หลังจากที่ออกไปจากห้องของซูหยาง ชิวเยว่ก็นั่งคุกเข่าพร้อมกับใบหน้าแดงฉาน

 

“ข้าทำได้… ในที่สุดข้าก็ทำได้”

 

ชิวเยว่ยังคงรูสึกว่าหัวใจของเธอเต้นเร็วอย่างบ้าคลั่ง รู้สึกเหมือนกับว่ามันสามารถที่จะระเบิดออกจากอกของเธอได้ทุกเวลาในตอนนี้

 

เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเธอสามารถที่จะทำบางอย่างที่สัปดนกับซูหยางได้จริงๆ อีกทั้งในขณะที่เขากำลังหลับด้วยอีกต่างหาก

 

“แต่…บางทีข้าอาจจะมิสามารถทำได้อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขาไม่ได้หลับ…” เธอถอนหายใจในเวลาต่อมา

 

แม้ว่าเธอจะมีความกล้าที่จะทำเช่นนี้ในครั้งนี้ เธอก็ไม่มั่นใจว่าเธอจะสามารถทำได้อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขาตื่นอยู่ ในเมื่อโดยปกติแล้วนั่นเป็นเรื่องที่กล้าและน่าอายเกินไปสำหรับสาวพรหมจรรย์เช่นเธอในตอนนี้ ไม่ว่าอย่างไรนั่นต้องทำให้เธอรวบรวมความกล้าทั้งหมดในการทำอะไรแบบนี้ในขณะที่เขายังคงหลับ และเธอก็ไม่สามารถที่จะจินตนาการได้ถึงตอนที่ซูหยางกำลังดูเธอดูดดื่มเพศชายของเขาโดยไม่ทำให้เธอปวดหัว

 

อย่างไรก็ตามไม่ว่าอย่างไรเหตุการณ์นี้ก็เป็นความก้าวหน้าที่ยิ่งสำหรับชิวเยว่ ซึ่งต้องเตรียมตัวสำหรับอนาคตเมื่อคำสาปบนร่างของเธอได้ถูกปัดเป่าไปแล้ว

 

“ท่านสบายดีไหม ผู้อาวุโสชิวเยว่” ชินเหลียงหยูถามเธอด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลหลังจากที่เห็นเธอนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสีหน้างงงัน

 

“ข-ข้าสบายดี” เธอตอบหลังจากที่กระแอมแล้วลุกขึ้นยืน

 

“ดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น แล้วซูหยางล่ะ ท่านคิดว่าเขาจะฟื้นตัวเร็วขึ้นจากปราณหยินของท่านหรือไม่”

 

“ใครจะรู้…” ชิวเยว่ยักไหล่ “พวกเราก็ได้แต่รอผลลัพธ์ในตอนนี้”

 

“อย่างไรก็ตามมิจำเป็นที่เจ้าจะพูดอย่างเป็นทางการเช่นนั้น พวกเรามิได้เป็นคนแปลกหน้ากันอีกต่อไป และเจ้าเองก็เป็นคนที่ได้มีประสบการณ์มากกว่าข้าในเรื่องเขา ถ้าพวกเราต้องจัดตำแหน่ง เจ้าก็อยู่เหนือข้าแล้ว ในเมื่อเจ้าได้ให้ร่างกายของเจ้าแก่เขาในขณะที่ข้ายังไม่ได้”

 

“เอ๋… ผู้อาวุโส… พี่สาวชิวเยว่ยังมิได้ร่วมฝึกกับเขาอีกรึ” ชินเหลียงหยูจ้องมองเธอด้วยดวงตาโตเต็มไปด้วยความประหลาดใจในเมื่อเธอมั่นใจว่าพวกเขาได้ร่วมฝึกคู่ด้วยกันนานมาแล้ว “ถ้าเจ้ามิถือสาหากข้าจะถาม เจ้ารออะไรอยู่”

 

“มันซับซ้อน ถ้าข้าสามารถฝึกร่วมกับเขา ข้าคงจะทำเช่นนั้นนานมาแล้ว อย่างไรก็ตามเพราะว่าคำสาปที่จำกัดตัวเลือกคู่ของข้า ทำให้ข้ายังมิสามารถที่จะร่วมฝึกกับเขาได้”

 

“ข้ามิเคยคิดว่าจะมีอะไรเช่นนั้นที่สามารถเกิดขึ้นได้… อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะด้วยสาเหตุนั้น เจ้าก็ได้อยู่กับซูหยางมานานกว่าข้า ดังนั้นข้ามิสามารถที่จะเป็นผู้อาวุโสได้” ชิวเหลียงหยูกล่าว

 

“อีกอย่างหนึ่งเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าแมวนั่น เจ้าได้สอนเธอวิธีที่จะเป็น “ผู้ใหญ่” ใช่ไหม” ชิวเยว่ถามอีกฝ่าย

 

“เซี่ยวหรง… เธอเป็นคนที่เรียนรู้ได้เร็วมาก เธอเกือบจะกลายเป็นคนละคนเมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อสองสามวันก่อน”

 

“เจ้าได้สอนอะไรเธอรึ…” ชิวเยว่มองดูเธอทำตาโต

 

ชินเหลียงหยูหน้าแดงและกล่าวว่า “จริงแล้วมิได้มีอะไรพิเศษ ข้าเคยสอนเด็กมาก่อนตอนที่อยู่ในทวีปใต้”

 

“ยิ่งเจ้าสอนเธอช้าเท่าไหร่ยิ่งดี ในเมื่อเจ้าแมวบ้ากามนั่นเป็นคนสุดท้ายในโลกนี้ที่ข้าต้องการให้อยู่เหนือหัวข้า” ชิวเยว่กำหมัดของเธอแน่น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเด็ดขาด

 

ชินเหลียงหยูหัวเราะเบาๆหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเธอ เธอไม่คาดคิดว่าจะมีด้านการแข่งขันกันแบบเด็กๆจากชิวเยว่ด้วย บางคนที่เธอยังคงนับถืออีกฝ่ายเป็นเทพธิดา

 

 

วันถัดมา ซูหยางก็ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆอีกครั้ง

 

“สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้รู้สึกเหมือนกับว่าเป็นความฝัน แต่…” เขาบิดขี้เกียจเป็นเวลาชั่วขณะก่อนที่จะสังเกตเห็นคราบเปียกบนเตียงที่อยู่ใกล้กับบริเวณเป้ากางเกงของเขา

 

แม้ว่ายากจะสังเกตเห็น แต่ก็ยังมีร่องรอยเสื้อผ้าของเขาาถูกแก้ออก อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นหลักฐานว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ไม่ใช่เพียงแค่ความฝันก็คือปราณหยินที่ยังคงเต็มห้อง

 

ในทั่วทั้งโลกนี้ คนที่สามารถปล่อยปราณหยินได้เข้มข้นมากเท่านี้มีเพียงชิวเยว่และเซี่ยวหรง และจากที่รู้จักตัวตนของเซี่ยวหรง ก็จะเหลืออยู่เพียงคนเดียวที่ควรจะเป็นเจ้าของปราณหยินนี้

 

มันชัดเจนที่ว่าชิวเยว่เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังปราณหยินนี้ และเขาก็มั่นใจว่าตัวชิวเยว่เองก็ได้รู้อยู่แล้วว่าเขาจะรู้ว่าเป็นใครหลังจากที่ฟื้นขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่แท้จริงก็คือเขาควรให้เธอรู้ว่าจริงแล้วเขาตื่นอยู่ตลอดเวลาในขณะที่เธอกำลังดูดดื่มแท่งหรรษาของเขาดีหรือไม่

 

“มิว่าจะบาดเจ็บหรือไม่ นอกจากว่าพวกเขาจะถูกวางยาอย่างแรง มิว่าใครก็จักต้องตื่นขึ้นถ้าลูกกระแป๋งถูกเล่นอย่างหนัก…” ซูหยางหัวเราะเบาๆหลังจากที่นึกถึงตอนที่เธอจัดการกับอัญมณีของเขาอย่างไม่มีประสบการณ์อย่างไร ราวกับว่าเด็กเล่นกับของเล่นที่เธอชอบแต่ไม่รู้ว่าควรจะเล่นอย่างไร

 

“มิว่าอย่างไร ข้าควรจะดูดซับปราณหยินของเธอเพื่อที่ว่ามันจะได้มิเสียเปล่า”

 

จากนั้นซูหยางก็นั่งอยู่ในท่าดอกบัวและเริ่มฝึกพลังปราณ ดูดซับปราณหยินทั้งหมดในห้องอย่างรวดเร็ว

 

สองสามชั่วโมงให้หลัง หลังจากที่เปลี่ยนปราณหยินทั้งหมดให้กลายเป็นปราณไร้ลักษณ์แล้ว ซูหยางก็สามารถรู้สึกได้ว่าจุดตันเถียนของเขานั้นเต็มไปด้วยพลังวิญญาณอีกครั้ง

 

“เป็นดังคาดของคนจากวิหารจันทราศักดิ์สิทธิ์ ปราณหยินของเธอนั้นเข้มข้นและมีคุณภาพมากเป็นพิเศษ”

 

ไม่เหมือนกับปราณหยินที่สามารถดูดซับได้โดยตรงจากร่างของผู้หญิงระหว่างการร่วมฝึกฝน ปราณหยินที่เกิดจากช่วยตนเองนั้นอ่อนกว่ามาก อ่อนจนไม่สามารถที่จะเปรียบเทียบกันได้

 

คุณภาพของปราณหยินของชิวเยว่นั้นมีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะซึ่งมีเพียงเฉพาะผู้คนที่มีสายเลือดจากวิหารจันทราศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ในเมื่อพวกเขามีความสัมพันธ์กับพระจันทร์โดยตรง ซึ่งพระจันทร์เองนั้นเป็นแหล่งกำเนิดของปราณหยินในจักรวาลนี้ และนี่ก็จึงเห็นเหตุผลหลักที่ทำไมเทพจันทราจึงสาปสายเลือดของตนเอง ในเมื่อเขาไม่ต้องการที่จะแบ่งปันและทำให้สายเลือดที่ทรงพลังนี้แปดเปื้อน

 

หลังจากที่ดูดซับปราณหยินทั้งหมดของชิวเยว่หมดแล้ว ซูหยางก็ลุกจากเตียงและออกจากห้องไป

 

ทันทีที่เขาเดินออกไปจากห้อง ร่างของชิวเยว่ก็เข้าสู่สายตาของเขา

 

“ท่านพ่อ..”

 

เมื่อชิวเยว่เห็นใบหน้าของซูหยาง เหตุการณ์จากเมื่อวานก็พลันฉายซ้ำภายในใจของเธอ และเธอก็เหมือนได้ลิ้มลองปราณหยางของเขาในปากของเธออีกครั้ง จนทำให้คำพูดและข้อแก้ตัวทั้งหมดที่เธอได้ใช้เวลาหลายชั่วโมงเตรียมตัวในการพูดกับเขาเมื่อตอนที่เขาตื่นขึ้นมาหายไปราวกับหมอกควัน