ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 422 คนจะเรียนหนังสือเหตุใดจึงเรียกว่าขโมยเล่า?

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

หลังจากลายแสงทั่วร่างยิ่งมายิ่งเจิดจ้า ร่างกายของชายฉกรรจ์ก็กลายเป็นเสือดาวสายฟ้าหกขาโดยสิ้นเชิง คู่ต่อสู้ของเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้มีพลังเพิ่มขึ้นไม่หยุดหย่อน!

ตอนที่เขากลายเป็นสัตว์ร้ายอย่างสมบูรณ์ ก็นับว่ามิใช่คนอีกต่อไป กลายเป็นเสือดาวสายฟ้าหกขาอย่างแท้จริง พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นดั่งกระแสน้ำ

คล้ายกับว่าคนผู้นั้นสะกดขังสัตว์ป่ามาโดยตลอด ตอนนี้กรงขังได้พังทลายลง สัตว์ร้ายที่ถูกคุมขังไว้ในที่สุดก็หลุดออกมา!

เมื่อเผชิญหน้ากับเสือดาวสายฟ้าหกขาที่พุ่งกดดันเข้ามาเหมือนภูเขาลูกย่อมๆ เยี่ยนจ้าวเกอก็หัวเราะเหอะๆ ก่อนจะยกฝ่ามือของตนเองขึ้น แล้วฟาดด้านล่าง

หลังจากชายฉกรรจ์ผู้นั้นกลายร่างเป็นสัตว์ร้าย ร่างกายของเขาก็เหมือนกับภูเขาลูกเล็ก อย่าว่าแต่ยืนขึ้นมาเลย แค่หมอบอยู่บนพื้นก็สูงกว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่น้อยแล้ว

แต่ฝ่ามือที่ฟาดลงของเยี่ยนจ้าวเกอกลับให้ความรู้สึกว่า เขาตัวสูงใหญ่กว่าสัตว์ยักษ์เบื้องหน้ามากมายนัก

ดุจดั่งเทพยดาลงมาเกิด ฝ่ามือฟาดลงเหมือนกับท้องฟ้าถล่ม

ขนทั่วร่างของเสือดาวสายฟ้าหกขาด้านหน้าพลันลุกชูชัน

เนื่องจากสองขาถูกตัด ความบ้าคลั่งซึ่งเกิดจากการถูกทิ่มแทงโดยความเจ็บปวดจึงอ่อนลงในวินาทีนี้

สูญเสียความเป็นมนุษย์ กลายร่างเป็นสัตว์ร้าย ทำให้รู้สึกได้ถึงอันตรายรุนแรงยิ่งขึ้น

ในตอนนี้ ความรู้สึกคุกคามจากความตายได้เกาะกุมจิตใจของเสือดาวสายฟ้าหกขาตัวนี้เอาไว้ ทำให้มันหมุนตัวหนีโดยสัญชาตญาณ!

เสือดาวสายฟ้าหกขาที่ดุร้ายหมายขวัญ เหมือนสัตว์ร้ายหลุดจากกรง แม้กระทั่งคิดเข่นฆ่าให้ถึงที่สุด ฉีกกระชากอีกฝ่ายให้เป็นชิ้นๆ ที่ทุกคนเห็นก่อนหน้า ในตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับฝ่ามือที่เยี่ยนจ้าวเกอยกขึ้น กลับหมุนตัวหนีในทันใด!

ความเร็วของมันในตอนนี้ว่งไวยิ่งกว่าตอนที่มันพุ่งเข้ามาหาเยี่ยนจ้าวเกอก่อนหน้านี้เสียอีก

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็อดรู้สึกขบขันไม่ได้ ‘สูญเสียสติปัญญากลายเป็นสัตว์ปีศาจ กลับมีไหวพริบมากขึ้นอย่างนั้นหรือ’

ถึงแม้จะทั้งอารมณ์ดีทั้งขบขัน แต่เยี่ยนจ้าวเกอไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไป ฝ่ามือของเขายังคงกดลง พลังงานสะเทือนฟ้าสะเทือนดินฟาดใส่กระดูกสันหลังของเสือดาวสายฟ้าหกขาตัวนี้จนหัก!

เสือดาวตัวนั้นส่งเสียงคำราม ดังสนั่นคล้ายกับเมฆสายฟ้าระเบิด มันร้องโหยหวนพลางล้มลงกับพื้น ร่างกายชักกระตุก เคลื่อนไหวไม่ได้

ชายหนุ่มมองดูมัน ก่อนจะถอนใจเฮือกหนึ่ง “เจ้าว่าคุ้มกันหรือไม่ หากสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง พวกเราค่อยๆ ลองสนทนากันอย่างเป็นมิตรก็ได้ เหตุใดต้องลงมือด้วยเล่า ถึงข้าจะรู้สึกว่าการลงมือจะมีประสิทธิภาพดีกว่าก็เถอะ”

เสือดาวสายฟ้าหกขาตัวนั้นมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งยิ่ง แม้ร่างกายเกือบจะถูกเยี่ยนจ้าวเกอผ่าเป็นส่องส่วน ทว่ามันก็ยังไม่ตาย ถึงกับยังมีแรงเหลือ บนร่างมีสายฟ้าหลายสายกะพริบไม่หยุด

แต่ว่ามันในตอนนี้ไม่มีความคิดขัดขืนอีก มันใช้แรงเฮือกสุดท้ายตะกายอยู่บนพื้น พร้อมกับมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความเว้าวอน

เยี่ยนจ้าวเกอนั่งบนหลังมันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้มันส่งเสียงโหยหวนขึ้นอีกครั้งในทันที

“ให้ข้าดูหน่อยว่าบนร่างเจ้ามีของมีค่าอะไรหรือไม่” เยี่ยนจ้าวเกอพูดพลางเอื้่อมมือเข้าไปหามัน

เนื่องจากการกลายร่างเป็นเสือดาวสายฟ้าหกขาของชายฉกรรจ์ก่อนหน้านี้ กระเป๋าสัมภาระของเขาจึงถูกสายฟ้าอันรุนแรงทำลายไปด้วย

ของที่อยู่ด้านในกระจายอยู่บนพื้น มีของบางส่วนเหลือรอดมาได้ ส่วนอีกส่วนหนึ่งถูกสายฟ้าป่นเป็นผงไปแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอใช้ปราณจิตราหยิบของที่เหลืออยู่มาไว้บนมือ จากนั้นก็เริ่มตรวจสอบ

เฟิงอวิ๋นเซิง สวีเฟย อาหู่ และอิงหลงถูในตอนนี้ก็เข้ามาใกล้ๆ เพื่อดูสัตว์ยักษ์ที่เยี่ยนจ้าวเกอนั่งทับอยู่

“ศิษย์พี่เยี่ยน คนผู้นั้นแปลงร่างเป็นเสือดาวตัวนี้หรือ” หลงเอ๋อร์มองเสือดาวสายฟ้าหกขาตัวนั้นด้วยความประหลาดใจ

เยี่ยนจ้าวเกอตรวจสอบของในมือพลางตอบ “ใช่แล้ว”

เฟิงอวิ๋นเซิงสำรวจซ้ายขวา แล้วกล่าวว่า “เป็นสัตว์ปีศาจจริงๆ ปราณวิญญาณที่แฝงอยู่ในเลือดเนื้อแตกต่างกับมนุษย์โดยสิ้นเชิง”

ชายหนุ่มตรวจสอบตราประทับชิ้นหนึ่งในมือ แล้วอธิบายง่ายๆ ว่า “เป็นกระบวนท่าฝึกฝนพิเศษแขนงหนึ่ง ขั้นแรกน่าจะต้องหลอมรวมเลือดของสัตว์ปีศาจในร่างกายของตัวเอง จากนั้นการฝึกฝนก็จะไม่เหมือนพวกเราอีก แต่จะเพิ่มระดับพลังของตัวเองโดยใช้พลังแห่งสายเลือดสัตว์ปีศาจเป็นรากฐาน”

“แต่ว่านอกจากสายเลือดของสัตว์ปีศาจจะมอบพลังให้แล้ว ก็น่าจะส่งผลกระทบต่อสติปัญญาของผู้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่องด้วย”

“ถ้าหากว่าความแน่วแน่ของมนุษย์พังทลายลง และสูญเสียสติปัญญาเพราะเหตุผลต่างๆ เช่นนั้นก็เป็นไปได้ว่าพลังของสัตว์ปีศาจจะเปลี่ยนจากแขกเป็นเจ้าบ้าน ทำให้สุดท้ายกลายร่างเป็นสัตว์ปีศาจ กลับเป็นคนไม่ได้อีก”

เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ “สติของคนผู้นี้น่าจะค่อยๆ หายไปหลังจากได้รับบาดเจ็บหนักเพราะข้า ขณะเดียวกันความโกรธแค้นก็ครอบงำจิตใจ คิดเอาชีวิตรอด ตอบโต้ แก้แค้น สุดท้ายก็ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง กลายเป็นสภาพนี้”

พวกสวีเฟยจุ๊ปากชมเชย “เป็นกระบวนท่าที่พิเศษจริงๆ ไม่ได้อยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณ แต่สามารถควบคุมสายฟ้าแท้จริงได้ อีกทั้งยังมีอานุภาพมากกว่าอยู่หลายส่วนด้วย”

เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “หกขาเคลื่อนไหวได้เร็วเหมือนบิน อยู่ในพายุสายฟ้า ควบคุมสายฟ้าได้ตั้งแต่กำเนิด นี่เป็นพรสวรรค์ของเสือดาวสายฟ้าหกขา เหมือนกับที่พ่านพ่านควบคุมไฟกับน้ำได้นั่นเอง”

พ่านพ่านที่ร่างกายหดเล็กลง ถูกเฟิงอวิ๋นเซิงกอดไว้พลันกะพริบตาปริบๆ

ชายหนุ่มยิ้มพลางลูบศีรษะของพ่านพ่าน จากนั้นก็พูดเหมือนครุ่นคิด “ก่อนหน้านี้รู้แล้วว่าแม้ปราณวิญญาณของโลกใบนี้จะมีการเคลื่อนที่เป็นของตัวเอง แต่ก็รู้สึกได้อย่างเบาบาง อืม ไม่ใช่ ไม่ควรบอกว่าเบาบาง แต่วิธีการหมุนเวียนของมันไม่ส่งผลดีต่อการฝึกฝนการหายใจของจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์นัก”

สวีเฟยได้ยินดังนั้น ก็มองเสือดาวสายฟ้าหกขาทันที “เจ้าสงสัยว่าปราณวิญญาณของที่นี่เหมาะกับการหายใจของสัตว์ปีศาจมากกว่าอย่างนั้นหรือ”

“ดังนั้น วรยุทธ์วิชาวรยุทธ์ที่นำเลือดของปีศาจมาหลอมในร่าง เพื่อเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติร่างกายของตัวเอง อาจจะมิใช่แค่กรณีเดียว แต่แพร่หลายไปทั่วโลกใบนี้ก็ได้”

เยี่ยนจ้าวเกอปรบมือเบาๆ “ข้าสงสัยเช่นนั้นแหละ”

ครั้นพูดจบ ชายหนุ่มก็กระโดดลงจากหลังเสือดาวสายฟ้าหกขา แล้วใช้ฝ่ามือฟาดกะโหลกของสัตว์ยักษ์ตัวนี้จนแหลกละเอียด

ในเมื่อสูญเสียความเป็นมนุษย์ไปแล้ว ต่อให้สื่อสารกันเข้าใจ ก็คงไม่ได้อะไรอยู่ดี เยี่ยนจ้าวเกอย่อมไม่ไว้ชีวิตมัน

ไม่ต้องให้เยี่ยนจ้าวเกอสั่ง อาหู่ก็เดินเข้ามาอย่างเริงร่า เปิดถุงย่อส่วนของตัวเอง เก็บศพของเสือดาวสายฟ้าหกขาตัวนี้

“คุณชาย ต่อจากนี้พวกเราจะทำอย่างไรขอรับ”

ทันทีที่ได้ยินคำถามของอาหู่ เยี่ยนจ้าวเกอก็ถอนใจ “ภาษาไม่เหมือนกัน ข้อมูลในมือก็น้อยยิ่ง หาวิธีตามหาคนเป็นๆ ให้ข้าทำความเข้าใจภาษากับตัวหนังสือของพวกเขา รวมถึงโลกใบนี้ก่อนค่อยว่ากัน”

“แต่ว่าพวกเราต้องเร่งมือหน่อย”

บนพื้นไม่เหลือสิ่งใดมีค่าอีก หลังจากทุกคนเก็บกวาดเรียบร้อย ก็ออกเดินทางทันที

ในป่าดึกดำบรรพ์มีสัตว์ปีศาจหลากหลายชนิดโผล่มาไม่ขาดสาย คล้ายกับยืนยันการคาดการณ์ของเยี่ยนจ้าวเกอ

เมื่อทุกคนออกจากป่าดึกดำบรรพ์ ก็ค่อยๆ เข้าสู่พื้นที่ราบ

เมื่อมาถึงที่นี่ ผู้คนก็ค่อยๆ หนาตาขึ้น

แต่ติดที่สื่อสารไม่เข้าใจ พวกเยี่ยนจ้าวเกอจึงต้องทำตัวเป็นธรรมชาติ ไม่แสดงท่าทีโดดเด่นอะไร

จนกระทั่งคฤหาสน์ขนาดใหญ่หลังหนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางสายตาของทุกคน เยี่ยนจ้าวเกอพินิจอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง ตาพลันเปล่งประกาย

จุดรวมสายตาของเขาอยู่บนชั้นลอยประณีตในคฤหาสน์ เมื่อมองไปผ่านกระจกที่เปิดออก ก็จะเห็นชั้นหนังสือขนาดใหญ่และหนังสือที่เต็มไปด้วยความสวยงาม

อาหู่เห็นดังนั้นก็เกาศีรษะ “คุณชาย หรือท่านจะไปขโมยหนังสือ”

เยี่ยนจ้าวเกอฟาดฝ่ามือใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์ “คนจะเรียนหนังสือ เหตุใดจึงเรียกว่าขโมยเล่า”