ตอนที่ 347 ถูกโจมตี

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตอนที่ 347 ถูกโจมตี โดย Ink Stone_Fantasy

หลังงานประมูลใหญ่ของเหยียนเจวียนเสร็จสิ้น กลุ่มคนที่หลั่งไหลในหุบเขาเหล็กอัคคี ก็ไม่เคยลดน้อยลงเลย ผู้คนสัญจรไปมาในหุบเขาไม่หยุด ร้านค้าต่างๆ ก็มีผู้คนเบียดเสียด เป็นภาพที่ดูครึกครื้นเป็นอย่างมาก

และโล่คลื่นทะเลที่มีสามสิบเอ็ดชั้นจำกัด ก็เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในยามว่างของผู้คน

อาวุธจิตวิญญาณชิ้นนี้ ไม่เพียงแต่ประมูลขายด้วยราคาที่สูงถึงสองล้านห้าแสนหินจิตวิญญาณ แต่ข่าวที่ยอดฝีมือของกลุ่มอิทธิพลใหญ่สองกลุ่มลงมือกัน ก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ออกมา

แม้แต่สิ่งที่ราชวงศ์ชังไห่กับราชาปีศาจสมุทรแย่งกันอย่างดุเดือด ก็ทำให้ผู้คนสนใจขึ้นมา

แต่หลังงานประมูลเสร็จสิ้น บรรดาเผ่าเจ้าสมุทรที่ได้อาวุธจิตวิญญาณชิ้นนั้นไป ก็ดูเหมือนจะหายตัวไปด้วย

ไม่เพียงแต่เท่านี้ ผู้ที่ประมูลอาวุธจิตวิญญาณในงานไปได้ ก็ไม่เคยปรากฏตัวในหุบเขาอีก

ดูเหมือนว่าผู้ที่ได้ของประมูลไป ต่างก็ตระหนักถึงความปลอดภัยของอาวุธจิตวิญญาณ ถึงได้ซ่อนตัวอย่างลึกลับ

ด้วยเหตุนี้ มันยิ่งทำให้อาวุธจิตวิญญาณเหล่านี้ ดูลึกลับมากขึ้นกว่าเดิม

……

ในหอเปล่าเปลี่ยวที่สร้างติดภูเขาแห่งหนึ่ง

ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีเทา หน้าตาธรรมดาที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ พลันลืมตาทั้งสองขึ้นมา ดวงตาของเขาดูเปล่งประกาย

เขาก็คือหลิ่วหมิงที่ประมูลโซ่ตรวนสะกดวิญญาณมาได้นั่นเอง

ตั้งแต่ออกจากห้องของเหยียนเจวี๋ยในวันนั้น ก็มีคนรออยู่หน้าประตูแต่แรกแล้ว หลังจากอธิบายเล็กน้อย ก็พาเขาเดินคดเคี้ยวไปตามทางใต้ดิน และผ่านระเบียงแห่งหนึ่ง จนมาถึงค่ายกลส่งตัวขนาดเล็ก หลังจากแสงสีขาวเปล่งประกายออกมา ก็ค้นพบว่าตนเองมาอยู่ในสถานที่เปล่าเปลี่ยวแห่งหนึ่งของหุบเขาเหล็กอัคคี

พอเห็นเช่นนี้ หลิ่วหมิงกลับรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง หลังจากสงบจิตแล้ว ก็ปลอมตัวเป็นชายร่างผอม และกลับที่พักไปอย่างเงียบๆ

ในเมื่อโซ่ตรวนสะกดวิญญาณอยู่ในมือแล้ว เขาจึงไม่รีบร้อนไปจากสถานที่แห่งนี้ แต่กลับทำการปรับแต่งอาวุธจิตวิญญาณชิ้นนี้ก่อน จากนั้นค่อยออกเดินทาง

เพราะตอนนี้ งานประมูลเพิ่งจะเสร็จสิ้น ซึ่งไม่ใช่โอกาสอันดีในการไปจากหุบเขาเหล็กอัคคี

ตอนนี้หลิ่วหมิงทำจิตให้สงบ และฟื้นฟูกำลังกับพลังเวทย์จนถึงระดับสูงสุดแล้ว จากนั้นก็ทำหารปรับแต่งโซ่ตรวนสะกดวิญญาณในมือ

หลิ่วหมิงควักธงค่ายกลสีฟ้าออกจากหอยสังข์ย่อส่วนมาสองสามอัน และปักไว้ตามตำแหน่งต่างๆ ในห้อง ขณะเดียวกันก็ทำท่ามือด้วยมือเดียว จากนั้นธงค่ายกลก็หายไป

ผ่านไปสักพัก จะเห็นแสงทรงกลดสีฟ้าค่อยๆ หมุนวนอยู่ในห้อง จากนั้นก็ห่อหุ้มร่างของเขาไว้

พอเขาพลิกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้น กล่องไม้รูปสี่เหลี่ยมก็ปรากฏบนมือ พอตบมือข้างหนึ่งลงไป ฝากล่องก็เปิดออก เผยให้เห็นโซ่เล็กสีเงินที่มีอักขระประทับอยู่

แท้จริงแล้ว การปรับแต่งที่พูดถึงคือการนำเอาพลังจิต โลหิตบริสุทธิ์ และวิธีการล้ำลึกบางอย่างในการประทับตราของตนเองลงไป เพื่อที่ตนเองจะได้ควบคุม และหลีกเลี่ยงการถูกผู้อื่นชิงร่างได้

แม้ว่าโซ่ตรวนสะกดวิญญาณจะเป็นแค่อาวุธจิตวิญญาณระดับกลาง แต่ชั้นจำกัดที่ประทับอยู่ในนั้นซับซ้อนเป็นอย่างมาก หลิ่วหมิงต้องใช้สมาธิอย่างสูง และเพื่อป้องกันการถูกคนแอบดู เขาถึงได้วางค่ายกลชั่วคราวนี้ไว้

หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาถึงได้โยนโซ่ตรวนสะกดวิญญาณขึ้นบนอากาศ จากนั้นก็พ่นโลหิตบริสุทธิ์ใส่

ขณะเดียวกัน เขาก็ทำท่ามืออย่างรวดเร็ว และเริ่มร่ายคาถาออกมา

หมอกโลหิตที่กลายร่างมาจากโลหิตบริสุทธิ์จมลงบนโซ่สีเงิน อักขระเป็นชั้นๆ ที่ประทับอยู่บนนั้น เริ่มเปล่งแสงสีเงินแสบตา ขณะเดียวกัน ก็มีอักขระสีเงินจำนวนมากปรากฏออกมา อักขระสีเงินหมุนตัวติ้วๆ จากนั้นก็เริ่มก่อตัวเป็นค่ายกลอักขระที่พร่ามัว

ค่ายกลอักขระค่อยๆ หมุนวนอย่างช้าๆ และปรากฏตัววับๆ แววๆ ตามจังหวะการร่ายคาถาของหลิ่วหมิง

พอหลิ่วหมิงใช้นิ้วข้างหนึ่งแตะหน้าผาก พลังจิตอันมหาศาลก็ถูกปลดปล่อยออกมา จากนั้นก็ม้วนตัวไปยังโซ่ตรวนสะกดวิญญาณที่อยู่กลางอากาศ

หลังจากที่มือทั้งสองทำท่ามือแปลกประหลาดออกมา ร่างของเขาก็แน่นิ่งไป

……

เขตป่าดงดิบที่อยู่ห่างจากหุบเขาเหล็กอัคคีร้อยกว่าลี้

ต้นไม้ในป่าต่างก็สูงยี่สิบถึงสามสิบจั้ง กิ่งและใบมีขนาดใหญ่ ทำให้ดูมืดอึมครึมและร่มรื่น และยังมีเสียงอสูรคำรามดังเข้ามาอยู่รำไร

เผ่าเจ้าสมุทรกลุ่มหนึ่ง ที่มีรูปร่างแตกต่างกันกำลังเดินอยู่ในป่าดงดิบ ในกลุ่มของพวกเขามีทั้งชายและหญิง และมีท่าทีระมัดระวังเป็นอย่างมาก มักจะสังเกตดูเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ รอบด้านอยู่ตลอดเวลา

พวกเขาก็คือลี่คุนและเผ่าเจ้าสมุทรคนอื่นๆ ที่ประมูลโล่คลื่นทะเลมาได้อย่างราบรื่น

“การเดินทางมาประมูลในครั้งนี้ นับว่าราบรื่นเป็นอย่างมาก แม้วัสดุล้ำค่าที่นำมาจะเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย แต่ได้โล่คลื่นทะเลมา ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว”

คนที่พูดก็คือ ‘ป้าอวี๋’ หญิงเผ่าเจ้าสมุทรที่มีคิ้วหนาๆ ผู้นั้น

“ฮูหยินหลาน อย่าได้ชะล่าใจไป แม้จะบอกว่าไม่มีทางพลาดอย่างเด็ดขาด และข้าก็ได้ใช้เคล็ดวิชาของเผ่าแปลงร่างให้คนอื่นๆ มีลักษณะเหมือนกับข้า ทั้งยังให้พวกเราแยกออกจากหุบเขาไปคนละทาง แต่ข้ามักจะรู้สึกว่า การลงมือของชิงฉินในงานประมูลอย่างหุนหันพลันแล่น ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด” ลี่คุนได้ยินเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วแล้วกล่าวออกมา

“ผู้อาวุโสลี่ ใยต้องกังวลด้วยเล่า ก่อนหน้านั้น ท่านได้ใช้พลังจิตตรวจสอบไปหลายรอบแล้ว ด้วยพลังระดับผลึกของท่าน ยังไม่พบว่ามีเคล็ดวิชาอะไรประทับอยู่ ชิงฉินผู้นั้นเป็นแค่ปีศาจเร่ร่อนที่บุ่มบ่ามไร้มารยาท คาดว่าเขาคงไม่สามารถก่อเรื่องอะไรได้” ป้าอวี๋ทำเสียงฮึดฮัดแล้วกล่าวออกมา

“อืม! อาจเป็นเพราะข้ากังวลเกินเหตุ แต่หากเขากล้าตามมาจริงๆ ล่ะก็ ข้าจะทำให้กลับไปไม่ได้เลยคอยดู อีกอย่างการออกจากหุบเขาในครั้งนี้ พวกเราตั้งใจไม่ใช้วิธีการเหินเวหา ทำให้คนทั่วไปค้นหาร่องรอยพวกเราได้ยาก” ลี่คุนเงียบไปครู่หนึ่ง และถอนหายใจออกมา สีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย

ฮูหยินหลานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่ก็หันไปพูดปลอบใจเจียหลานเล็กน้อย

“เจียหลาน แม้ว่าครั้งนี้จะไม่ได้โซ่ตรวนสะกดวิญญาณมา แต่พอภารกิจนี้สำเร็จ ทางราชวงศ์จะต้องตอบแทนอย่างหนักแน่นอน พอถึงเวลานั้น ป้าอวี๋จะต้องช่วงชิงอาวุธจิตวิญญาณที่เหมาะสมมาให้เจ้า”

“ขอบคุณป้าอวี๋ ภารกิจของการเดินทางในครั้งนี้ ย่อมสำคัญกว่ามาก” เจียหลานกระพริบตาแล้วโปรยยิ้มออกมา

ฮูหยินหลานฟังจบ ก็แสดงสีหน้าปลื้มใจเป็นอย่างมาก จากนั้นก็ออกเดินทางต่อ

……

พวกเขาเดินไปได้ราวๆ ชั่วเวลาครึ่งถ้วยชา ก็มีเงาดำที่อยู่ท่ามกลางไอหมอกสีดำม้วนตัวเข้ามา

เงาดำหมุนตัวกลางอากาศรอบหนึ่ง จากนั้นก็หล่นลงบนต้นหญ้าที่อยู่ไม่ไกล

ไอหมอกสีดำพวยพุ่งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน

มันคือศีรษะสองหัวที่โชกไปด้วยโลหิต!

“ลี่คุน! ลี่คุน!”

ลี่คุนเห็นเช่นนี้ ก็อึ้งไปทันที สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก เพราะเห็นท่าไม่ดีเข้าแล้ว

ขณะที่คนด้านหลังยังรู้สึกตกตะลึงอยู่นั้น ก็มีแสงสีดำพุ่งออกจากพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกล แสงสีดำนี้พุ่งมาอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็มาถึงข้างตัวลี่คุน

ลี่คุนเป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับผลึก ย่อมตื่นตัวตั้งแต่แรกแล้ว พริบตาที่แสงสีดำปรากฏออกมานั้น ก็มีแสงสีเงินพุ่งออกจากแขนเสื้อของเขา เพื่อรับมือกับแสงสีดำที่พุ่งเข้ามา

“ตู๊ม!”

แสงสีดำกับแสงสีเงินปะทะเข้าด้วยกัน จากนั้นก็แยกออกจากกันในทันที

จนเมื่อแสงสีดำสลายไป ชายฉกรรจ์หัวล้านครึ่งศีรษะก็ปรากฏตัวออกมา

ชายฉกรรจ์ผู้นี้ก็คือชิงฉินที่แพ้การประมูลนั่นเอง!

“ฮึ! ฝีมือจิ๊บจ๊อย แต่กลับทำให้ข้าเสียเวลาไปมาก ทิ้งโล่คลื่นทะเลไว้ซะ ไม่อย่างนั้น พวกเจ้าอย่าหวังจะไปจากที่นี่ได้เลย!” ชิงฉินหัวเราะอย่างเยือกเย็น และทำท่ามือขึ้นมา

จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้น อากาศเหนือศีรษะชิงฉินสั่นไหวอย่างรุนแรง หลังจากไอดำพวยพุ่งออกมาแล้ว มือยักษ์สีดำก็ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว บนผิวของมันมีอักขระสีดำหมุนวนอยู่

พริบตานั้น พลังอันน่าตกใจก็กระเพื่อมออกมา และม้วนตัวออกไปทั่วทิศ ราวกับคลื่นที่โหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง

“รีบถอย!”

ลี่คุนมีสีหน้าเคร่งเครียดทันที เขาพูดกับคนเผ่าเจ้าสมุทรโดยไม่หันหน้าไปมองเลย พอสะบัดแขนเสื้อ แสงสีเงินอันน่าตกใจก็ม้วนออกจากร่างของเขา และรับมือกับมือยักษ์สีดำที่พุ่งเข้ามากลางอากาศอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นการโจมตีอันน่าหวาดกลัวของชิงฉิน ฮูหยินหลานย่อมไม่กล้ายืนนิ่งอยู่กับที่อีก นางรีบให้สั่งให้ลูกน้องถอยไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็หยิบอาวุธจิตวิญญาณรูปหอยออกมา และทำท่ามือด้วยมือเดียว ทันใดนั้น ม่านแสงสีฟ้าก็ปกคลุมคนทั้งหมดไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของผู้แข็งแกร่งทั้งสอง

“ตู๊ม!”

มือยักษ์สีดำกับแสงสีเงินปะทะเข้าด้วยกัน

ท่ามกลางเสียงแตกหักที่ดัง “เปรี๊ยะ!” “เปรี๊ยะ!” ต้นไม้บริเวณรอบๆ ตัวลี่คุนกับชิงฉินถูกคลื่นอากาศอันน่าตกใจปั่นจนละเอียดเป็นผุยผง และสาดกระจายลงมา

ม่านแสงสีฟ้าที่ปกคลุมร่างฮูหยินหลานกับคนอื่นๆ อยู่ ก็มีระลอกคลื่นปรากฏออกมา หลังจากม่านแสงสั่นสะเทือนอยู่ครู่หนึ่ง มันก็เกือบจะพังทลายลง

หลังผ่านการแลกมือไปหนึ่งรอบ มือยักษ์สีดำของชิงฉินกับแสงสีเงินที่ลี่คุนปล่อยออกมา ก็ค่อยๆ สลายไป เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้ทั้งสองต่างก็มีฝีมือพอๆ กัน

“ฮึ! ชิงฉิน ถ้ามีความสามารถแค่นี้ ก็คิดจะต้านทานข้าอย่างหน้าไม่อายล่ะก็ ช่างเพ้อฝันไปหน่อยล่ะมั้ง” ลี่คุนทำเสียงฮึดฮัดแล้วกล่าวออกมา

เขาพลิกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นมา กระบองสั้นโปร่งแสงสีดำก็ปรากฏในมือ พอสะบัดเล็กน้อย มันก็ส่งเสียงแหลมและเศร้ากำสรดออกมาทันที

พอเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ชิงฉินก็ไม่พูดจาให้มากความอีกต่อไป หลังจากหัวเราะอย่างเยือกเย็น ก็ร่ายคาถาออกมา นิ้วทั้งสิบชี้ไปกลางอากาศอยู่ไม่หยุด ร่างของเขาดูพร่ามัวทันที

“หวึ่ง!”

ขณะนี้ อากาศรอบๆ ตัวชิงฉินสั่นไหวอย่างรุนแรง ภายใต้แสงสีดำที่ลอยวนอย่าบ้าคลั่ง มันก็ก่อตัวเป็นอสูรยักษ์ที่น่ากลัว

อสูรยักษ์ยาวยี่สิบกว่าจั้ง บนตัวเต็มไปด้วยเกล็ดสีดำขนาดเท่าปากถ้วย และเปล่งประกายแวววาว ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ รูปร่างของมันดูแปลกประหลาดเป็นพิเศษ ส่วนหัวมีลักษณะคล้ายมัจฉาสีดำ ลำตัวมีลักษณะเหมือนวิหคยักษ์

……………………………………