“คุณพูดได้ถูกต้อง” ทามทอยพยักหน้าอย่างจริงจัง
เรื่องนี้จะบอกกับสองสามีภรรยาเยี่ยมบุญตรง ๆ ไม่ได้ ว่าเจินเจินไม่ใช่ชวนชมตัวจริง
“แต่พวกคุณเคยคิดกันบ้างไหม? ว่าเจินเจินจะบอกเรื่องนี้กับพวกเยี่ยมบุญ ว่าเธอเป็นหนอนบ่อนไส้ที่พวกคุณส่งมา เพราะเจินเจินต้องการสถานะของชวนชม จึงได้ตัดสินใจที่จะพึ่งพาตระกูลภักดีพิศุทธิ์แล้ว ซึ่งมันก็มีความเป็นไปได้ ที่เธอจะพูดเรื่องของพวกคุณออกมา” ในเวลานี้ จู่ ๆ ชาหวานก็พูดออกมาประโยคหนึ่ง
มายมิ้นท์ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “จุดนี้คุณไม่เข้าใจแล้ว เจินเจินไม่มีทางที่จะพูดหรอก”
“เพราะอะไรคะ?” ชาหวานกะพริบตาขึ้นอย่างสงสัย
ทามทอยพูดอธิบายขึ้นว่า “เพราะว่าแค่เธอพูดออกมา ว่าตัวเองเป็นหนอนบ่อนไส้ ถึงแม้ว่าสองสามีภรรยาเยี่ยมบุญจะคิดว่าเอเป็นชวนชมอยู่ก็ตาม ความรู้สึกที่สองสามีภรรยาเยี่ยมบุญมีต่อเธอก็จะจืดจางลง นี่สำหรับเจินเจินแล้ว เป็นเรื่องที่ไม่คุ้มที่จะเสี่ยง”
“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง ฉันนี่ไม่มีทางที่จะเทียบกับคนฉลาดอย่างพวกคุณได้เลยจริง ๆ” ชาหวานถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง
ทามทอยจ้องมองมายมิ้นท์ “งั้นคุณกะว่าจะบอกกับพวกเยี่ยมบุญยังไงกันครับ?”
“ง่ายมาก ในมือคุณมีผลตรวจดีเอ็นเอของเจินเจินกับพวกเยี่ยมบุญอยู่ไม่ใช่เหรอ? ส่งไปให้ชุดหนึ่งก็พอแล้ว” มายมิ้นท์พูดขึ้นเรียบ ๆ
ทามทอยยักคิ้วเล็กน้อย “ใช่ซิ อันนี้ไม่ยาก ได้ เดี๋ยวผมจะไปจัดการเลย”
ในตอนที่กำลังพูดอยู่นั้น เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้นมาพอดี
ชาหวานลุกขึ้นมาจากโซฟา “ประธานมายมิ้นท์ เดี๋ยวฉันไปเปิดเองค่ะ”
“ได้” มายมิ้นท์พยักหน้า
ชาหวานเดินไปทางระเบียงหน้าบ้าน แล้วก็เปิดประตูออก ด้านนอกมีคนยืนอยู่คนหนึ่ง เป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่มีรอยยิ้มอบอุ่นและเป็นมิตร
“คุณคือ?” ชาหวานหรี่ตาลง แล้วก็วิเคราะห์อีกฝ่ายไป
หญิงวัยกลางคนยิ้มแย้มแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันเป็นแม่บ้านของคุณมายมิ้นท์ค่ะ”
“ที่แท้เป็นแม่บ้านนี่เอง รอสักครู่นะคะ” ชาหวานวางความหวาดระแวงในใจลง แล้วหันหน้าตะโกนเข้าไปในบ้านว่า “ประธานมายมิ้นท์คะ แม่บ้านที่ประธานลาเต้หามาให้ มาถึงแล้วค่ะ”
“เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?” มายมิ้นท์รู้สึกแปลกใจ จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “ฉันรู้แล้ว เชิญเธอเข้ามาได้เลย”
ชาหวานรับคำไปคำหนึ่ง แล้วก็เชิญแม่บ้านเข้ามาในบ้าน
พอแม่บ้านเข้ามาในบ้านแล้ว ทามทอยก็ตกตะลึงจนตาโตขึ้นมา “คุณ……”
แม่บ้านรีบชูนิ้วขึ้นมาให้เขานิ้วหนึ่ง แล้วก็ส่ายหน้าขึ้น
ทามทอยรู้สึกตัวขึ้นมาทันทีแล้วก็พยักหน้าให้เล็กน้อย แล้วไม่พูดอะไรอีกเลย
การสื่อสารของทั้งสองคน ชาหวานมองเห็นทุกอย่าง
ชาหวานชี้ไปที่แม่บ้านเล็กน้อย แล้วก็ชี้ไปที่ทามทอย ในดวงตาเหมือนเขียนไว้ชัดเจนว่า พวกคุณมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน?
ทามทอยหัวเราะเหอะ ๆ ไปสองคำ แล้วไม่พูดอะไร ในใจวุ่นวายเป็นอย่างมากจริง ๆ
เมื่อกี้ชาหวานเพิ่งพูดว่า ลาเต้เป็นคนหาแม่บ้านมาไม่ใช่เหรอ?
แล้วทำไมคนที่มาถึงเป็นป้าทิพย์ไปได้ล่ะ?
ลาเต้จะไปเชิญป้าทิพย์มาได้ยังไง?
เหอะ เหอะ แค่คิดก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้วนะ? ป้าทิพย์เป็นคนรับใช้ของตระกูลนวบดินทร์ ก่อนหน้านี้ก็ดูแลรับใช้แม่เปปเปอร์อยู่
หลังจากที่แม่แท้ ๆ ของเปปเปอร์เสียชีวิตไปแล้ว ก็อยู่ที่บ้านตระกูลนวบดินทร์มาตลอด แล้วดูแลรับใช้ท่านย่าพร้อมกับป้าแดงมาตลอด
เพราะฉะนั้นใครเป็นคนส่งป้าทิพย์มานั้น ไม่ต้องบอกก็รู้แล้ว
ถึงแม้มายมิ้นท์จะมองไม่เห็นว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา แต่เธอได้ยินเสียงคำว่า‘คุณ’ที่ตกตะลึงของทามทอย ก็ค่อย ๆ เม้มปากขึ้นแล้วถามขึ้นว่า “ทามทอย คุณรู้จักกับคุณแม่บ้านคนนี้เหรอคะ?”
เรียวปากของทามทอยกระแอมไอคำหนึ่งแล้วก็ถามขึ้นว่า “ใช่ นี่คือป้าทิพย์ เป็นแม่บ้านชั้นดีในวงการ ผมเคยบังเอิญเจอครั้งหนึ่ง ลาเต้สามารถเชิญป้าทิพย์มาได้ นี่ไม่เลวจริง ๆ”
ชาหวานจ้องมองเขาอย่างรู้สึกขำขันเล็กน้อย แล้วก็ทำรูปปากให้เขาขึ้นมาว่า “คุณกำลังโกหกอยู่”
ทามทอยมองตาขาวใส่ทีหนึ่ง และไม่อยากสนใจเธออีก
“ป้าทิพย์ คุณคนนี้ก็คือคนที่คุณจะต้องมาดูแลครับ” ทามทอยชี้ไปที่มายมิ้นท์ แล้วก็พูดกับป้าทิพย์ขึ้นมา
ป้าทิพย์ยิ้มแล้วก็เดินหน้าเข้ามาหนึ่งก้าว “ฉันทราบค่ะ ฉันเคยเห็นรูปของคุณมายมิ้นท์มาแล้ว สวัสดีค่ะคุณมายมิ้นท์ ฉันนามสกุล张 เรียกฉันว่าป้าทิพย์ก็ได้ค่ะ ต่อไป ฉันจะเป็นคนมาดูแลคุณเองนะคะ”
ในเมื่อป้าทิพย์เป็นคนรู้จักของทามทอย และฟังจากน้ำเสียงของทามทอย ก็ชื่นชมป้าทิพย์เป็นอย่างมาก
ในใจของมายมิ้นท์ก็วางใจได้แล้ว ยิ้มแล้วก็ถามขึ้นมาว่า “ได้ งั้นต่อไปก็รบกวนป้าทิพย์ด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องเกรงใจค่ะ งั้นคุณมายมิ้นท์ ตอนนี้ฉันสามารถทำความคุ้นเคยกับสภาพแววล้อมในอพาร์ทเม้นของคุณหน่อยได้ไหมคะ? นี่จะทำให้ค่อนข้างสะดวกต่อการดูแลคุณในอนาคตค่ะ” ป้าทิพย์ถามขึ้นมา
มายมิ้นท์พยักหน้าขึ้น “ได้อยู่แล้วค่ะ”
ป้าทิพย์เริ่มไปทำความคุ้นเคยกับที่ต่าง ๆ ในอพาร์ทเม้น
มายมิ้นท์หันหน้าไปทางที่พวกทามทอยอยู่ “ทามทอย ชาหวาน วันนี้พวกคุณอยู่เป็นเพื่อนฉันมานานแล้ว ตอนนี้ป้าทิพย์ก็มาแล้ว พวกคุณกลับไปก่อนก็ได้นะ รอให้จัดการเรื่องของเจินเจินเสร็จแล้ว ฉันจะเลี้ยงข้าวพวกคุณนะ”
“ก็ได้ งั้นพวกเราขอตัวกลับก่อนนะ” ทามทอยลุกยืนขึ้นมา
เขาก็สมควรไปได้แล้วจริง ๆ มีอยู่เรื่องหนึ่ง ที่เขาจะต้องไปทำ
ในเมื่อกะว่าจะเปิดโปงสถานะของเจินเจินแล้ว ๆ พวกคนตระกูลลิลิตประกายสิทธิ์ จะมองข้ามไปได้ยังไง ควรจะเชิญพวกเขามาซะหน่อยแล้ว จะได้มาร่วมแสดงละครดี ๆ กันสักเรื่อง
ทั้งสองคนเดินออกมาจากอพาร์ทเม้นของมายมิ้นท์
ชาหวานหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าลิฟต์ แล้วอยู่ ๆ ก็ถามขึ้นมาว่า “ป้าทิพย์คนนั้น เป็นคนของประธานเปปเปอร์ใช่ไหมคะ?”
ทามทอยยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เรื่องนี้คุณก็รู้เหรอ?”
“ดูจากท่าทีของคุณก็เดาออกมาได้แล้ว”
ทามทอยนวดหัวคิ้วเล็กน้อย “คุณเดาได้ถูกต้อง เปปเปอร์เป็นคนส่งเธอมาจริง ๆ ผมนี่ไม่เข้าใจจริง ๆ นี่เขาส่งแม่บ้านมาก่อนลาเต้ได้ยังไงกันนะ?”
“เรื่องนี้คุณก็จะต้องไปถามประธานเปปเปอร์” ชาหวานยังไหล่ขึ้นมาเล็กน้อย
ท่าทีของทามทอยจืดจางไปเล็กน้อย “ผมไม่อยากไปถามไอ้คนที่ไม่รักษาสัญญานั่นหรอก”
ตอนนั้นตอนที่เขาตกหลุมรักมายมิ้นท์นั้น ก็เคยบอกกับเปปเปอร์แล้ว ว่าเขาจะจีบมายมิ้นท์ หวังว่าเปปเปอร์จะไม่ขัดขวาง แล้วก็ไม่ต้องเสียใจแล้วสุดท้ายก็มาขัดขวาง
ในตอนนั้น เปปเปอร์รับปากแล้ว
แต่มาตอนนี้ เปปเปอร์กลับเอาทุกอย่างที่ตัวเองเคยรับปากไว้โยนทิ้งไปจากสมองแล้ว และไม่เพียงแค่มาขัดขวางตัวเองจีบมายมิ้นท์ แต่ตัวเขากลับจะมาจีบมายมิ้นท์กลับไปอีกครั้ง
นี่มันช่างทำให้น่าโมโหจริง ๆ!
ที่โรงแรม ในเมืองน้ำรุ้ง
เปปเปอร์เพิ่งกลับมาจากการประชุมที่บริษัทลูก และนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องหนังสือแล้วนวดขมับที่ตึงเครียดไป
แล้วในเวลานี้เองผู้ช่วยเหมันตร์ก็ถือโทรศัพท์เข้ามารายงาน “ประธานเปปเปอร์ครับ ป้าทิพย์ไปถึงบ้านคุณมายมิ้นท์แล้วครับ”
เปปเปอร์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาทีหนึ่ง “รู้แล้ว ให้ป้าทิพย์ดูแลเธอให้ดีนะ”
“วางใจได้เลยครับประธานเปปเปอร์ ป้าทิพย์จะทำได้แน่ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์พูดขึ้นมา
ป้าทิพย์นั้นเป็นป้าห่าง ๆ ของเขา
เขาเชื่อเธอได้แน่นอน
“อ๋อ ใช่แล้ว เรื่องของเจินเจิน มายมิ้นท์จัดการไปถึงไหนแล้ว?” เปปเปอร์ลดมือที่อยู่ตรงขมับลง แล้วถามเสียงขรึมขึ้น
นี่ต่างหากที่เป็นปัญหาที่เขาเป็นกังวลที่สุดในตอนนี้
ท่าทีของผู้ช่วยเหมันตร์จริงจังขึ้นมา “ผมไปสอบถามมาแล้ว เจินเจินได้ยอมรับแล้วว่าตัวเองเป็นคนลงมือ แต่ว่าการกระทำที่มาทำลายไฝแดงที่ข้อมือของคุณมายมิ้นท์นั้น กลับไม่ได้อธิบายอย่างสมเหตุสมผลออกมา แต่กลับพูดว่ามีหมอดูอะไรมาบอกเธอ ว่าคนที่มีไฝแดงบนตัว จะมีดวงตาชงกับเธอ จะนำพาความซวยมาให้เธอ ช่างเป็นเหตุผลที่น่าขำจริง ๆ”
“รอเดี๋ยวนะ นายพูดว่าอะไรนะ ไฝแดงเหรอ?” ตัวของเปปเปอร์ลุกขึ้นมานั่งตัวตรงทันที
ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า “ใช่ครับ ประธานเปปเปอร์ คุณไม่รู้ว่าที่ข้อมือคุณมายมิ้นท์มีไฝแดงเหรอครับ?”
เปปเปอร์ส่ายหน้า
เขาไม่รู้เรื่องจริง ๆ
“ฉันคิดว่า เจินเจินแค่ตั้งใจทำร้ายข้อมือของเธอเท่านั้น แต่ไม่ได้รู้ละเอียด ว่าที่ข้อมือเธอยังมีไฝแดงอยู่เม็ดหนึ่งด้วย” เปปเปอร์ขมวดคิ้วลึกจนเป็นร่องสามเส้น
ดวงตาของผู้ช่วยเหมันตร์กระตุกเล็กน้อย “ประธานเปปเปอร์ คุณนี่ก็เก่งมากเลยนะครับ คุณมายมิ้นท์บาดเจ็บมานานขนาดนี้แล้ว แต่คุณก็ยังไม่รู้ว่าการบาดเจ็บที่ข้อมือของเธอ เป็นเพราะว่าโดนทำลายไฝแดงไป ยังนึกว่าเป็นแค่การบาดเจ็บทั่วไปอีก”
เรียวปากของเปปเปอร์เม้มกันแน่นจนเป็นเส้นตรง “ก็ตอนที่ฉันอยู่ พวกเขาไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องไฝแดงเลย เพราะฉะนั้นฉันถึงได้ตกตะลึงมากขนาดนี้ ข้อมือของมายมิ้นท์ มีไฝแดงด้วยเหรอเนี่ย!”
“ประธานเปปเปอร์ ที่คุณตกตะลึงขนาดนี้ เป็นเพราะว่าคุณรู้ความลับของไฝแดงของคุณมายมิ้นท์แล้วเหรอครับ?” ผู้ช่วยเหมันตร์จ้องมองเขาอย่างแปลกใจ
เปปเปอร์กำมือจนเป็นหมัด แล้วไม่แสดงออกอะไร
ผู้ช่วยเหมันตร์สูดลมเย็น ๆ เข้าไปทีหนึ่ง “ประธานเปปเปอร์ครับ นี่คุณรู้จริง ๆ เหรอครับ? ว่าตกลงมันเป็นความลับอะไร?”