มือสังหาร

“ หนึ่งล้านตำลึงเงินต่อหุ้น แทนที่จะเป็นสองล้าน ”

จวินโม่เซี่ยยิ้มอย่างมีความหมาย

“ ข้าคิดจะต่อรองกับเจ้า เพราะข้าชอบเจ้า ”

เขายื่นข้อเสนอให้กับพี่น้องขององค์จักรพรรดิด้วยราคาหนึ่งล้านตำลึงเงินต่อหนึ่งหุ้น แล้วบอกว่ามันคือความชอบ ?

จวินโม่เซี่ยมองต่ำลงไปที่หยางมู่ และพูด

“ สาวน้อย เจ้าเป็นผู้ถือหุ้นสุราของข้าแล้ว … เจ้าและข้าเป็นพันธมิตรกันแล้วนะ ! ”

“ ข้าเป็นผู้ชาย ! ”

เด็กน้อยตะโกนกลับมาด้วยความโมโหราวกับว่าเขากำลังจะกระโดดขึ้นไปกัดผู้ที่ทำให้เขาโมโห

“ ข้าจะปรึกษาเรื่องนี้ทีหลัง สุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ซ้งหยางจะนำเรื่องการประมูลมาบอกเจ้าหลังจากที่พวกเขาตัดสินใจ สำหรับตอนนี้ ข้าจักต้องกลับบ้านแล้ว ”

จวินโม่เซี่ยขอตัวกลับบ้านอย่างฉาญฉลาด

ตัวตนของพี่น้องขององค์จักรพรรดิ และแผนการที่เขาจะรักษาอนาคตของลูกๆของเขานั้นมิใช่เรื่องที่เคร่งเครียดนัก แต่ก็เป็นเรื่องที่อ่อนไหว ซึ่งองค์ชายหยางฮ่วยย้งได้กล่าวออกมาในประโยคเดียว เห็นได้ชัดจากการใช้คำพูดของเขา ซึ่งส่งผลมาจากการมีอิทธิพลของเขา แม้แต่สวรรค์เชวียนเช่นซ้งฉางก็ยังคงต้องล่าถอยจากการคุกคามนี้ และปล่อยให้จวินโม่เซี่ยยืนหยัดอยู่เพียงคนเดียว

แน่นอนว่า นี่ยังไม่มากพอที่จะทำให้เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวหวาดกลัว … เห็นได้ชัด … ว่าความแข็งแกร่งของชายผู้นี้นั้นมีมากกว่าอิทธิพลและอำนาจขององค์ชาย อย่างไรก็ตาม คำพูดขององค์ชายก็สามารถทำให้ชีวิตของทุกคนสั่นคลอนได้ ย้กเว้นเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว

ความจริง แม้จวินโม่เซี่ยจะไม่ได้สนใจเรื่องขององค์ชายมากนัก และกังวลเพียงแต่เรื่องคู่หูใหม่ของเขาหยางมู่ เท่านั้น

ข้าอาจจะชอบเจ้า องค์ชาย แต่เมื่อเวลามาถึง ข้าก็จะสนใจเพียงแค่ชีวิตของเด็กผู้นี้ … มีใช่เจ้า !

“ อาจารย์ ท่านต้องหารให้ศิษย์ของท่านอยู่ที่นี่ไหม ? ”

แม้ซ้งฉางจะถามคำถามนี้ด้วยน้ำเสียงปกติ แต่มันก็เห็นได้ชัดจากประกายในแววตาของเขา ว่าเขาอยากอยู่ต่อ

“ เมืองที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้มีเส้นทางมากมาย แต่พวกมันนำพาไปสู่จุดหมายเดียวกัน … ไม่สำคัญว่าเจ้าจะเลือกเส้นทางหน เจ้าจะต้องเดินตามเส้นทางของการสร้างสุรา … แต่ไม่ว่าเจ้าจะไปใหน จงเอาสุราสองเหยือกนี้ไปกับเจ้าด้วย เพื่อเป็นการย้ำเตือน ! ”

จวินโม่เซี่ยยิ้ม

“ ซ้งฉาง เจ้า … ในเมืองตัวตนของเจ้าถูกเปิดเผิยแล้ว … เจ้ามีแผนที่จะไปจากเมืองนี้หรือไม่ ? ”

แม้จวินโม่เซี่ยจะถามคำถามนี้ เขาก็รู้ดีว่าซ้งฉางจะไม่ไป เขาจะ … เขาจะอยู่ที่นี่และเรียนรู้การหมักสุราชนิดนี้ไหม ? หมักสุราที่มีคุณภาพคือชีวิตของเขา เขาจะจากไปได้อย่างไร ในเมื่อเคล็ดการหมักสุราเช่นนี้อยู่ใกล้แค่เอื้อม ? แม้ว่าร่างของเขาจะถูกสับเป็นชิ้นๆ เขาก็ไม่ยอมไป !

เมื่อเขากำลังจะไป จวินโม่เซี่ยหันไปและแสดงความเคารพแก่เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวอีกครั้ง และหันหลังออกไปจากโรงเตี้ยม

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวขัดจังหวะเขา

“ พ่อหนุ่ม เจ้าจะไปได้อย่างไรในเมื่อเจ้ายังไม่จบเรื่องที่นี่ ? เจ้ายังไม่ได้จ่ายหนี้ข้าเลย … เจ้าติดหนี้ข้า ! ”

“ ท่านผู้เฒ่า ท่านไม่มีหนี้ติดค้างกับข้า ดังนั้นมันจึงไม่เป็นการดีกับท่านหากท่านเรียกร้องจากข้า ข้ามิได้ติดหนี้ท่าน … และท่านก็ไม่ได้ไว้วางใจข้า ”

จวินโม่เซี่ยยิมขณะที่เขามองกลับไปที่เขา

“ ปกติแล้วคืนอื่นจะเป็นหนี้ข้า ในทางกลับกัน หากท่านคิดว่าข้าติดหนี้ท่าน .. เหตุใดท่านจึงไม่พยายามตามหาข้าละ ? ”

แม้ว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจะอ้าปากสาปแช่ง ดวงตาของเขาก็ยังเผิยร่องรอยแห่งรอยยิ้ม

“ ในเมื่องเจ้าเล่นไม่ซื่อกับผู้เฒ่าผู้นี้ .. บางทีข้าจจะทำเช่นนั้น ! ”

“ งั้นดี หากวันหลังเจ้าพบข้า พวกเราจะได้มาปิดบัญชีกันอย่างแน่นอน ”

จวินโม่เซี่ยเพ่งมองไปที่เขาเป็นครั้งสุดท้าย และจากนั้นก็เดินจากไป

“ หากวันหลังเจ้าเจอข้า ข้าจะให้เหตุผลที่เจ้า …. ฮ่า ฮ่า …. ”

“ เจ้าเด็กนี่ยังคงสงบหลังจากที่ได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของข้า … นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เจอผู้ที่มีปราณเชวียนระดับต่ำกระทำท่าทีเช่นนี้ ”

ดวงตาขององค์ชายเปิดเผยถึงร่อยรอยแห่งการชื่นชมขณะที่ชายทั้งสามเพ่งมองไปยังร่างจวินโม่เซี่ยกำลังจากไป

“ เขาต้องเป็นคนที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ! ”

“ ข้าเห็นด้วยกับท่าน ผู้เฒ่า .. นี่เป็นครั้งแรกของข้าเช่นกัน ! ”

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเห็นด้วยพร้อมกับความตกตะลึง

“ เขาได้ทำให้ตัวตนของพวกเราเปิดเผยออกมาได้ แต่เขาเองก็ยังคงเก็บงำความลึกลับของตัวเขาเองไว้ ! ”

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวรู้มานานแล้วว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นรู้ตัวตนของเขาแล้ว 

 คงไม่มีเหตุผลอื่นใดที่ทำให้คำพูดของเขาแต่ละคำมีเป้าหมายและเชื่อมโยงกัน …

อย่างไรก็ตาม เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวก็ยังคงรู้สึกแปลกแทนที่จะโกรธในบางเหตุผล

ข้ารู้ว่าเขาประจบสอพลอข้ามาตลอด แต่เหตุใดข้าถึงยังรู้สึกดีกับมัน ?

“ เดี๋ยวก่อน ! เจ้าจะทำอะไร ? ”

องค์ชายห้ามปรามซ้งฉาง และเพ่งมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งมังกร

“ แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นศิษย์ของเจ้าเด็กนั่นแล้ว มันก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะเอาสุราสองเหยือกนี้และจากไปได้ นอกจากนั้น เขาตั้งใจจะประมูลมัน … เจ้าไม่ได้ยินเขาหรือ ? ดังนั้น พวกมันมีราคาเท่าใหร่ ? อย่าคิดได้ว่าเจ้าจะหนีไปและเอาสุรานี่ไปดื่มเพียงคนเดียว …. ”

ซ้งฉางกำลังจะเอาสุราสองเหยือกที่จวินโม่เซี่ยทิ้งไว้ไป และออกไปจากที่นี่โดยไม่มีผู้ใดรู้ !

“ ข้าเป็นคู่ต่อสู้ และตอนนี้ข้าเป็นศิษย์คนใหม่ของเขา … เจ้าเป็นแค่ผู้ตัดสิน เหตุใดเจ้าถึงจะเอาสุราสองเหยือกนี้ ? ”

ซ่งฉางโต้เถียงกลับไป ไม่ยอมที่จะเสียสุราสองเหยือกนี้ไปโดยไม่ต่อสู้

“ ผู้ตัดสินได้รับอนุญาติให้ดื่มส่วนที่เหลือ เจ้าไม่เห็นด้วยหรือ ? ”

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวคว้าเอาสุราสองเหยือกมาจากมือของผู้เฒ่าซ้งอย่างเป็นกันเอง

“ การแข่งขันจบลงแล้ว และเจ้าเป็นเจ้าของโรงเตี้ยมนี้ มันเป็นหน้าที่ของเจ้า ที่จะต้อนรับเราด้วยสุราที่เหมาะสม ! ”

ผู้เฒ่าซ้งไม่กล้าที่จะพูดอะไรเมื่อต้องเผชิญกับพลังและอำนาจของคนเช่นเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เขาหันกลับไปอย่างขมขื่น และเข้าไปหลังร้านเพื่อเอากับแกล้ม เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวและองค์ชายรีบคว้าจอกของเขามาและรินให้ตัวเอง องค์ชายอดที่จะรู้สึกถึงอำนาจของความโหดร้ายและผลร้ายที่มันจะปลูกฝังลงไปในหัวใจของผู้ที่อ่อนแอไม่ได้ !

ในมุมซึ่งห่างไกลจากโรงเตี้ยม มีหญิงสาวใส่ชุดสีดำและผ้าคลุมเพื่อปิดบังใบหน้าของนาง สายลมพัดผ่านชุดของนาง ทำให้ผ้าคลุมหน้าของนางเปิดขึ้นสูงพอที่จะเห็นดวงตาที่สุกสว่างของนาง ซึ่งดูราวกับกำลังลุกไหม้อยู่เปลวไฟแห่งโทสะ

จวินโม่เซี่ย … เจ้าทำให้ข้าอับอายและขายหน้า ! วันนี้เจ้าจะต้องชดใช้มันด้วยชีวิต ! วันนี้จวินจ้านเทียนและแม้แต่ยอดฝีมือที่แปดที่เจ้าเพิ่งจะได้เป็นเพื่อนสนิทกับเขา ก็ไม่อาจจะช่วยเจ้าได้ …  คืนนี้ เจ้าจะต้องตาย !

“ นายหญิง ฝนกำลังจะตก ท่านต้องหาที่หลบแล้ว ”

ชายในชุดดำเดินมาจากข้างหลังนางอย่างเงียบๆ และกระซิบไปที่หูของนาง

“ ไม่ ! ข้าต้องการเห็นกระดูกของจวินโม่เซี่ยถูกบดขยี่ด้วยดวงตาของข้าเอง ด้วยวิธีนี้ความโกรธที่อยู่ในใจข้าจึงจะหายไปจริงๆ ! ”

หญิงในชุดสีดำยังคงไม่ขยับไปใหน ขณะที่นางตอบกลับมาด้วยเสียงอันเย็นชาราวกับน้ำแข็ง

“ จวินโม่เซี่ยต้องกลับไปบ้านก่อนค่ำ เพื่อที่จะไปกินมื้อค่ำกับครอบครัวคืนนี้ มันต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงจะได้ข่าวนี้มา  ดังนั้น เราจะต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้ ! ”

“ ขอรับนายหญิง!  ”

แม้ในตอนนี้จะเป็นเวลาใกล้พลบค่ำ แต่ความมืดก็เริ่มปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าแล้ว ทำให้ท้องฟ้าดูมืดมนและเศร้าหมองเป็นประจำในเวลานี้ เสียงลมหวีดหวิวของฤดูใบไม้ร่วงร้องโหยหวนไปตามถนนแห่งเมืองเทียนเชียง เมฆค่อยๆเคลื่อนลงต่ำจนทำให้ท้องฟ้าเบื้องบนกลายเป็นสีเทา

ท้องถนนของเมืองว่างเปล่า ตั้งแต่ผู้คนได้ยินเสียงโอดควรญแห่งสายลมและเมฆหมอกที่ส่งสัญญาณแห่งรางร้าย

จวินวูอี้ถูกบังคับให้อยู่แต่บนเก้าอี้เลื่อน เนื่องจากเขามีแขก …

“ เหตุใดถึงรู้สึกราวกับมีบางอย่างไม่ถูกต้อง? ”

จวินโม่เซี่ยนั่งอยู่ในเกี้ยว รู้สึกกระวนกระวายมากระหว่างทางที่จะกลับไปบ้าน 

 ข้าเพิ่งจะชนะการแข่งขัน และได้ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนมาเป็นสิษย์ … แล้วเหตุใดข้าถึงไม่รู้สึกตื่นเต้น ? ช่างน่าประหลาด .. ต้องมีบางอย่างผิดพลาด !

เมื่อใหร่กันที่ข้ารู้สึกไม่สบายใจเช่นนี้ ?

ต้องมีอะไรบางอย่างไม่ถุกต้องอย่างแน่นอน !

ความคิดนี้พุ่งผ่านหัวของเขา ขณะที่ความกลัวครอบงำจิตใจ !

ไม่ว่าจะชีวิตก่อนหน้าหรือชีวิตนี้ จวินโม่เซี่ยจะรู้สึกเช่นนี้เมื่อเขาถูกซุ่มโจมตี !

ยิ่งไปกว่านั้น ในอดีตความรู้สึกไม่สบายใจนี้ ช่วยชีวิตเขามาหลายครั้ง !

หรือนี่จะมีอันตราย … หรือข้ากำลังจะถูกคุกคาม ?

ทั่งทั้งร่างของจวินโม่เซี่ยหนาวเย็น ขณะที่เขานั่งลงไปโดยไม่รู้ตัว !

ฉึบ ! ฉึบ !

เสียงแหลมแสบแก้หูดังขึ้นรอบๆโดยไม่มีการเตือนใดๆ ขณะที่มีอาวุธมากมายพุ่งผ่านถนนอันว่างเปล่ามายังเกี้ยวของเขา

ลูกธนู ลูกดอก มีดบิน … อาวุธลับจำนวนมากพุ่งผ่านท้องฟ้าอย่างบ้าคลั่ง !

อาวุธเหล่านี้ ร่วงลงมาที่เกี้ยวของเขามากมายยิ่งกว่าสายฝนตามธรรมชาติ !

ปั้ง … โซ่ขนาดใหญ่กวาดไปบนหลังคาของเกี้ยว …

ชายแปดคนที่ตามจวินโม่เซี่ยมาถือว่าเป็นองครักษ์ชั้นยอดของสกุลจวิน และสามารถตอบโต้ได้รวดเร็วพอที่จะปัดป้องอาวุธที่พุ่งมายังเกี้ยวของเจ้านายของพวกเขา ชายสองคนไม่ทันระวังตัวและได้รับบาดเจ็บ แต่พวกเขาก็ยังตอบโต้เพื่อขัดขวางอาวุธบางส่วนได้

“ ปกป้องนายน้อย ! ”

ชายทั้งแปดลอมรอบเกี้ยวแบบไหล่ชนไหล่ในทันทีในตอนที่คำสั่งถูกประกาศออกมา แม้แต่ชายสองคนที่โดนลูกธนูปักอยู่ร่างกายส่วนล่าง ก็ยังมายืนอยู่ด้านหน้าเกี้ยวของเจ้านายของพวกเขาโดยไม่มีการอโอดครวญใดๆทั้งสิ้น

หลังจากการโจมตีของอาวุธลับ ก็ตามมาด้วยความเงียบสงัด … เสียงลมยังคงหวีดหวิวไปทั่วท้องถนน …

จวินโม่เซี่ยใจหาย มือสังหาร ! พวกเขาทั้งหมดถูกฝึกมา ! … อีกทั้งผู้นำของพวกเขามีประสบการณ์อย่างมาก !

ผู้นำองครักษ์ รีบกระจายคำสั่ง

“ ศัตรูโจมตีมาจากที่มืด เราจะต้องแยกกันเป็นสองกลุ่ม หากจำเป็น เจ้าสองคนจะต้องคุ้มกันนายน้อยด้านหน้า ในขณะที่เจ้าสองคนคุ้มกันเขาด้านหลัง หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือ พวกเราสี่คนจะรีบกลับมาช่วยทันที ความปลอดภัยของนายน้อยคือเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง ! ”

ทุกคนรับคำสั่งด้วยความกล้าหาญ

“ ไม่ อย่า ! เราต้องอยู่ด้วยกัน ! ”

เสียงของจวินโม่เวี่ยดังมาจากในเกี้ยว

“ อีกฝ่ายมีคนมากกว่า และพวกเขามีอาวุธมากกว่า พวกเขามีธนูและลูกดอก อีกทั้งยังมีมีดบินอีกเป็นโหล … อีกทั้งยังมีฆ้อน หอก .. พวกเขาโจมตีมาจากระยะไกล แม้แต่พวกเขาจะโจมตีมาพร้อมกัน …. แต่พวกเขาก็ได้เตรียมการมาอย่างดี มันไม่ช่วยอะไรหากจะแยกกันเพื่อต่อกรกับศัตรูเช่นนี้ … นั่นจะเป็นการทำให้พวกเราพ่ายแพ้ และตายเร็วขึ้น ! พวกเรามีเพียงความหวังเดียว เจ้าเห็นมุมที่อยู่หากไปสิบฟุตตรงนั้นไหม ? ”

จวินโม่เซี่ยวิเคราะห์สถานการณ์ผ่านม่านในเกี่ยวและออกคำสั่ง ความสามารถของเขา ทำให้แก้ปัญหาได้ แต่มันแตกต่างจากเรื่องที่องครักษ์ของเขากันวลเป็นอย่างมาก

Translate by iHaveNoName