ตอนที่ 434 ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่? / ตอนที่ 435 ทำอย่างไรดี

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 434 ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่? 

 

 

           จิ้นหยวนคิดๆ แล้วตัดสินใจแอบตามไปเงียบๆ กลับพบว่าผู้หญิงในอ้อมแขนชายคนนั้นเป็นผู้หญิงของเขาเอง! 

 

 

           หากเขาไม่ไปพบเข้าโดยบังเอิญล่ะก็… 

 

 

           สีหน้าเขาขึ้งโกรธ แต่สิ่งที่ทำให้เขาโกรธมากกว่าเดิมคือข้อมูลที่เขาได้รับหลังจากสั่งให้ลูกน้องไปสืบประวัติของชายคนนั้น 

 

 

           หลินจื้อเฉิงส่งประวัติของชายคนนั้นให้จิ้นหยวน เขาได้แต่ปิดปากเงียบไม่กล้าแสดงความคิดเห็นต่อความใจกล้าของเฉียวซือมู่ และตัดสินใจทันทีว่าช่วงนี้คงต้องลางานเสียแล้ว เพราะเขายังไม่อยากซวยเพราะเรื่องนี้ 

 

 

           และเป็นไปตามคาด หลังจากจิ้นหยวนอ่านประวัติของอีริคแล้ว เขาโกรธจนแทบจะทุบคอมพิวเตอร์ให้แหลกคามือ 

 

 

           นี่เขาเห็นอะไร? เฉียวซือมู่กล้าแอบออกไปทำงานลับหลังเขา? คนที่ชื่ออีริคเป็นเจ้านายเธอ? ทั้งสองเป็นคนรักกัน? ออกไปสัมภาษณ์งานท่าทางกะหนุงกะหนิง? 

 

 

           คนที่นอนข้างกายเธอทุกคืนอย่างเขากลับไม่รู้อะไรเลย! 

 

 

           นี่มันหยามหน้ากันมากเกินไปแล้ว! 

 

 

           เขาลุกขึ้นพรวด จะไปถามผู้หญิงคนนั้นให้รู้เรื่องว่าเธอเป็นอะไรไป? คิดจะทำอะไรกันแน่! 

 

 

           มือเขาสั่นเทาด้วยความโกรธจัด กัดฟันกรอด สีหน้าน่ากลัว 

 

 

           หมอประจำตระกูลเดินออกมาเห็นสีหน้าเขาแล้วตกใจจนต้องชะงักฝีเท้า ไม่กล้าปริปากใดๆ 

 

 

           จิ้นหยวนพูดรอดไรฟัน “ว่ามาซิ” 

 

 

           หมอชะงักอึ้งเล็กน้อย “คุณเฉียวไม่ได้เป็นอะไร แค่เมาเท่านั้นครับ” 

 

 

           “แน่ใจนะ?” จิ้นหยวนชายตามองเขา หัวใจเขาเต้นโครมคราม รีบก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขา “ครับ อาการทุกอย่างบ่งชี้ว่าเธอแค่ดื่มจนเมาเท่านั้น อีกไม่นานก็สร่างเมาแล้วครับ” 

 

 

           จิ้นหยวนพยักหน้าเล็กน้อย 

 

 

           สาวใช้เชิญหมอออกไปข้างนอกอย่างสุภาพ 

 

 

           ประตูห้องถูกปิดลง ในห้องเหลือเขาและเธอเพียงสองคนเท่านั้น เขาค่อยๆ เดินไปหยุดยืนอยู่ข้างเตียง จับจ้องใบหน้าเธอนิ่ง 

 

 

           “ผมควรทำยังไงกับคุณดี?” เขาพูดงึมงำเสียงเบา 

 

 

           เฉียวซือมู่สะดุ้งตื่นเพราะความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่าง 

 

 

           ความรู้สึกที่เหมือนถูกสัตว์ร้ายจับจ้องจนเธอรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ขนลุกซู่ ร่างกายเย็นเฉียบ ทำให้เธอที่กำลังหลับไหลต้องสะดุ้งตื่นอย่างช่วยไม่ได้ 

 

 

           เธอลืมตาพรึบ สิ่งแรกที่เห็นคือเห็นเพดานห้องนอนที่แสนคุ้นเคย 

 

 

           เธอมุ่นหัวคิ้วน้อยๆ รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ 

 

 

           เธอค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง เคาะศีรษะตนแรงๆ ใช่แล้ว เธออยู่ในโรงแรมไม่ใช่หรือ? แล้วมาอยู่ที่บ้านได้อย่างไร? 

 

 

           คราวนี้เธอรู้สึกชัดเจนมากกว่าเดิมว่ามีบางอย่างผิดปกติจริงๆ เธอชายตาขึ้น พลันเห็นจิ้นหยวนกำลังนั่งอยู่บนโซฟาข้างหน้าต่าง แม้ท่าทางจะดูสบายๆ แต่ดวงตาคู่นั้นกลับจับจ้องเธอนิ่ง 

 

 

           เธอชะงักเล็กน้อย “อาหยวน? ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?” 

 

 

           จิ้นหยวนเอ่ยตอบนิ่งๆ “ผมไม่อยู่ที่นี่แล้วควรจะอยู่ที่ไหนเหรอ? หรือคุณอยากให้ใครอยู่ที่นี่?” 

 

 

           จู่ๆ เธอก็รู้สึกแปลกๆ “คุณพูดอะไรน่ะ? อะไรคือใครควรอยู่ที่นี่? ไหนคุณบอกว่ามีงานเลี้ยงต้องกลับดึกไม่ใช่เหรอ?” 

 

 

           พูดไปก็รู้สึกแปลกๆ จึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู พบว่าตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว เธอเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ “ดึกขนาดนี้แล้วเหรอ? เอ่อ… ทำไมคุณไม่เข้านอนล่ะ?” 

 

 

           อีกอย่าง เธออยู่ในโรงแรมไม่ใช่หรือ? แล้วกลับมาอยู่ที่บ้านได้อย่างไร แล้วทำไมสีหน้าจิ้นหยวนถึงแปลกอย่างนี้? 

 

 

           ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจ แต่เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อ ได้แต่มองหน้าจิ้นหยวนด้วยสายตาเต็มไปด้วยความหวังว่าเขาจะให้คำตอบที่น่าพอใจแก่เธอ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 435 ทำอย่างไรดี 

 

 

           แต่จิ้นหยวนกลับเอาแต่นั่งจ้องเธอนิ่งโดยไม่ยอมพูดอะไรเลย 

 

 

           เขาเป็นอะไรไป? 

 

 

           เธอเริ่มกระวนกระวายใจ ค่อยๆ ลงจากเตียงแล้วเดินไปหาเขา อากาศหนาวเหน็บยามค่ำคืนทำให้เธอรู้สึกหนาวจนสั่น 

 

 

           จู่ๆ จิ้นหยวนก็ลุกพรวดคว้าจับแขนเธอหมับอย่างแรงจนเธอเจ็บแปลบ “อา… คุณทำฉันเจ็บนะ” 

 

 

           เขาขยับมุมปากอย่างเย็นชา สายตาไร้รอยยิ้มใดๆ “เหรอ? แล้วเจ็บเท่ากับที่ผมเจ็บหรือเปล่า?” 

 

 

           “คุณหมายความ… หมายความว่ายังไง?” เธอมองเขา ใบหน้าซีดขาว 

 

 

           เขาก้มลงมองริมฝีปากเธอ ริมฝีปากสีชมพูน่ารักที่เขาชอบจูบมากที่สุด ไม่คิดเลยว่ามันจะมีแต่คำโกหกหลอกลวง 

 

 

           สายตาเย็นเยียบของเขากดดันจนเธอเริ่มตัวสั่นเทา “คุณเป็นอะไรไปคะ?” 

 

 

           เขาปล่อยแขนเธอออกอย่างแรงจนเธอเซถอยหลังไปหลายก้าวจนเกือบหกล้ม เธอพยายามประคองตัวยืนให้มั่นคง รู้สึกน้อยใจมากจนน้ำตาแทบไหล “จิ้นหยวน คุณเป็นอะไรไปกันแน่ เป็นบ้าไปแล้วหรือไง?” 

 

 

           จิ้นหยวนจ้องเธอด้วยสายตาเย็นชา “ถ้าผมเป็นบ้าจริง คงสมใจคุณสินะ?” 

 

 

           “คุณพูดบ้าอะไรน่ะ!” เธอชักโมโห ไม่รู้ตัวเลยว่าเขารู้ความลับของเธอแล้ว จึงตัดพ้ออย่างน้อยใจ “ฉันตื่นมาคุณก็พูดอย่างนี้กับฉัน ฉันแค่ถามก็ไม่ได้หรือไง?” 

 

 

           เขาแค่นยิ้ม “เหรอ? ก็คุณอยากจะอยู่กับผู้ชายที่ชื่ออีริคคนนั้นไม่ใช่หรือไง?” 

 

 

           “อีริค?” หัวใจเธอกระตุกวูบ ชายตามองเขา ใบหน้าเย็นเยียบของเขาทำให้หัวใจเธอเย็นวาบ 

 

 

           เธอรีบก้าวเข้าไปหาเขาด้วยความหวาดหวั่น หวังจะจับมือเขา “คุณรู้หมดแล้ว? มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ คุณฟังฉันก่อน…” 

 

 

           จิ้นหยวนถอยเท้าหลายก้าว คำรามเสียงเย็นเยียบ “อย่ามาแตะต้องตัวผม!” 

 

 

           หัวใจเธอเย็นวาบ สายตาเย็นยะเยือกราวหิมะของเขาทำให้เธอร้อนใจมาก รีบอธิบาย “คุณฟังฉันก่อน เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด…” 

 

 

           แย่แล้ว เขารู้เรื่องที่เธอแอบหนีออกไปทำงานข้างนอกแล้ว มิน่าเล่า เขาถึงได้โกรธมากขนาดนี้ แต่ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย แค่ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ เขาเองก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล 

 

 

           เมื่อคิดได้ดังนี้จึงรู้สึกสบายใจขึ้น น้ำเสียงฟังดูผ่อนคลายลงมาก “อาหยวน เรื่องนี้ฉันเป็นคนผิดเอง แต่ฉัน…” 

 

 

           “ไม่ต้องพูดแล้ว” เขาโบกมือพลางจ้องเธออย่างเย็นชา “คุณกับเขาเป็นอะไรกันแน่? หือ? พวกคุณเป็นแฟนกันใช่ไหม? แล้วผมล่ะ ผมเป็นอะไร?” 

 

 

           เขายิ่งพูดยิ่งโมโห ยิ่งพูดยิ่งไม่น่าฟัง 

 

 

           ใบหน้าเธอซีดเผือด ร่างกายซวนเซ “ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้น ฉันจะทำ… จะทำอย่างนั้นได้ยังไง… คุณดูถูกฉันมากเกินไปแล้วนะ!” 

 

 

           เธอแค่ออกไปทำงานนอกบ้านเท่านั้น ไม่เห็นต้องตราหน้าเธอด้วยความผิดหนักหนาแบบนี้เลยนี่? 

 

 

           จิ้นหยวน คุณใจร้ายมาก! 

 

 

           ใบหน้าเธอขาวซีด น้ำตาร่วงเผาะ “ฉันไม่ได้… ไม่ได้…” 

 

 

           จิ้นหยวนเห็นน้ำตาเธอแล้วใจอ่อนทันที แต่พอนึกถึงข้อมูลที่บอกว่าเธอกับอีริคใกล้ชิดกันมาก ทำให้เขาโกรธขึ้นมาอีก “คุณอยากจะพูดอะไร? จะบอกว่าคุณห้ามความรู้สึกที่มีต่อเขาไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?” 

 

 

           ทั้งสองทะเลาะกันทั้งคืน 

 

 

           เฉียวซือมู่งัวเงียตื่นขึ้นอีกครั้งหลังตะวันบ่ายคล้อย เธอลืมตาขึ้น กวาดสายตามองไปทั่วห้องสักพักจึงตั้งสติได้ 

 

 

           เธอค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง มองดูห้องนอนกว้างขวางตรงหน้าแล้วหวนนึกถึงค่ำคืนที่ถูกเขาทรมานร่างกายอย่างหนักแล้วรู้สึกเจ็บปวดมาก ได้แต่กอดผ้าห่มร้องไห้เบาๆ 

 

 

           เสียงร้องไห้กระซิกๆ ดังสะท้อนอยู่ภายในห้องนอน และดังเล็ดลอดออกไปจนสาวใช้ที่กำลังจะเคาะประตูห้องได้ยินเข้า 

 

 

           สาวใช้สีหน้ากระวนกระวายใจเล็กน้อย รู้สึกเห็นใจเธอนิดๆ ดูสิ คนรวยไม่เห็นจะมีความสุขตรงไหน เสียดายที่ตนยังเคยแอบอิจฉาเธอมากมาย 

 

 

           เธอลังเลเล็กน้อย ยกมือขึ้นเคาะประตู 

 

 

           เฉียวซือมู่ไม่มีกะจิตกะใจจะไปเปิดประตู จึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียดื้อๆ แต่เสียงเคาะประตูยังคงดังไม่หยุด เธอรีบเช็ดน้ำตาให้แห้งอย่างเซ็งๆ เอ่ยเสียงขึ้นจมูก “เข้ามา!” 

 

 

           สาวใช้เดินเข้าไปในห้อง วางถาดในมือลงบนโต๊ะ เอ่ยอย่างสุภาพ “คุณนายคะ นี่เป็นอาหารเย็นที่คุณพ่อบ้านเตรียมเอาไว้ให้คุณค่ะ” 

 

 

           เฉียวซือมู่ขยับกาย พลันรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งร่าง เธอไม่อยากอาหารแม้แต่นิดเดียว จึงพยักหน้าอย่างขอไปที “รู้แล้ว” 

 

 

           สาวใช้ลอบมองเธอแวบหนึ่งแล้วเดินออกจากห้องเงียบๆ 

 

 

           ร่างกายเธอแข็งเกร็งทันทีที่สัมผัสถึงสายตาที่อีกฝ่ายมองมายังตน คิดไม่ถึงเลยว่าจนป่านนี้แล้วยังมีคนมองเธอด้วยความเห็นใจอีก ทุกคนคงรู้เรื่องที่เธอกับจิ้นหยวนทะเลาะกันหมดแล้ว 

 

 

           แล้วพวกเขาคิดอย่างไร? รู้สึกเห็นใจเธอเหมือนสาวใช้คนนั้นหรือเปล่า? หรือจะเข้าข้างจิ้นหยวน คิดว่าเธอไม่รักดี ให้ท่าผู้ชายข้างนอก? 

 

 

           เธอยิ้มขมขื่น คนพวกนั้นคงคิดเหมือนจิ้นหยวน คิดว่าเป็นความผิดของเธอ ก็เขาเป็นนายจ้างของพวกเขานี่ ส่วนเธอ ถ้าไปจากจิ้นหยวนแล้วก็ไม่ใช่อะไรเลย 

 

 

           เธอคิดเรื่อยเปื่อย รู้สึกรันทดใจมาก 

 

 

           ชั่วขณะหนึ่ง เธอรู้สึกทำอะไรไม่ถูก 

 

 

           ต่อไปเธอจะทำอย่างไรดี? จากปฏิกิริยาของจิ้นหยวนเมื่อคืนนี้ คราวนี้เธอคงทำให้เขาโกรธมากจริงๆ ถ้าเช่นนั้น ต่อไปเขาจะทำอย่างไรกับเธอ? 

 

 

           ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ยิ่งคิดยิ่งกระสับกระส่าย 

 

 

           ที่สำคัญ ยังมีเรื่องเร่งด่วนมากอีกหนึ่งเรื่อง ถ้าจิ้นหยวนกลับมาแล้วเธอควรจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไรดี? 

 

 

           เธอครุ่นคิดไปมาแต่ก็ไม่ได้ข้อสรุปเสียที จึงลุกออกจากเตียง เข้าไปส่องกระจกในห้องน้ำ แม้เธอจะเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่เธอต้องตกใจสะดุ้งเฮือกกับภาพน่าสลดใจของตนที่สะท้อนอยู่ในกระจก