บทที่ 396 คุณคงจะไม่ใช่ชวนชมหรอกนะ

รักหวานอมเปรี้ยว

แววตาของชวนชมสั่นไหวเล็กน้อย

ที่เธอพูดมาทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น

แต่ว่าจะยังไงล่ะ ขอแค่สามารถปิดบังความลับของไฝแดงได้ก็พอแล้ว

“ความคิดของฉันเหมือนกับทามทอย ที่ไม่เชื่อเรื่องไร้สาระที่ว่าดวงฉันไปชงกับเธออะไรแบบนี้” มายมิ้นท์ขมวดคิ้วไว้แล้วเปิดปากพูดขึ้น

ชวนชมกัดริมฝีปากไว้ “ที่ฉันพูดมามันเป็นความจริงเลยนะ”

“ในเมื่อเป็นความจริง งั้นเธอบอกฉันมาซิ ว่าหมอดูคือใคร?” มายมิ้นท์ถามขึ้นมา

ชวนชมหรี่เปลือกตาลงต่ำ “ฉันไม่รู้จักค่ะ ฉันแค่บังเอิญไปเจอเท่านั้น เขาดูดวงให้ฉันเสร็จแล้วก็ไปเลย”

“เหอะ มีพิรุธเต็มไปหมด” ทามทอยโกรธจนรู้สึกขำ

ชวนชมบีบฝ่ามือเล็กน้อย “ฉันรู้ว่าพวกคุณไม่เชื่อถือ แต่ว่าความจริงมันก็คือแบบนี้”

“ได้ ในเมื่อเธอปากแข็งไม่ยอมสารภาพออกมา งั้นฉันก็จะไปสืบหาเอง รอให้ฉันหาความลับของไฝแดงเม็ดนี้เจอแล้ว ฉันจะมาคิดบัญชีกับเธอคนแรกเลย” มายมิ้นท์ตบที่พักแขนรถเข็นทีหนึ่ง “ทามทอย สิ่งที่ควรถามเราก็ถามหมดแล้ว พวกเราไปกันเถอะ ที่เหลือก็มอบให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเถอะ”

“อืม ก็ดีจะได้กลับไปปรึกษาเรื่องที่จะเปิดโปงว่าเธอเป็นชวนชมตัวปลอมกันยังไงสักหน่อย” ทามทอยพยักหน้าขึ้น

สีหน้าของชวนชมเปลี่ยนไป “พวกคุณจะเปิดโปงฉันเหรอคะ?”

“เธอลอบทำร้ายมายมิ้นท์ ก็ได้หักหลังพวกเราไปแล้ว เธอนึกว่า พวกเรายังจะยอมให้เธอเป็นชวนชมต่อไปอีกเหรอ? และที่สำคัญเธอก็อยากจะเป็นชวนชมมาตลอดไม่ใช่เหรอ? งั้นก็หมายความว่าใจของเธอไม่ได้อยากจะทำงานให้พวกเรามาตั้งนานแล้ว ไม่อยากทำให้ตระกูลภักดีพิศุทธิ์พังพินาศแล้ว เพราะเธอรู้ว่า ถ้าตระกูลภักดีพิศุทธิ์พังพินาศไปแล้ว ถึงเธอจะได้เป็นชวนชมตลอดไป ก็ไม่มีทางที่จะได้ใช้ชีวิตร่ำรวยอย่างตอนนี้แล้ว” ทามทอยจ้องมองเธอ แล้วก็พูดอย่างเยาะเย้ยไป

ท่าทีของชวนชมเกิดหวาดกลัวขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าโดนเปิดเผยความในใจออกมาแล้ว

เป็นอย่างที่เขาพูดมาจริง ๆ เธอไม่อยากกลับไปเป็นเจินเจินแล้ว แค่อยากจะเป็นชวนชมตลอดไป

แต่ถ้าจะเป็นชวนชมตลอดไป งั้นตระกูลภักดีพิศุทธิ์และเอสซีกรุ๊ปก็จำเป็นที่จะต้องคงอยู่ต่อไป ไม่งั้นทุกอย่างที่เธอทำในวันนี้ ก็จะไม่มีความหมายอะไรเลย

เพราะฉะนั้น ในตอนที่เธอลงมือกับมายมิ้นท์นั้น ก็ได้ตัดสินใจที่จะยืนอยู่ข้างตระกูลภักดีพิศุทธิ์เลย

จ้องมองท่าทางที่เงียบไม่พูดอะไรของชวนชม ในใจของทามทอยก็เยาะเย้ยตัวเองไม่หยุด

เขายังหลงคิดว่าตัวเองมีสายตาดีมาก โตมาขนาดนี้ ยังไม่เคยมองใครผิดไปเลยสักคน

แต่ตอนนี้ กลับมาตกม้าตายอยู่ในมือผู้หญิงคนหนึ่ง นี่มันแม่งเฮี้ยมากจริง ๆ เลย

“พอแล้วเจินเจิน รักษาชีวิตที่อยู่สุขสบายของเธอไปให้ดีเถอะ เพราะว่าอีกไม่นาน เธอก็จะได้กลับไปเป็นเจินเจินอีกครั้งแล้ว” พอพูดจบ ทามทอยก็เข็นมายมิ้นท์ออกไปจากห้องสอบสวนเลย

ชวนชมหรี่เปลือกตาลง บดบังความมืดมนในดวงตาไป

เปลี่ยนกลับไปเป็นเจินเจินเหรอ?

ไม่มีทาง เธอไม่มีทางยอมให้เกิดขึ้นเด็ดขาด!

นอกสถานีตำรวจ ทามทอยเข็นมายมิ้นท์เดินไปทางรถของเธอที่อยู่ข้างหน้า

ระหว่างทาง เธอก้มหน้าไว้ตลอด และลูบข้อมือที่พันผ้าพันแผลของตัวเองไป เหมือนกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่

พอทามทอยเห็นเข้า ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “กำลังคิดเรื่องไฝแดงเม็ดนี้ของคุณอยู่เหรอ?”

มายมิ้นท์ตอบอืมไปคำหนึ่ง “ใช่ค่ะ ไม่คิดไม่ได้ การกระทำของเจินเจินที่มาทำลายไฝแดงเม็ดนี้มันน่าแปลกมากเลย แต่เธอก็ไม่ยอมที่จะบอกเหตุผลออกมา เพราะฉะนั้นยังไงในใจของฉันก็ยังมีปมอยู่อันหนึ่ง”

“ที่เจินเจินทำร้ายคุณ เพราะรู้สึกว่าคุณจะมาเปิดโปงสถานะของเธอ และก่อนหน้านี้ลำดวนก็เคยบอกกับคุณว่าไฝแดงของคุณสามารถเป็นภัยคุกคามต่อสถานะของเจินเจินไม่ใช่เหรอ? ส่วนสถานะที่เจินเจินสนใจมากที่สุด ก็คือสถานะของชวนชม เพราะฉะนั้นที่ข้อมือของชวนชมตัวจริงอาจจะมีไฝแดงอยู่หรือเปล่า จากนั้นเจินเจินก็รู้สึกว่าคุณเป็นชวนชมตัวจริง เพราะฉะนั้นก็เลย……”

“จะเป็นไปได้ยังไง” มายมิ้นท์พูดขัดคำพูดของเขาขึ้นอย่างไม่รู้จะขำหรือว่าจะหัวเราะดี แล้วส่ายหน้าแล้วก็พูดขึ้นว่า “ฉันจะไปเป็นชวนชมได้ยังไง ฉันเป็นลูกแท้ ๆ ของพ่อแม่นะ คุณเคยได้ยินว่าพ่อแม่ฉันไปอุ้มใครมาเป็นลูกสาวบุญธรรมมาจากที่อื่นไหมล่ะ?”

“มันก็ไม่เคยมีนะ” ทามทอยยักไหล่เล็กน้อย

“แค่นี้ก็พอแล้วไง” มายมิ้นท์เหล่ตามองเขาทีหนึ่ง

ทามทอยหัวเราะแหะ ๆ ขึ้นมาทีหนึ่ง จากนั้นก็นึกถึงอะไรขึ้นมา แล้วก็ก้มหน้าลงมาจ้องหน้าของเธอ

ถึงแม้ว่ามายมิ้นท์จะมองไม่เห็น แต่ก็สามารถรู้สึกได้ถึงสายตาของเขา แล้วก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา “คุณทำอะไรเนี่ย?”

“มายมิ้นท์ ผมเคยบอกคุณมานานแล้วใช่ไหม? ว่าดวงตาของคุณเหมือนของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์มากเลย” ทามทอยจ้องมองดวงตาของเธอ

มายมิ้นท์ยกมือขึ้นมาลูบเล็กน้อย “ใช่ ครั้งที่ขาฉันได้รับบาดเจ็บ แล้วคุณไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนฉัน”

“ใช่ ตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกว่าเหมือนมาก แล้วบวกกับความผิดปกติที่เจินเจินมีต่อคุณ เพราะฉะนั้นการที่คุณจะเป็นชวนชมตัวจริง มันก็มีโอกาสเป็นไปได้นะ” ทามทอยลูบคางไปแล้วก็พูดขึ้น

ในใจของมายมิ้นท์นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง มือที่วางอยู่บนที่พักแขน กำเข้าหาแน่นอย่างไม่รู้ตัว “ไม่มีทางหรอก แค่ตาเหมือนเท่านั้น ที่อื่นไม่ได้เหมือนสักหน่อย จะดูจากแค่ตาเหมือนกัน ก็มาบอกว่าฉันเป็นชวนชมไม่ได้หรอก ตาของเจินเจิน ก็เหมือนกับคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์มากไม่ใช่เหรอ?”

“มันก็ใช่อยู่” ทามทอยพยักหน้าเล็กน้อย “แต่ไม่ว่าจะยังไง ไฝแดงของคุณก็ยังวนเวียนอยู่กับสถานะของชวนชม เพราะฉะนั้นต่อไปผมกะว่าจะไปสอบถามเรื่องของชวนชมตัวจริงซะหน่อย ว่าบนตัวมีไฝแดงอะไรหรือเปล่า โดยเฉพาะตรงข้อมือ ถ้ามีละก็ มายมิ้นท์คุณมีโอกาสที่จะเป็นชวนชมตัวจริงได้เลยนะ พอถึงตอนนั้น ผมหวังว่าทางที่ดีที่สุดคุณควรไปตรวจดีเอ็นเอกับสองสามีภรรยาเยี่ยมบุญสักหน่อยนะ”

มายมิ้นท์กัดริมฝีปากล่างไว้ แล้วก็ไม่พูดอะไร

เพราะว่าเธอยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่ชวนชม

ถ้าหากว่าตัวเองเป็นจริง ๆ งั้นความแค้นที่ตัวเองมีต่อตระกูลภักดีพิศุทธิ์ จะคิดยังไงล่ะ?

เพราะฉะนั้นเธอยินดีที่จะยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ลูกสาวของตระกูลกิตติภัคโสภณ แต่ก็ไม่มีทางยอมรับได้ว่าตัวเองเป็นชวนชมตัวจริง

พอมองความขัดแย้งและความหวาดกลัวของมายมิ้นท์ออก ทามทอยก็ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็รู้ว่าสามเหตุคืออะไรแล้ว

เขาถอนหายใจทีหนึ่ง แล้วพูดอย่างปลอบประโลมขึ้นว่า “ไม่ต้องเป็นกังวลหรอก เมื่อกี้คุณก็บอกมาแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าพ่อแม่ของคุณไม่เคยรับเลี้ยงลูกสาวมาก่อน เพราะฉะนั้นโอกาสที่คุณเป็นลูกสาวของตระกูลกิตติภัคโสภณ ก็ยังมีสูงมาก และที่สำคัญคุณก็เพิ่งไปตรวจสอบชาติกำเนิดของตัวเองจากเมืองน้ำรุ้งมาไม่ใช่เหรอ? เพราะฉะนั้น……”

“ฉันรู้” มายมิ้นท์หลับตาลงเล็กน้อย และพยายามสงบสติอารมณ์ลง “กลับกันก่อนเถอะ”

พอเห็นว่าเธอไม่อยากจะพูดอะไรมากเกี่ยวกับหัวข้อนี้ ทามทอยก็หุบปากลง แล้วก็เข็นเธอเดินไปข้างหน้าต่อ

พวกเขาเพิ่งออกไปจากสถานีตำรวจ ทางสถานีตำรวจก็แจ้งให้สองสามีภรรยาเยี่ยมบุญมาที่สถานีตำรวจเลย

ชวนชมได้ยอมรับว่าลอบทำร้ายมายมิ้นท์แล้ว งั้นทางสถานีตำรวจก็จะต้องแจ้งพ่อแม่อยู่แล้ว

พอสองสามีภรรยาเยี่ยมบุญได้ยินเรื่องที่ชวนชมทำร้ายมายมิ้นท์จนโดนจับแล้ว ก็เกือบจะเป็นลมไปทั้งคู่

เพราะว่าพวกเขาเพิ่งจะต้องส่งส้มเปรี้ยวเข้าไปแล้วคนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่านี่แค่ผ่านมาไม่นาน ชวนชมก็จะเข้าไปด้วยอีก

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ลูกสาวทั้งสองคนต่างก็โดนมายมิ้นท์ส่งเข้าไป

นี่ทำให้เยี่ยมบุญทั้งโกรธและทั้งอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า ตระกูลภักดีพิศุทธิ์ของพวกเขากับตระกูลกิตติภัคโสภณนี่ดวงชงกันหรือเปล่า

ไม่งั้นทำไมคนของตระกูลภักดีพิศุทธิ์ของพวกเขา ถึงได้ไปตกอยู่ในมือคนตระกูลกิตติภัคโสภณคนแล้วคนเล่า?

“ที่รัก ทำยังไงดีคะ!” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ร้องไห้อย่างร้อนใจขึ้นมา “พวกเราเสียส้มเปรี้ยวไปแล้ว จะมาเสียชวนชมอีกไม่ได้นะคะ ส้มเปรี้ยวเด็กคนนั้นมีความแค้นกับมายมิ้นท์ จะไปต่อต้านมายมิ้นท์นั้น ฉันสามารถเข้าใจได้ แต่ว่าตอนนี้ทำไมชวนชมก็มาลงมือกับมายมิ้นท์ด้วยละคะ? นี่ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่?”

สีหน้าของเยี่ยมบุญมืดครึ้มได้อย่างไม่น่าดู “คุณมาถามผม แล้วผมจะไปถามใคร?”

“……” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วถึงเพิ่งตั้งสติกลับมาได้ ว่าตัวเองนั้นถามผิดคนแล้วจริง ๆ

เขาอยู่บ้านกับตัวเองมาตลอด ก็ไม่มีทางที่จะไปรู้สาเหตุได้จริง ๆ

“เอาล่ะ ไปสถานีตำรวจกันก่อน ไปดูสถานการณ์สักหน่อยค่อยว่ากัน” เยี่ยมบุญสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง แล้วก็ลุกขึ้นมาจากโซฟา

อาจจะเป็นเพราะว่าลุกเร็วเกินไป หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อกี้ได้ยินว่าชวนชมโดนจับแล้วไฟโกรธพุ่งขึ้นมาในอก ทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่ดี ร่างกายของเขาเซไปเล็กน้อย จนเกือบจะล้มลง

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์รีบไปพยุงเขาไว้ แล้วถามขึ้นอย่างทั้งร้อนใจและทั้งเป็นห่วง “ที่รัก คุณเป็นอะไรไปคะ ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”

เยี่ยมบุญค่อย ๆ หลับตาลงผ่อนคลายสภาพร่างกายสักหน่อย จากนั้นก็สะบัดมือเล็กน้อย “ผมไม่เป็นไร ไปกันเถอะ รีบไปสถานีตำรวจ ไปรีบคิดหาวิธีช่วยชวนชมออกมากัน”

เป็นส้มเปรี้ยวก็ช่างเถอะ ในเมื่อเรื่องที่ทำผิดนั้นเป็นเรื่องใหญ่ แล้วก็ไม่ได้เป็นลูกแท้ ๆ ด้วย เขาสามารถที่จะไม่สนใจได้

แต่ว่าชวนชมนั้นไม่เหมือนกัน นี่เป็นลูกแท้ ๆ ของเขา เป็นลูกสาวคนเดียวของเขา ไม่ว่าจะยังไง เขาก็จะต้องช่วยให้ได้!