ตอนที่ 180 นับถอยหลังสู่ตอนอวสาน (4) / ตอนที่ 181 นับถอยหลังสู่ตอนอวสาน (3)

[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก

ตอนที่ 180 นับถอยหลังสู่ตอนอวสาน (4)

 

 

“ระบบ?” ไป๋เยว่เลิกคิ้วสูง คิดว่าตันหวายคงจะอ่านนิยายจนเพ้อไปเสียแล้ว

 

 

พอเห็นสีหน้าของไป๋เยว่ ตันหวายก็รู้ทันทีว่าหมายถึงอะไร จึงอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้

 

 

ตันหวายถามอย่างโกรธเคือง “นึกไม่ออกเลยจริงๆ เหรอ?”

 

 

ไป๋เยว่ไม่เอ่ยตอบ สีหน้าขณะมองตันหวายเต็มไปด้วยความฉงนสงสัย

 

 

ตันหวายทำหน้าเคร่งขรึม กล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นผมจะเล่าให้คุณฟัง บางทีผมเล่าไปแล้วคุณอาจจะนึกออกบ้าง”

 

 

นิทานเรื่องนี้ฟังสนุกเพลิดเพลินทีเดียว ตันหวายถ่ายทอดออกมาได้อย่างดีเยี่ยม หลังเล่าจบไป๋เยว่ยังอดปรบมือให้ไม่ได้ ชมเปาะว่าคุณเล่านิทานเก่งมากจริงๆ 

 

 

ตันหวายเอือมระอาจนกลอกตาขึ้นฟ้า คิดว่าไป๋เยว่อาจเป็นคนที่ฟ้าส่งมากวนประสาทเขา

 

 

ไป๋เยว่ก็ชักไม่มั่นใจ ตันหวายหลงเพ้อไปเองหรือเปล่าไม่อาจรู้ได้ แต่เขาคิดว่าเขาคงไม่ใช่คนที่ตันหวายกล่าวถึงอย่างแน่นอน ถ้าหากตันหวายจำคนผิดขึ้นมาจะทำอย่างไรกัน

 

 

ไป๋เยว่ครุ่นคิดเพียงครู่เดียวก็ตัดสินใจแน่วแน่ คนคนนั้นจะเป็นใครก็ช่าง ไม่ว่าอย่างไรตันหวายก็ต้องเป็นของเขา

 

 

เกิดมายี่สิบห้าปีเพิ่งจะเคยตกหลุมรักใครสักคน ไป๋เยว่รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

 

 

ในขณะที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ตันหวายเองก็ไม่เคยสังเกตเห็น จนกระทั่งวันหนึ่งรูมเมทของเขาถามขึ้นว่า “นายกับรุ่นพี่ไป๋คบกันตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?”

 

 

เดิมทีตันหวายอยากตอบว่าตนไม่ได้คบกับใครทั้งนั้น แต่มาคิดดูอีกที หากบอกว่าไม่ได้คบกันก็คงจะไม่มีใครเชื่อ

 

 

ไป๋เยว่มีเวลาว่างเมื่อไหร่ก็มักจะมารับตันหวายออกไปทานข้าวข้างนอก หลายครั้งกลับมาดึกดื่น ตันหวายก็จะแวะไปค้างคืนที่บ้านของไป๋เยว่เป็นประจำ

 

 

ตกลงว่าพวกเขาเป็นอะไรกันนะ?

 

 

ตันหวายคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก จึงส่งข้อความไปหาไป๋เยว่

 

 

[คือว่า ตอนนี้พวกเรา…เป็นเพื่อนสนิทกันใช่ไหม?]

 

 

ตอนแรกคิดว่าไป๋เยว่คงจะตอบกลับมาช้า คาดไม่ถึงว่าไป๋เยว่จะตอบกลับทันที

 

 

[คิดอะไรน่ะเจ้าเด็กโง่ ตอนนี้พวกเราก็เป็นแฟนแบบผู้ชายกันไงเล่า!]

 

 

ตันหวายไม่มีเวลาไปสนใจว่าแฟนแบบผู้ชายหมายถึงอะไรแล้ว สมองคิดแต่เพียงว่า เราได้คบกับเทพบุตรในดวงใจโดยไม่รู้ตัวเชียวเหรอเนี่ย!

 

 

ขีดเส้นใต้ โดยไม่รู้ตัว

 

 

ตันหวายถามอีก

 

 

[พวกเราคบกันตอนไหนเหรอ?]

 

 

[ก็วันนั้นคุณมานอนค้างบ้านผม ผมถามคุณว่าเป็นแฟนกับผมได้ไหม แล้วก็ตอบอืม]

 

 

ตันหวายงงงวย นั่งนึกอยู่นานสองนานก็ยังนึกไม่ออกว่าตัวเองไปเออออด้วยตอนไหน

 

 

จากนั้นตันหวายก็ฉุกคิดขึ้นได้ หรือว่าหลังจากเราหลับไปแล้ว ไป๋เยว่คนเจ้าเล่ห์จะเล่นไม่ซื่อกับเรา!

 

 

ตันหวายสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ไหนพูดซะดิบดีว่าคุณจะจีบผม คุณก็จีบไปสิ จะมาหลอกลวงกันทำไม! 

 

 

คนหลอกลวงไม่รับรู้เลยว่าตนเองได้หลุดพ้นจากสถานะแฟนไปไกลจนกู่ไม่กลับ จนกระทั่งขับรถมารับแฟนหลังเลิกงานตอนเย็น ถึงค่อยรู้ข่าวว่าแฟนออกไปกินหม้อไฟกับเพื่อนแล้ว

 

 

คนคนนั้นครุ่นคิด รู้สึกว่าเรื่องชักย่ำแย่ไปกันใหญ่ จึงตัดสินใจคุกเข่ารับโทษ

 

 

เนื่องจากแฟนใครบางคนที่กินหม้อไฟกับเพื่อนสั่งเนื้อวัวกับเนื้อแกะเกินมาหลายจานโดยไม่ตั้งใจ จึงจัดการจ่ายบิลทั้งหมดให้เสียเลย

 

 

ตันหวาย “…”

 

 

รัฐบาลไม่น่าปล่อยให้พวกเอ็งกินดีอยู่ดี ไม่งั้นก็คงไม่สิ้นเปลืองเสบียงอาหารอย่างนี้!

 

 

หลังกินข้าวเสร็จ ตันหวายก็หิ้วถุงใส่เนื้อวัวกับเนื้อแกะพะรุงพะรังเต็มมือ ก่อนจะถูกไป๋เยว่ฉุดตัวขึ้นรถ

 

 

“ตันหวาย” ไป๋เยว่เอ่ยขึ้นทันควัน

 

 

ตันหวายทำเสียงฮึดฮัด เบือนหน้าหนีไปมองนอกหน้าต่างไม่ยอมพูดจา

 

 

ไป๋เยว่กะพริบตาปริบ หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนหยิบดอกยิปโซช่อใหญ่ออกมาจากตรงไหนสักแห่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เจ้าหนูน้อยตันหวาย ผมชอบคุณ คุณจะตกลงเป็นแฟนกับผมไหมครับ?”

 

 

ตันหวายตะลึงงัน พลางรับช่อดอกยิปโซเอาไว้อย่างเก้อเขิน แล้วจึงส่งเสียงอืมตอบรับอย่างเชิดหยิ่ง

 

 

ไป๋เยว่คลี่ยิ้ม คิดว่าเจ้าหนูน้อยช่างเอาใจง่ายดีจริงๆ

 

 

~

 

 

ปีที่ตันหวายจบการศึกษา ยังลังเลใจว่าจะเลือกเรียนต่อปริญญาโทหรือออกไปหางานทำ

 

 

เรียนต่อปริญญาโทเป็นแผนที่วางไว้ตั้งแต่แรก แต่ว่าไป๋เยว่อายุยี่สิบเจ็ดแล้ว หากตนเรียนต่ออีกสามปี เขาไม่แน่ใจว่าคุณแฟนจะหนีตามใครไปก่อนหรือเปล่า

 

 

แน่นอนว่าตันหวายสับสนเพียงชั่วครู่ ไป๋เยว่ก็ยืนกรานอย่างหนักแน่นให้ตันหวายเรียนต่อปริญญาโท

 

 

ถึงอย่างไรก็พยายามมาตั้งหลายปี ถ้าไม่เรียนต่อคงน่าเสียดายแย่

 

 

“คุณสบายใจเถอะ ต่อให้ผมหนีตามใครไปคุณก็ไม่ต้องพึ่งผมอยู่ดี” ไป๋เยว่กล่าวไว้เช่นนี้

 

 

ตันหวายใคร่ครวญดูแล้วก็คิดว่าจริงของเขา และเลือกเรียนต่อปริญญาโทอย่างหมดห่วง

 

 

ตันหวายมีพรสวรรค์ด้านศิลปะสูงมากทีเดียว จึงสอบติดเป็นนักศึกษาปริญญาโทของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้อย่างราบรื่นไร้อุปสรรค

 

 

ในงานเลี้ยงฉลอง ไป๋เยว่ได้ล่วงรู้ความลับอย่างหนึ่ง ตอนนั้นรูมเมทของตันหวายดื่มจนเมามาย ถึงขนาดนอนแผ่หลาบนโซฟาแทบจะพยุงตัวลุกขึ้นไม่ไหว

 

 

รูมเมทตบบ่าไป๋เยว่พลางคร่ำครวญ “รุ่นพี่ ไอ้หนูตันของพวกเรามันน่าสงสาร เมื่อก่อนไอ้เวรตะไลนั่นไม่ยอมรับรักไอ้หนูตันจนเป็นปมด้อยในชีวิตมันเลยนะ!”

 

 

ด้วยเหตุนี้ ไป๋เยว่จึงได้รับรู้เรื่องที่รักแรกหนึ่งเดียวของตนเคยมีคนในดวงใจมาก่อน

 

 

แม้จะไม่ถึงกับโกรธเคืองเพราะเรื่องนี้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่

 

 

อืม หมาแก่หวงก้างอย่างไป๋เยว่ไม่มีทางยอมรับว่าเขาอิจฉา

 

 

ไป๋เยว่ที่ภายนอกเหมือนหมาแก่ใจดีแต่ภายในร้อนรุ่มแทบระเบิดรีบโทรหารุ่นพี่ที่อยู่เอกเดียวกับตันหวายทันที

 

 

“อะไรนะ ตันหวายเคยตามจีบใคร?” รุ่นพี่คนนั้นครุ่นคิดสักครู่ ก่อนจะนึกออกว่ามีอยู่คนหนึ่งจริงๆ “น่าจะแก่กว่าเราสองปี ตัวจริงเป็นใครไม่รู้ เจ้าเด็กนั่นเก็บความลับเก่งมาก”

 

 

เยี่ยมเลย ไป๋เยว่กล่าวขอบคุณแล้ววางสายโทรศัพท์ ทำอย่างไรก็ไม่อาจสะกดข่มอารมณ์หึงหวงที่เอ่อล้นขึ้นในใจ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 181 นับถอยหลังสู่ตอนอวสาน (3)

 

 

ตันหวายรู้สึกว่าช่วงนี้ไป๋เยว่ทำตัวแปลกไปเล็กน้อย อาการที่เห็นได้ชัดคือ ไม่ว่าเขาพูดอะไรก็มักจะได้ยินคุณไป๋แค่นเสียงประชดประชันตลอดเวลา

 

 

แน่นอนว่า ประชดประชันสร็จแล้วก็ยังคงปฏิบัติตามที่ตันหวายบอกอย่างเชื่อฟัง

 

 

ตันหวายไม่ใส่ใจ คิดว่าไป๋เยว่อาจจะฮอร์โมนมาไม่ปกติ หรือไม่ก็เข้าสู่วัยทองก่อนวัยอันควร

 

 

ไป๋เยว่ตามหึงหวงอยู่ครึ่งค่อนปีจนท้อแท้เหลือทน เพราะเจ้าตัวที่ถูกหึงไม่รับรู้ว่าเขาหึงเลยแม้แต่น้อย

 

 

ความรักของคนทั้งสองเป็นไปอย่างราบรื่น ต่างฝ่ายต่างเคยพบผู้ใหญ่แล้ว แม้จะแต่งงานกันไม่ได้ แต่ตันหวายก็อาศัยเวลาช่วงปิดเทอมจดทะเบียนสมรสกับไป๋เยว่ ถึงไม่มีผลทางกฎหมาย แต่จดไว้ดูต่างหน้าก็สบายใจกว่า

 

 

เพียงชั่วพริบตาฤดูเปิดภาคเรียนก็เวียนมาถึง ตันหวายต้องไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัย ไป๋เยว่จึงขอลางานตลอดทั้งเช้าเพื่อไปส่งเขา

 

 

มหาวิทยาลัยยังอยู่ในเมืองเดิม เพียงแต่เปลี่ยนที่ตั้งนิดหน่อย

 

 

มหาวิทยาลัยกำหนดว่าหลักสูตรปริญญาโทต้องอยู่หอพักในครึ่งปีแรก ข้อนี้ทำให้ไป๋เยว่กลัดกลุ้มใจอย่างยิ่ง มันอาจทำลายความสุขในการครองชีวิตคู่เลยทีเดียว

 

 

ตันหวายเหลือบมองคุณไป๋ที่ช่วยเขาเก็บกระเป๋าอย่างหน้าดำคร่ำเครียดพลางคลี่ยิ้ม เขยิบเข้าไปจูบเขาแล้วตบก้นเบาๆ เป็นการปลอบใจ

 

 

ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ไป๋เยว่กลายร่างเป็นสัตว์ป่าเมื่อคืนล่ะ ทำเอาวันนี้เขา…

 

 

สำหรับตันหวายแล้วไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม ไป๋เยว่ล้วนยอมอดทนเสียสละทุกอย่าง เมื่อก่อนเขาไม่เคยคิดว่าตนจะหลงรักใครหัวปักหัวปำขนาดนี้ ทั้งยังผูกพันลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา เหมือนกับเหล้าที่ยิ่งผ่านไปนานปีก็ยิ่งอยากลิ้มรสชาติ

 

 

ดูท่าพวกที่ชอบศิลปะส่วนใหญ่จะไม่สนใจภาพลักษณ์ ตันหวายถึงได้ทิ้งข้าวของระเกะระกะไปทั่ว

 

 

ไป๋เยว่จัดเสื้อผ้าให้ตันหวายจนเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะเริ่มเก็บรวบรวมสมุดภาพของเขา

 

 

สมุดภาพเหล่านี้ตันหวายไม่ยอมให้เขาแตะต้อง เว้นแต่ว่าวันไหนนึกสนุกขึ้นมา จึงจะค้นเอาภาพวาดออกมาชื่นชมด้วยกันกับเขาสักที

 

 

เพื่อเป็นการให้เกียรติคู่สมรส ไป๋เยว่จึงไม่เคยเข้าไปรื้อค้นของพวกนี้สุ่มสี่สุ่มห้า แต่น่าเสียดายที่วันนี้เป็นข้อยกเว้น

 

 

ไป๋เยว่ยืนอยู่ท่ามกลางกองกระเป๋าเดินทาง มองดูสมุดที่ตนเผลอทำร่วงหล่นลงบนพื้น และตกสู่ห้วงภวังค์อันลึกล้ำ

 

 

คนในภาพนี้คือใครกัน? พอมองออกคร่าวๆ ว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่ง แถมรูปร่างสูงยาวเข่าดีเสียด้วย

 

 

ไป๋เยว่สับสนอยู่นาน สุดท้ายก็ฉุกนึกถึงคนในดวงใจของแฟนตัวเองขึ้นมาได้ ทั้งร่างพลันสั่นเทิ้มไปหมด

 

 

บนหน้าปกสมุดภาพระบุเวลาที่วาดภาพเอาไว้ ปี 2015 อืม ยังไม่รู้จักกับเขา เยี่ยมจริงๆ

 

 

ไป๋เยว่ตีหน้าตายเก็บสมุดภาพขึ้นมา จากนั้นค่อยชำเลืองดูประตูห้องนอนที่ปิดสนิทอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นว่าตันหวายไม่มีทีท่าจะออกมาง่ายๆ ก็แค่นเสียงหึพลางเปิดดูสมุดภาพ  

 

 

เขาอยากจะดูซิว่า ไอ้ลูกหมาหน้าโง่ที่ไหนมันบังอาจมาเป็นคนในดวงใจของภรรยาเขา

 

 

ต่อจากนั้น ไป๋เยว่ก็นิ่งอึ้งไป

 

 

เขายกมือขึ้นขยี้ตา หลังจากเพ่งดูจนแน่ใจว่าตนไม่ได้จำหน้าคนในภาพวาดผิดเพี้ยนไป มุมปากก็พลันฉีกรอยยิ้มกว้าง ถึงขนาดหุบอย่างไรก็หุบไม่ลง

 

 

ความสุขยังคงเปี่ยมล้นจนกระทั่งเขามาส่งตันหวายที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย พอถึงหน้าประตูใหญ่ตันหวายก็ไม่ได้ลงไปทันที แต่กลับจ้องมองไป๋เยว่พลางเลิกคิ้วอย่างสงสัย

 

 

ตันหวาย “ถูกหวยเหรอครับถึงได้ดีใจขนาดนี้?”

 

 

ไป๋เยว่หัวเราะในลำคอโดยไม่เอ่ยตอบ แววตาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ

 

 

ตันหวายหัวเราะเหอะๆ เอื้อมมือไปหยิกแก้มของไป๋เยว่พลางคลี่ยิ้ม “พี่บอกมาเถอะน่า เจอเรื่องอะไรดีๆ มางั้นเหรอ”

 

 

ไป๋เยว่เลิกคิ้ว “คุณอยากรู้จริงหรือ? ผมกลัวคุณรู้แล้วจะลำบากใจ”

 

 

ตันหวายยิ่งสนอกสนใจ จะมีเรื่องอะไรที่ทำให้เขาลำบากใจได้

 

 

“อะฮึ่ม” ไป๋เยว่กระแอมทีหนึ่ง “คุณตกหลุมรักผมตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

 

 

ตันหวาย “…”

 

 

ขอโทษที บายล่ะ!

 

 

ไป๋เยว่เกี่ยวคอเสื้อตันหวายที่พยายามจะหนีลงจากรถเอาไว้ ก่อนประทับตราลงบนริมฝีปากของเขาโดยไม่ยอมให้ขัดขืน 

 

 

“คุณไม่อยากเล่าผมก็จะไม่ถาม ว่าแต่น้องครับ พี่แทบจะสำลักความสุขตายอยู่แล้ว”

 

 

สำลักความสุขตายกับผีน่ะสิ ตันหวายรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนจัดจนแทบมีควันลอยออกมา

 

 

กระทั่งวันหนึ่งหลังจากผ่านมาเนิ่นนาน ตันหวายเข้าร่วมงานเลี้ยงอำลานักศึกษาดีเด่น จึงบังเอิญพบกับรุ่นพี่คนนั้นอีกครั้งบนโต๊ะอาหาร

 

 

ตอนที่รุ่นน้องได้รู้ว่าตันหวายคบกับไป๋เยว่ก็ตื่นตกใจอย่างยิ่ง เพราะเธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่ารุ่นน้องคนเก่งของตนจะเป็นเกย์!

 

 

รุ่นพี่ครุ่นคิดสักครู่ กล่าวอย่างมีนัยลึกซึ้งว่า “มิน่าล่ะ มิน่าล่ะเขาถึงถามว่าเธอมีคนที่แอบชอบหรือเปล่า”

 

 

ตันหวายตะลึงงัน ถามว่า “คนที่แอบชอบเหรอครับ?”

 

 

รุ่นพี่พลันหัวเราะร่าพลางแฉไป๋เยว่ให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ แฉเสียจนหมดเปลือก 

 

 

ตันหวายหรี่ตา ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาคือไป๋เยว่รู้ว่าเรามีคนที่แอบชอบได้ยังไง!

 

 

ตันหวายมีความอดทนกับเรื่องแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร หลังกลับถึงบ้านจึงใช้ทั้งไม้แข็งไม้อ่อน ทั้งข่มขู่ทั้งหลอกล่อ อีกทั้งยังตั้งแง่เล่นเชิงกัน ในที่สุดก็สาวความจริงจากปากไป๋เยว่ออกมาจนได้

 

 

“ผมไม่ได้ผิดสักหน่อย” ไป๋เยว่ลูบรอยฟันขนาดใหญ่บนใบหน้า กล่าวอย่างใสซื่อว่า “ก็รูมเมทของคุณมาปรับทุกข์ให้ผมฟัง ผมก็เลยต้องนั่งฟังน่ะสิ!”

 

 

ก่อนที่จะไปทุบกบาลรูมเมทของตนเสียให้เข็ด ตันหวายก็นึกถึงช่วงเวลาที่ไป๋เยว่ทำตัวแปลกประหลาดเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว ก่อนจะคลี่ยิ้ม

 

 

ยอมก็ได้ครับพี่ไป๋ เก็บกดมานานน่าดูเลยสิท่า หึงมาตั้งครึ่งปียังอุตส่าห์อดทนไม่ปริปากบ่น สุดยอดไปเลย!

 

 

หลังจากนั้น เรื่องนี้ก็กลายเป็นบัญชีเก่าที่ตันหวายหยิบยกออกมาสะสางทุกครั้งที่ทะเลาะกัน เล่าไปพลางล้อเลียนไปพลาง ไม่ต้องพูดถึงว่าไป๋เยว่นึกเสียใจทีหลังขนาดไหน

 

 

สรุปง่ายๆ ก็คือเสียใจอย่างสุดซึ้งทีเดียว