ตัวตนแท้จริงของประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์

“ข้าปฏิเสธข้อเสนอ**!”**

เมื่อเสียงแผ่วเบาของประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ดังออกมา ทั่วบริเวณที่ยังมีความวุ่นวายก็เงียบกริบลง จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนต่างเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ

แม้แต่มู่เฉินกับจิ่วโยวที่เตรียมจะหนีก็อึ้งไป

กระทั่งคนทรงพลังอำนาจอย่างหลิ่วเทียนเต้าก็ผงะไปครู่หนึ่ง เขามองไปที่ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ด้วยสีหน้าราวกับว่าหูฝาดไป

สีหน้าของจอมยุทธ์ฝั่งแดนร้อยสงครามก็อึ้งตะลึงงันไปเหมือนกัน

ไม่มีใครคิดว่าประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะปฏิเสธข้อเสนอที่น่าดึงดูดจากตำหนักสุดนภา เลือกที่จะปกป้องผู้บัญชาการจิ่วโยวกับแม่ทัพตัวน้อย…

ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ที่ใจหินกลายมาเป็นคนใจบุญสุนทานงั้นหรือ? คนจำนวนมากต่างมีสีหน้าพิลึกพิลั่น ทำไมพวกเขาถึงรู้สึกว่าโดนเยาะเย้ยหนักเลย

ที่เบื้องหลังประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เทียนจิ้วที่มีท่าทางแข็งทื่อไปก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจ สายตามองไปที่คนนั่งบนบัลลังก์ด้วยความซาบซึ้ง เขาตามติดประมุขมาหลายปี รู้ว่าอีกฝ่ายแข็งกร้าวมาก ก่อนหน้าด้วยนิสัยที่มี เขาคิดว่าประมุขคงเลือกส่งจิ่วโยวกับมู่เฉินไป แต่ใครจะคิดว่า…สถานการณ์จะพลิกผันเช่นนี้

ใบหน้าของหลิงถงเปลี่ยนไป แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ซุ่ยนอนก็มองไปที่ประมุขด้วยความประหลาดใจไม่แตกต่างกัน ก่อนจะมองมู่เฉินกับจิ่วโยวด้วยความคิดวาบผ่านในดวงตา

“ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เจ้ารู้ไหมว่ากำลังพูดอะไรออกมา?!” หลิ่วเทียนเต้าเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทรงพลัง เมื่อฟื้นคืนสติ โทสะก็ปรากฏในสีหน้าเฉยเมยขณะที่แค้นเสียงเย็นออกมา

“ข้ารู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ ไม่ต้องให้เจ้ามาสั่งสอนข้าหรอก” ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์เอ่ยเสียงเรียบก่อนจะพูดต่อว่า “พวกเขาเป็นคนของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ของข้า ดังนั้นก็เป็นธรรมดาที่ข้าจะปกป้อง”

“ฮ่าๆ ตั้งแต่เมื่อไรกันที่ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ใจหินเอ่ยแบบนี้? เจ้ากำลังดูถูกสติปัญญาของข้างั้นรึ?” หลิ่วเทียนเต้าหัวเราะด้วยความโกรธจัด ในภูมิภาคทางเหนือนี้ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ตราบใดที่มีผลประโยชน์เพียงพอ ทุกอย่างก็เตรียมถูกหักหลัง ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้ากับแม่ทัพขุมพลังจื้อจุนขั้นสองตัวกระจ้อยร่อยเลย ดังนั้นหลิ่วเทียนเต้ารู้สึกว่าการตัดสินใจเลือกของประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ครั้งนี้ตลกจริงๆ

“ข้าแค่รู้สึกอยากเป็นคนดีตอนนี้ เจ้าไม่เห็นด้วยหรือ?” ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ส่งเสียงเยาะ

เส้นเลือดบนหน้าผากของหลิ่วเทียนเต้าปูดโปน จากนั้นเขาก็สูดหายใจลึกเอ่ยเสียงเข้ม “พวกมันปล้นสมบัติที่ลูกชายข้าประมูลมา ซ้ำยังเชิญจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนมาขังเขาเอาไว้ ทำให้เขาสูญเสียคลื่นหลิงไปตลอดกาล ถ้าข้าหลิ่วเทียนเต้าไม่ได้ชำระแค้นครั้งนี้ ข้าคิดว่าคงไม่มีหน้าอยู่ในภูมิภาคทางเหนืออีกต่อไป”

“หึ ไร้สาระ หลิ่วหมิงหมายตาสมบัติของพวกข้าต่างหาก ใช้ผู้อาวุโสที่ติดตามหวังจะฆ่าพวกข้า เราก็เพียงปกป้องตัวเอง มันโดนแบบนั้นก็สมควรแล้ว”

ได้ยินน้ำเสียงหนักแน่นของประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ มู่เฉินก็รู้สึกโล่งใจอดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงเยาะ “ส่วนจอมยุทธ์ที่ผนึกเขาไว้ นางคือนายหญิงแห่งแคว้นหวู ถ้าตำหนักสุดนภากล้าพอ ก็ไปทวงหนี้กับแคว้นหวูเลย!”

เมื่อมู่เฉินพูดออกมา ทั่วบริเวณก็อัดแน่นด้วยความตกตะลึง กระทั่งคลื่นหลิงรอบตัวหลิ่วเทียนเต้ากับประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ยังกระเพื่อมไหว คำว่า ‘นายหญิงแห่งแคว้นหวู’ สร้างความตกตะลึงใหญ่หลวงให้พวกเขา

เแคว้นหวูเป็นขั้วอำนาจชั้นยอดยิ่งใหญ่แท้จริงในมหาพันภพ แม้อาณาเขตกงเวทสวรรค์กับตำหนักสุดนภาจะเป็นขั้วอำนาจชั้นสูงของภูมิภาคทางเหนือ แต่พวกเขาเทียบอะไรไม่ได้กับแคว้นหวูเลย

ดังนั้นต่อให้เพิ่มความกล้าให้หลิ่วเทียนเต้าอีกสักร้อยส่วน เขาก็ไม่กล้าไปหาเรื่องกับนายหญิงแห่งแคว้นหวู—หลิงชิงจู๋หรอก

มู่เฉินเอ่ยชื่อแคว้นหวูออกมาก็เพราะตระหนักดีถึงความจริงข้อนี้

นัยน์ตาของหลิ่วเทียนเต้าฉายแววมาดร้ายขณะมองมู่เฉิน อึดใจก็เอ่ยน้ำเสียงน่าขนลุก “แกพูดจาเหลวไหล แกเป็นตัวอะไร? คิดว่าตัวเองสามารถเชิญนายหญิงแคว้นหวูมาได้งั้นเรอะ? ตลกล่ะ!”

แม้หลิ่วเทียนเต้าจะเอ่ยแบบนี้ออกมา แต่มุมปากก็อดไม่ได้ที่จะกระตุก เพราะเขาเห็นภูเขาคลื่นหลิงที่ทับหลิ่วหมิงด้วยตาตัวเอง ซึ่งเป็นผนึกที่แม้แต่เขาก็ไม่สามารถทำลายได้ สุดท้ายเขาต้องเชิญผู้ยิ่งใหญ่มาช่วยเหลือหลิ่วหมิงออกมา เห็นชัดว่านี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าการลงมือของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนธรรมดา

และก็ชัดว่านายหญิงแห่งแคว้นหวูมีความสามารถที่จะทำ

สายตาของหลิ่วเทียนเต้าวูบไหว จากนั้นไอน่าขนก็ลุกรวมตัวกันในนัยน์ตา ไม่ว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับนายหญิงแคว้นหวูจะเป็นคนทำหรือไม่ ตราบใดที่เขาจัดการกับมู่เฉินและจิ่วโยวได้ ก็เพียงพอที่จะระบายความโกรธแค้นในใจลงได้

เขาไม่เชื่อว่าด้วยพลังต่ำเตี้ยเรี่ยดิน มู่เฉินจะมีสามสัมพันธ์กับนายหญิงที่น่าสะพรึงกลัวแห่งแคว้นหวูได้

“ในเมื่อประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ปฏิเสธที่จะส่งพวกมันมา งั้นข้าคงต้องทำเองแล้ว!”

หลิ่วเทียนเต้าก้าวออกไป ก็ทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นมืดมิดทันที เขาเหยียดมือออกมาคว้าไปที่ร่างของมู่เฉินกับจิ่วโยว

ตู้ม!

มิติรอบตัวคนทั้งสองระเบิดฉับพลัน จากนั้นคลื่นหลิงหลากสีที่เหมือนเป็นกรอบก็พุ่งออกมา ก่อตัวเป็นกรงคลื่นหลิงล้อมรอบทั้งสองเอาไว้

กรงกะพริบด้วยความมันวาวของโลหะ ซึ่งนี่เกิดจากคลื่นหลิงล้วนๆ ที่แข็งแรงและไม่อาจทำลายได้ คุณภาพอยู่เหนือจินตนาการของมู่เฉินและจิ่วโยวหลายขุม

นี่คือเครื่องหมายของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนที่สามารถดึงคลื่นหลิงบริสุทธิ์จากฟ้าดินได้ในระดับนี้ ความผันผวนที่ปล่อยออกมาจากกระบวนท่า เหนือกว่าพลังวิทยายุทธเทพที่พวกมู่เฉินเคยเรียกใช้เต็มกำลังอีก

มู่เฉินกับจิ่วโยวมีสีหน้าเปลี่ยนไปขณะที่คลื่นหลิงยิ่งใหญ่ระเบิดออกมาจากร่าง แต่แม้พวกเขาจะเร้าพลังออกมาเต็มที่ ก็ไม่สามารถทำให้กรงคลื่นหลิงเคลื่อนที่ได้แม้แต่น้อย

กลยุทธ์ของจอมยุทธ์ตื้จื้อจุนไกลเกินกว่าที่พวกเขาจะต้านทานได้อย่างเห็นได้ชัด

“ฮึ่ม เจ้าไม่มีสิทธิ์มาจับพวกเขาต่อหน้าข้า!” เสียงเย็นของประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ดังขึ้นขณะที่เขาพลิกนิ้ว ลำแสงคลื่นหลิงบริสุทธิ์พุ่งตรงไปที่กรง จากนั้นมู่เฉินกับจิ่วโยวก็เห็นรอยร้าวปรากฏบนกรงก่อนที่จะแตกออก

ทั้งคู่ถอยกลับไปที่กองทัพอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ความตื่นตะลึงฉายในดวงตา นี่คือพลังของระดับตี้จื้อจุนงั้นหรือ? ทรงพลังแท้จริง

ใบหน้าของหลิ่วเทียนเต้าเย็นเยือกลง อึดใจก็ยกมือขึ้น ทันใดนั้นทุกคนก็สัมผัสได้ว่าคลื่นหลิงในบริเวณนี้มารวมตัวกันอย่างรุนแรงบนท้องฟ้าเหนือตัวเขา

คลื่นหลิงที่มารวมตัวกันไม่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง แต่หลิ่วเทียนเต้าก็อ้าปาก ดูดทะเลคลื่นหลิงกว้างใหญ่เข้าไปในปากก่อนจะพ่นออกมา

สายธารคลื่นหลิงบริสุทธิ์สีเงินทะลักออกจากปากของเขา

คลื่นหลิงถูกชำระจนราวกับเป็นของแข็ง ในนั้นมีเม็ดคลื่นหลิงนับไม่ถ้วน เพียงชั่วลมหายใจเดียว หลิ่วเทียนเต้าก็ชำระคลื่นหลิงจากฟ้าดินจนถึงระดับนี้

เพียงแค่กระบวนท่านี้ก็เป็นสิ่งที่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้ายากจะทำได้ ไม่ต้องกล่าวถึงการทำในเวลาชั่วลมหายใจเลย

สายธารสีเงินสั่นไหวและบิดเบี้ยว อึดใจก็เปลี่ยนเป็นกระบี่ดวงดาวยาวพันจั้ง กระบี่อัดแน่นไปด้วยลวดลายโบราณลึกลับ ทันใดนั้นรัศมีกระบี่ที่ทำเอาให้ทุกคนรู้สึกขนลุกชันก็พวยพุ่งขึ้นสู่ขอบฟ้า ทุกที่ที่รัศมีกระบี่กวาดผ่านก็เกิดรอยแตกเป็นทางยาวบนมิติว่างเปล่า

“นานมากแล้วที่เราไม่ได้ประลองกัน ขอข้าดูหน่อยว่าเจ้าพัฒนาแค่ไหนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา!”

หลิ่วเทียนเต้ายิ้มเย็น จากนั้นสายตาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาพลางชี้นิ้วทั้งคู่ลง “กระบี่วิญญาณฟ้า!”

ฮึ่ม!

กระบี่ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยดวงดาวทะลวงผ่านมิติมาปรากฏบนท้องฟ้าเหนือประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ จากนั้นก็ไม่มีความลังเลใดๆ ขณะฟันลงมา ช่องว่างสีดำหลายพันจั้งปรากฏขึ้นขณะที่มิติถูกผ่าออกจากกันด้วยแสงกระบี่

ความสามารถในการทำลายล้างที่น่ากลัวทำให้จอมยุทธ์จำนวนนับไม่ถ้วนรู้สึกขนหัวลุกชัน

ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์จ้องมองกระบี่ดวงดาวที่เฉือนลงมา เขาอ้าปากและพ่นสายแสงดำมืดพุ่งขี้นสู่ท้องฟ้า ได้ยินเสียงครางกระหึ่ม หนามขนาดใหญ่สีดำประหลาดก็งอกออกมา เปลี่ยนเป็นป่าหนามบนท้องฟ้าในพริบตา

ตู้ม!

เมื่อกระบี่ดวงดาวขนาดใหญ่พุ่งเข้ามาใกล้ป่าหนาม แทนที่จะถูกกวาดจนเหี้ยนเตี้ยน หนามกลับพุ่งออกมาพันรอบกระบี่ ทำให้ราวกับกระบี่พุ่งลงไปในหนองน้ำจมลงเรื่อยๆ จนหยุดค้างอยู่ภายใน

ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์พลิกนิ้วอีกครั้ง เสียงระเบิดกรีดแหลมออกมาจากป่าหนาม หนามเหล่านั้นก็ราวกับมังกรยักษ์ม้วนตัวลง แตกสลายแสงกระบี่ออกเป็นประกายไฟ

วิธีการต่อสู้อันพิลึกพิลั่นนี้ทำให้ผู้คนล้วนหวาดผวา

เมื่อโจมตีล้มเหลว ใบหน้าของหลิ่วเทียนเต้าก็มืดครึ้มลง เขาก้าวไปปรากฏตัวเบื้องหน้าประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ พลางซัดฝ่ามือทั้งสองออกไป ฝ่ามือราวกับเคลื่อนไหวราบเรียบ แต่ทุกคนสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเบาบางจากมิติ

ภายใต้การเคลื่อนไหวนุ่มนวลของฝ่ามือหลิ่วเทียนเต้า พลังงานที่อยู่ภายในกลับน่ากลัวยิ่งกว่าการโจมตีจากเพลงกระบี่เมื่อครู่เสียอีก

ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ยังไม่มีความหวาดหลัวใดๆ ขณะที่ฟาดฝ่ามือปกคลุมด้วยแสงออกไป

สองฝ่ามือปะทะกันอย่างหนักหน่วง

ไม่มีเสียงน่าตกใจใดๆ ระเบิดออกมาจากการปะทะกัน แต่ทุกคนก็ต้องอ้าปากตาค้างเมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า รัศมีหมื่นจั้งรอบร่างจอมยุทธ์ทั้งสองได้เปลี่ยนเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ มิติแตกสลายจากพลังงานที่มาจากฝ่ามือของพวกเขา…

นี่เป็นเพียงการควบคุมพลังของทั้งคู่ในระดับสูง ดังนั้นจึงไม่เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวเหมือนการประลองของมู่เฉินและคนอื่นๆ แต่แรงกดดันที่แผ่ออกมากลับทำให้จอมยุทธ์ทุกคนขนหัวลุกชัน หากการโจมตีนี้รั่วไหลออกมาแม้แต่นิดเดียว พวกเขาก็คงจะบาดเจ็บล้มตายกันเป็นเบือ…

ตึง!

ร่างจอมยุทธ์ทั้งสองสั่นเทิ้มภายในหลุมดำขณะที่ถอยกลับ

หลิ่วเทียนเต้าถอยหลังไปสิบสามก้าว

ส่วนประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ถอยไปเพียงห้าก้าวเท่านั้น ทว่าเพราะแรงปะทะคลื่นหลิงระหว่างกัน ทำให้แสงคลื่นหลิงที่ห่อหุ้มรอบกายจางหายไป

จังหวะที่แสงจางหายร่างคนคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น

จอมยุทธ์ทุกคนมองไปพร้อมกับขากรรไกรแทบค้างจากนั้นดวงตาพวกเขาก็หดแคบลง สายตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อและความตกตะลึง

มู่เฉินก็ตกตะลึงพร้อมกับอ้าปากเหวอ เพราะเมื่อแสงจางหายไปแล้ว ร่างเล็กร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้น

นางสวมชุดสีดำปล่อยผมยาวสยาย แม้ว่าบนดวงหน้าเล็กงดงามจะไม่มีแววอารมณ์ใดๆ แต่ก็น่ารักอยู่หลายส่วน

และภาพลักษณ์ที่คุ้นเคยนี่ก็คือ… มั่นถัวหลัวผู้ลึกลับที่ติดตามมู่เฉินมาตลอดนั่นเอง!

นางคือประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์!