บทที่ 1456 ข่าวดีในข่าวดี

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

‘ในที่สุดมันก็จบ สงครามราคาครั้งนี้น่าสนใจจริงๆ’ จ้าวเหลียนหยุนลอบถอนหายใจ

 

ธุรกิจวิญญาณปีจบลงด้วยชัยชนะของฟางหยวน ทุกคนต่างประหลาดใจกับผลลัพธ์นี้

 

สถานการณ์นี้หาได้ยาก ผู้ขายหน้าใหม่สามารถเอาชนะผู้ขายรายเดิมทั้งสามในตลาด

 

คนส่วนใหญ่คิดว่าผู้ขายรายใหม่เป็นหมาป่าขณะที่ผู้ขายรายเดิมเป็นพยัคฆ์หรือราชสีห์ แต่สุดท้ายผู้ขายรายใหม่กลับไม่ใช่หมาป่าแต่เป็นมังกร ผู้ขายรายเดิมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา พวกเขาพ่ายแพ้อย่างยับเยินและไม่สามารถขายวิญญาณปีของพวกเขาได้อีกต่อไป

 

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้เรื่องนี้ถูกนำไปพูดถึงอยู่เสมอ

 

จ้าวเหลียนหยุนเริ่มคิดเกี่ยวกับสงครามราคาที่เกิดขึ้น

 

นางต้องการเรียนรู้จากมันเพื่อประโยชน์สำหรับตัวเอง

 

‘เหตุใดผู้ขายรายใหม่ถึงชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ขณะที่ผู้ขายรายเดิมพ่ายแพ้?’ จ้าวเหลียนหยุนถามตัวเอง

 

จากนั้นนางก็ตอบตัวเอง ‘เพราะผู้ขายรายใหม่แข็งแกร่ง แม้ผู้ขายรายเดิมจะร่วมมือกัน พวกเขาก็ยังไม่ใช่คู่แข่งของเขา’

 

‘ใช้กำลังอย่างเต็มที่เพื่อกวาดล้าง?’ จ้าวเหลียนหยุนมึนงงเล็กน้อยก่อนที่นางจะเผยรอยยิ้มขมขื่น

 

นางต้องการเรียนรู้วิธีเข้าสู่ตลาดในฐานะคนใหม่

 

แม้วิธีของฟางหยวนจะดูฉลาดและพิถีพิถันแต่เขาก็มีความแข็งแกร่งที่สามารถกวาดล้างทุกสิ่งและปราบปรามคู่แข่งทั้งหมด จ้าวเหลียนหยุนไม่สามารถเรียนรู้สิ่งใดจากเขา

 

เพราะเขาใช้กำลังที่เหนือกว่าอย่างหมดจด

 

‘ข้าเข้าใจแล้ว’

 

‘การเริ่มต้นด้วยราคาสูงและค่อยๆลดลงมาทำให้เขาได้รับกำไรมากกว่าการลดราคาต่ำสุดทันที เขายังสามารถสำรวจบรรทัดฐานของผู้ขายรายเดิมทั้งสาม ในที่สุดเขาก็สามารถยืนยัน’

 

กลุ่มก้อนความคิดพุ่งชนกันอยู่ในใจของจ้าวเหลียนหยุนอย่างต่อเนื่อง

 

‘หลังจากการแข่งขันจบลง ผู้ขายรายใหม่ชนะด้วยความแข็งแกร่ง แต่เขาไม่พอใจกับชัยชนะเพียงครั้งเดียว’

 

‘ผู้ขายรายใหม่ต้องการยึดครองตลาดในสวรรค์สีเหลือง เขาต้องเอาชนะผู้ขายรายเดิมทั้งสามและขับไล่คนเหล่านั้นออกจากตลาด’

 

‘คนผู้นี้ช่างเอาแต่ในนัก’

 

‘เห้อ…เมื่อใดกันที่ข้าจะมีความแข็งแกร่งเช่นนี้’

 

จ้าวเหลียนหยุนคิดเรื่องนี้และถอนหายใจกับตัวเอง

 

นางพึ่งเริ่มจัดการมิติช่องว่างและยังอยู่ห่างไกลจากระดับของฟางหยวน

 

แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็สลักความประทับใจนี้เอาไว้ในหัวใจของนางแล้ว

 

หรงซิน หวังหมิงเยว่ และเซี่ยเปาซูกำลังพูดคุยกัน

 

“เห้อ…คนผู้นี้มาจากที่ใด? เขาแข็งแกร่งมาก เขาสามารถตอบสนองตลาดทั้งหมดในสวรรค์สีเหลือง เราไม่สามารถขายวิญญาณปีในสวรรค์สีเหลืองได้อีก” หวังหมิงเยว่ถอนหายใจ

 

“เรื่องนี้ไม่ง่าย เขาพยายามกำจัดพวกเราทั้งหมด!” เซี่ยเปาซูกล่าวอย่างมีอารมณ์

 

“พี่เซี่ยพูดถูก คนผู้นี้ขายสินค้าราคาต่ำ อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ตลาดวิญญาณปีจะถูกครอบครองโดยพวกเขาอย่างสมบูรณ์ พวกเขาจะได้รับกำไรมหาศาล นอกจากนั้นพวกเขายังปฏิเสธที่จะทิ้งเศษอาหารเหลือไว้ให้พวกเรา!” หรงซินแสดงออกอย่างน่ากลัว

 

พวกเขาไม่สามารถขายสินค้า

 

วิญญาณปีเป็นที่ต้องการของทุกคนขณะที่ฟางหยวนสามารถจัดหาสินค้าและตอบสนองตลาดได้อย่างสมบูรณ์

 

ด้วยวิธีนี้อีกไม่กี่ปีข้างหน้าผู้ขายรายเดิมจะไม่สามารถขายวิญญาณปีที่มีอยู่ในคลังสินค้าของพวกเขา

 

เมื่อผู้ซื้อมีทางเลือกที่ดีกว่า เหตุใดพวกเขาต้องซื้อสิ้นค้าราคาแพง? เว้นเพียงราคาจะต่ำกว่าเท่านั้น พวกเขาจึงจะซื้อสะสมไว้อีกเล็กน้อย

 

แต่ผู้ขายรายเดิมไม่สามารถขายในราคาเดียวกับฟางหยวน

 

พวกเขาต้องเก็บวิญญาณปีเอาไว้เท่านั้น

 

อย่างไรก็ตามหลังจากหลายปีเมื่อความต้องการสินค้ามากขึ้นอีกครั้ง ฟางหยวนจะสามารถขึ้นราคาได้เล็กน้อย

 

เมื่อเวลานั้นมาถึงผู้ขายรายเดิมทั้งสามจะสามารถขายได้อีกครั้งแต่ฟางหยวนก็จะใช้กลยุทธ์เดิมอีกหน

 

หากฟางหยวนลดราคา ผู้ขายรายเดิมจะไม่สามารถขาย

 

นี่คือความแข็งแกร่ง

 

ด้วยความแข็งแกร่งที่แตกต่างนี้ ไม่ว่าแผนการใดก็ไม่สามารถใช้งาน

 

ฟางหยวนเป็นคนฉลาด แต่ครั้งนี้เขาต่อสู้อย่างตรงไปตรงมาและมันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการบดขยี้ฝ่ายตรงข้าม

 

ผู้ขายรายเดิมทั้งสามเงียบหลังจากพูดคุยกันสักพัก

 

บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด

 

เพราะพวกเขารู้ดีว่าตราบเท่าที่ฟางหยวนแข็งแกร่ง พวกเขาจะไม่มีช่วงเวลาที่ง่ายดายในอนาคต แม้พวกเขาจะสามารถขายต่อ แต่กำไรของพวกเขาจะลดลงอย่างมาก

 

“ตอนนี้เราทำได้เพียงหวังว่าคนผู้นี้จะหยุดทำเรื่องที่น่ากลัวเช่นนี้” หวังหมิงเยว่เผยรอยยิ้มขมขื่น

 

ผู้อมตะอีกสองคนส่ายศีรษะ

 

สิ่งนี้เป็นไปไม่ได้

 

“เราจะร่วมมือกัน” หรงซินเร่งกล่าว

 

นี่เป็นวิธีแก้ปัญหา

 

ในอดีตทั้งสามเป็นคู่แข่ง หลังจากไม่นานพวกเขาจึงบรรลุข้อตกลงทางการค้าเพื่อผลกำไร

 

“แต่เราจะสามารถทำสิ่งใด? ความแข็งแกร่งมันเห็นได้ชัด” หวังหมิงเยว่ถอนหายใจ

 

เซี่ยเปาซูวิเคราะห์อย่างใจเย็น “นั่นขึ้นอยู่กับความสามารถของเรา เราต้องโน้มน้ามเขา”

 

“หากเขาไม่เห็นด้วย?” หวังหมิงเยว่ถามต่อ

 

เซี่ยเปาซูเงียบ

 

หรงซินรู้สึกขมขื่น “หากเขาไม่เห็นด้วยและต้องการให้พวกเราออกจากธุรกิจนี้ เราก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้เท่านั้น”

 

ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาสามารถทำได้

 

ความแข็งแกร่งของฟางหยวนบังคับให้พวกเขาต้องยอมแพ้และออกจากธุรกิจวิญญาณปี

 

แต่พวกเขาจะยอมแพ้ง่ายๆได้อย่างไร?

 

กำไรจากธุรกิจวิญญาณปีเป็นสิ่งค้ำจุนพวกเขาและกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา หากมันถูกทำลาย แล้วผู้ใดจะรับผิดชอบความเสียหายนี้?

 

“ไม่! ข้าไม่สามารถแพ้!” เซี่ยเปาซูกัดฟันกล่าว เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ เขาพึ่งพาธุรกิจวิญญาณปีเพื่อสนับสนุนการบ่มเพาะของตนเอง

 

ด้วยการสูญเสียครั้งนี้ มันจะส่งผลกระทบต่อเขาเป็นอย่างมาก

 

สถานการณ์ของหวังหมิงเยว่ดีกว่าเซี่ยเปาซูเล็กน้อย นางเคยเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษก่อนจะเข้าร่วมกับกองกำลังฝ่ายธรรมะ

 

แม้นางจะสูญเสียแต่นางยังสามารถพึ่งพาสามีและกองกำลังที่อยู่เบื้องหลัง

 

หรงซินมีแรงกดดันน้อยที่สุด

 

เพราะเขาเป็นสมาชิกของกองกำลังใหญ่ของภาคกลางที่มีรากฐานอันล้ำลึก

 

สิ่งสำคัญก็คือเขาได้รับวิญญาณปีมาจากการหลอมรวม เขาสามารถหยุดหลอมรวมมันและเปลี่ยนธุรกิจได้อย่างง่ายดาย

 

“ต้องการร่วมมือกับข้างั้นหรือ?” ฟางหยวนเย้ยหยันหลังจากได้รับการติดต่อ

 

เขาจะร่วมมือเพื่อสิ่งใด?

 

เขาสามารถครองตลาดเพียงผู้เดียว แล้วเขาจะแบ่งผลกำไรให้ผู้อื่นงั้นหรือ?

 

ฟางหยวนปฏิเสธทันที

 

หินวิญญาณสิบสองล้านก้อน!

 

นี่คือกำไรที่เกิดจากสงครามราคาในครั้งนี้ของฟางหยวน

 

แม้เขาจะขายราคาต่ำ แต่ยอดขายของเขาสูงมาก นี่ทำให้เขาสามารถสะสมเงินจำนวนมหาศาล

 

“เมื่อข้าขับไล่ผู้ขายรายเดิมทั้งสามออกจากตลาด ข้าสามารถเพิ่มราคาได้เล็กน้อย”

 

“แต่อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ผู้ขายรายเดิมจะเข้ามาอีกครั้ง”

 

ฟางหยวนประเมิน

 

ด้านหนึ่งพวกเขาไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ อีกด้านหนึ่งพวกเขาต้องการตรวจสอบรากฐานของฟางหยวน

 

สุดท้ายแม้สวรรค์สีเหลืองจะถูกฟางหยวนยึดครองไป แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ซื้อสินค้าจากสวรรค์สีเหลือง

 

ตัวอย่างเช่นกองกำลังใหญ่ของหวังหมิงเยว่ พวกเขาจะซื้อวิญญาณปีจากนาง นอกจากนั้นยังมีกองกำลังอีกมากมายที่เต็มใจซื้อสินค้าราคาสูงเพื่อรักษาสายสัมพันธ์ของพวกเขาเอาไว้

 

แน่นอนว่าหากฟางหยวนยังครองตลาดต่อไปอีกหลายปี ผู้ขายรายเดิมทั้งหมดจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากขึ้น หลังจากทั้งหมดแม้กองกำลังอื่นจะต้องการรักษาสายสัมพันธ์ของพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังต้องการซื้อสินค้าราคาถูกจากฟางหยวน

 

หลังจากฟางหยวนครอบครองสวรรค์สีเหลือง ต่อไปอิทธิพลของเขาจะขยายไปสู่ตลาดอื่นๆและกลายเป็นผู้ขายรายใหญ่ที่สุดในธุรกิจวิญญาณปีของโลกใบนี้ สำหรับคนอื่นๆ พวกเขาสามารถขายวิญญาณปี แต่พวกเขาจะไม่สามารถแข่งขันกับฟางหยวนได้อีก

 

“หลังจากชำระหนี้ ข้ายังเหลือหินวิญญาณอมตะในการครอบครองอีกสิบล้านก้อน แต่อีกไม่กี่ปีข้างหน้าวิธีทำกำไรนี้จะไม่สามารถใช้งานได้”

 

ในขณะที่ฟางหยวนกำลังคิดว่าจะใช้หินวิญญาณอมตะเหล่านี้จัดการมิติช่องว่างของเขาอย่างไร ผมที่หกก็เดินเข้ามาหาเขา

 

เขาแจ้งข่าวดีกับฟางหยวน

 

“ผู้อาวุโสฟางหยวน วิญญาณบนเส้นทางอาหารที่ท่านให้ข้าหลอมรวมประสบความสำเร็จแล้ว!”