะลักต่อเนื่อง

ใจคอเจียงจี้หลิวจะปล่อยให้หลินเป่ยเฉินเลือดไหลไปจนตายเลยหรืออย่างไร?

จะฆ่าก็รีบฆ่าเสียเถิด

ทำไมต้องปล่อยให้ผู้คนทรมานด้วย

จังหวะนั้น เจียงจี้หลิวได้โคจรพลังลมปราณแล้ว

แต่ทว่า สีหน้าของเด็กหนุ่มพลันแสดงออกถึงความประหลาดใจเล็กน้อย

เขายืนอยู่ที่เดิม ปล่อยให้สายลมจากความปั่นป่วนในมวลอากาศพัดเส้นผมของตนเองปลิวไสว ดวงตาจ้องมองร่างของคู่ต่อสู้ที่กลายเป็นเสมือนเศษเนื้อกองหนึ่ง กำลังกระดุกกระดิกอยู่ห่างออกไปประมาณ 5 วาเศษ

“ข้า…”

หลินเป่ยเฉินพยายามยันตัวลุกขึ้นจากพื้นด้วยมือที่สั่นเทา

“ขะ… ขะ… ข้าไม่ตายง่ายๆ อย่างที่เจ้าคิดหรอก”

น้ำเสียงของหลินเป่ยเฉินยังคงแฝงความอวดดีอยู่หลายส่วน

แล้วร่างของเขาก็ลุกขึ้นยืนได้จริงๆ

มันเป็นวินาทีเดียวกับที่มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นในหัวเขาว่า…

“การฝึกวิชากระบี่เร้นกายของท่าน ได้บรรลุขั้นกระบี่กระดูกทองแดงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…”

ทันใดนั้น ไม่รู้เลยว่ามีมวลพลังมหาศาลพวยพุ่งออกมาจากไหน แต่ร่างกายของหลินเป่ยเฉินกลับเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

กระบี่กระดูกทองแดงกับผีน่ะสิ

ใครเป็นคนคิดค้นเคล็ดวิชานี้ขึ้นมานะ ต้องให้โดนอัดจนเกือบตายแล้วค่อยเลื่อนระดับได้สำเร็จเนี่ย? ตอนเด็กๆ พ่อแม่ไม่รักหรืออย่างไร?

หลินเป่ยเฉินบ่นอยู่ในใจ

แต่ในที่สุด เขาก็สามารถยืนได้อย่างมั่นคง

เสื้อคลุมสีเขียวที่เคยสง่างาม บัดนี้กลับขาดวิ่น สกปรกด้วยคราบเลือด

เส้นผมสีดำของเขาปลิวไสว

บริเวณแทบเท้าเต็มไปด้วยกองเลือด ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

แต่ภายใต้เส้นผมที่ยุ่งเหยิง ใบหน้าของหลินเป่ยเฉินยังคงหล่อเหลาไม่เปลี่ยนแปลง

ไม่ต่างจากเทพบุตรที่ลงมาจากสวรรค์

“เฮ้อ…”

หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาอย่างแช่มช้า

การเลื่อนระดับสู่ขั้นกระบี่กระดูกทองแดง ทำให้ร่างกายของเขาได้รับการฟื้นฟูกลับมาแข็งแรงดังเดิม

“โชคดีนะเนี่ยที่เมื่อสักครู่ข้ายกมือปิดหน้าเอาไว้ ความหล่อเหลาของข้าจึงยังคงถูกรักษาเป็นอย่างดี!”

เขาถูมือที่เปื้อนเลือดของตนเองเข้าด้วยกัน ก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าไปด้านหลัง ใช้หยดเลือดแทนหยดน้ำ จัดแต่งทรงผมให้เข้าที่เข้าทางอีกครั้ง นั่นจึงส่งผลให้ในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา เส้นผมของหลินเป่ยเฉินจึงกลายเป็นสีแดงฉานไปทั้งศีรษะ

หัวของเขาอาจจะเหม็นกลิ่นคาวเลือดสักหน่อย

แต่อย่างน้อยทรงผมก็ไม่ยุ่งอีกแล้ว

นี่คือการกระทำที่เป็นเรื่องราวปกติธรรมดาอย่างยิ่งหากเกิดขึ้นในช่วงเวลาอื่น แต่เมื่อหลินเป่ยเฉินเลือกกระทำการจัดแต่งทรงผมในเวลานี้ มันก็ทำให้กลุ่มคนดู บรรดามือกระบี่อาวุโส หรือแม้แต่ตัวคู่ต่อสู้ของเขาอย่างเจียงจี้หลิว อดรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาไม่ได้

เหล่าสาวกสาวๆ ของหลินเป่ยเฉินพร้อมใจกันส่งเสียงกรี๊ดดังสนั่นหวั่นไหว

ทำไมเขาถึงได้หล่อเหลาขนาดนี้

“ดูเหมือนเจ้ายังอยากจะสู้ต่อสินะ”

เจียงจี้หลิวพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบแต่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น

“ไม่สู้แล้ว”

หลินเป่ยเฉินโบกมือปฏิเสธและกล่าวว่า “เมื่อสักครู่เจ็บชะมัดเลย… ข้าว่าเจ้าชิงยอมแพ้เสียบัดนี้ก่อนจะดีกว่า”

“หา?”

เจียงจี้หลิวถึงกับชะงักให้กับคำพูดของหลินเป่ยเฉินด้วยความมึนงง

แต่ถึงกระนั้น มือกระบี่พันหน้าก็ยังกล่าวออกมาว่า “เมื่อสักครู่ที่เจ้าต้องพ่ายแพ้ยับเยินนั้น เป็นเพราะว่าฝีมือกระบี่ของเจ้ายังธรรมดาเกินไป ไม่สามารถเทียบชั้นกับกระบี่ทมิฬในมือข้าได้ เดิมทีข้าไม่อยากฉวยโอกาสรังแกผู้ที่มีฝีมือต่ำต้อยกว่าอย่างเจ้าเลย แต่วันนี้ไม่ว่าเจ้าจะสู้ต่อหรือไม่ ข้าก็ต้องฆ่าเจ้าให้ได้”

เมื่อได้ยินดังนั้น หลินเป่ยเฉินก็ตัวสั่นตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

แน่นอนว่าไม่ใช่ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

แต่เขากำลังหัวเราะอยู่ต่างหาก

“ฮ่าฮ่าฮ่าอ่า…”

หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นจัดแต่งทรงผมที่ด้านหลังศีรษะอีกครั้ง ก่อนพูดว่า “ก็ได้ ในเมื่อใจจริงเจ้าไม่อยากรังแกข้า ข้าก็ไม่อยากรังแกเจ้าเหมือนกัน เดิมทีวันนี้ข้าอยากจะไว้ชีวิตเจ้า… จึงไม่อยากแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา แต่ในเมื่อเจ้าเป็นคนที่โอหังเช่นนี้ ก็เท่ากับเป็นการบังคับให้ข้า ต้องเปิดเผยพลังที่แท้จริงออกมาแล้ว…”

เสียงหัวเราะของเด็กหนุ่มดังกังวานมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เขาจะพูดต่อไป “ช่างมันเถอะ ต่อจากนี้ข้าจะแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่าเทพีกระบี่เมตตาข้าเพียงใด… อิอิอิ เทพีกระบี่ผู้ศักดิ์สิทธิ์ขอรับ ได้โปรดช่วยประทานอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของท่านให้แก่ข้าน้อยด้วยเถิด!”

หลินเป่ยเฉินเงยหน้าขึ้นแผดเสียงตะโกนใส่ท้องฟ้า

ในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็ยื่นมือขึ้นไปในอากาศ

เพราะเมื่อสักครู่นี้ มีการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือว่า

การขนส่งปืนอินทรีหิมะมาถึงปลายทางแล้ว เจ้าหน้าที่ขนส่งกำลังรอการลงนามรับของจากเขาอยู่

“ลงนามรับของได้เลย!”

ในพริบตานั้นเอง อากาศธาตุที่ว่างเปล่าเหนือศีรษะของหลินเป่ยเฉินก็ปรากฏวังน้ำวนสีดำขึ้นมาวงหนึ่ง

มันไม่มีพลังทำลายล้าง

แต่ก็ทำให้มวลอากาศตกอยู่ภายใต้ความปั่นป่วนอีกครั้ง

ทุกอย่างเป็นไปตามที่หลินเป่ยเฉินคาดคิด

วังน้ำวนสีดำนั้นมีขนาดความกว้างเพียงครึ่งฝาถังน้ำ บัดนี้ มีวัตถุสีเงินชิ้นหนึ่งกำลังค่อยๆ ร่วงหล่นลงมาอยู่ในมือของเขา

“ติ้ง!”

“การขนส่งเสร็จสมบูรณ์ ผู้ซื้อได้รับคะแนนความศรัทธา 1 แต้ม”

เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ

หลินเป่ยเฉินมองปืนที่อยู่ในมือของตนเอง

ปืนพกสั้นสีเงิน

รูปร่างหน้าตาของมันก็คือปืน Desert Eagle ซึ่งเป็นปืนพกรุ่นยอดนิยมของโลกมนุษย์ดีๆ นี่เอง

อาจจะมีน้ำหนักมากหน่อย แต่ขอแค่มีประสิทธิภาพกำจัดศัตรูได้ก็พอแล้ว

ด้ามจับของมันพอดีกับมือของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ

นี่คือการทดลองซื้อสินค้าครั้งแรกจากแอปพลิเคชัน Taobao ในที่สุดอาวุธวิเศษที่มีมูลค่าถึง 100,000 เหรียญทองคำจากดินแดนทวยเทพ ก็ถูกขนส่งมาถึงมือหลินเป่ยเฉินเรียบร้อย

ได้เวลาที่ยุคสมัยจะเกิดความเปลี่ยนแปลงแล้ว!!!