ถังซียิ้ม โอบแขนรอบคอเฉียวเหลียงและกระซิบ “ฉันก็ผิดเหมือนกัน ฉันไม่ควรเสี่ยงอันตรายโดยไม่บอกคุณ ฉันขอโทษนะคะที่ทำไปแบบนั้น ฉันขอโทษ ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก จะบอกคุณทุกครั้งก่อนจะทำอะไร ขอให้… คุณกับครอบครัวฉันไม่ตกอยู่ในอันตรายอีกนะ ถ้าคุณหรือคนในครอบครัวฉันตกอยู่ในอันตราย ฉันก็คงต้องทำเหมือนวันนั้น ถ้าคุณไม่อยากให้ฉันเสี่ยงหรือได้รับบาดเจ็บ คุณต้องทำให้ฉันมั่นใจว่าคุณจะไม่ได้รับบาดเจ็บ”
นั่นคือกฎกติกาของเธอที่จะทำให้เฉียวเหลียงไม่ตกอยู่ในอันตรายใดๆ เฉียวเหลียงบอกว่าเขาอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ และเธอก็อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเฉียวเหลียงด้วยเช่นกัน ดังนั้นเธอจะไม่ยอมให้เฉียวเหลียงตกอยู่ในอันตราย
เฉียวเหลียงถอนหายใจอย่างอ่อนใจ ยกมือขึ้นขยี้ผมเธอแล้วกล่าวเสียงต่ำ “ก็ได้ ผมสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ ตกลงไหม”
ถังซีเม้มริมฝีปาก แล้วส่งเสียงในลำคอก่อนจะตอบว่า “ต้องอย่างนี้สิ”
เธอเหลือบมองช่อกุหลาบสีแชมเปญแล้วถามว่า “แล้วสีนี้ล่ะคะ แทนความหมายว่าอะไร”
เธอไม่ค่อยรู้เรื่องดอกไม้มากนัก แล้วทันใดนั้นเธอก็รู้สึกขึ้นมาว่า ที่ผ่านมาเธอสูญเสียเวลาดีๆ ไปมากมายเหลือเกิน เธอไม่เคยขอให้เฉียวเหลียงพาไปทานอาหารค่ำใต้แสงเทียน หรือขอให้เขาซื้อดอกไม้ให้เลย มีแต่ขอให้เขาพาเธอไปทานอาหารทะเล… ช่างน่าเสียดายจริงๆ!
เฉียวเหลียงเลิกคิ้ว มองดูกุหลาบสีแชมเปญเก้าสิบเก้าดอกพร้อมกับยิ้มและกล่าวว่า “เขาว่ากันว่ากุหลาบสีแชมเปญแทนความหมายว่า ‘ฉันรักเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น’ ผมซื้อกุหลาบสีแชมเปญเก้าสิบเก้าดอกให้คุณเพราะผมอยากบอกคุณว่า ผมรักคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น”
ถังซีนิ่งอึ้ง เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินคำหวานๆ แบบนี้จากเฉียวเหลียง เธอจ้องมองเขาแล้วจูบเขาที่ริมฝีปาก เฉียวเหลียงกอดถังซีและจูบตอบ เวลานั้นนั่นเองเซียวจิ่งก็ตื่นขึ้นมา เขามองดูคนทั้งคู่ที่นั่งอยู่ในห้อง และเกือบเป็นลมหมดสติไปอีกครั้ง เขากระแอมและถามขึ้นว่า “ที่นี่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้นกับฉัน”
ถังซีรีบผลักเฉียวเหลียงออก ลุกขึ้นจากตักเฉียวเหลียง แล้วเดินไปที่เตียงเซียวจิ่ง เธอมองหน้าเซียวจิ่งและถามขึ้นเบาๆ “พี่จิ่ง พี่เป็นยังไงบ้าง”
เซียวจิ่งมองริมฝีปากถังซีที่บวมเล็กน้อย ร่องรอยความเศร้าเสียใจฉายไปทั่วดวงตาเขา พระเจ้า เขาอยู่ในอาการโคม่า แต่น้องสาวยังมีอารมณ์มาจูบกับผู้ชาย! เขาโกรธจริงๆ! เซียวจิ่งจ้องหน้าเฉียวเหลียงที่เดินเข้ามาหาเขา และถามอย่างเย็นชา “ทำไมทั้งสองคนถึงมาอยู่ที่นี่ นี่พี่อยู่ในห้องเธอใช่ไหม พี่หมดสติไปอีกแล้วเหรอ”
ถังซีไม่ทันสังเกตเห็นแววเจ้าเล่ห์ในดวงตาเซียวจิ่ง เธอพยักหน้ากล่าวว่า “ใช่ค่ะ จู่ๆ พี่ก็หมดสติ แต่นี่เราอยู่ในห้องพี่ เฉียวเหลียงกับฉันมาคอยดูแลพี่อยู่ที่นี่”
อ๋อ… ดูแลพี่ในห้องของพี่ ด้วยการจูบกับแฟนข้างเตียงพี่เนี่ยนะ! เป็นเหตุเป็นผลดีมาก! พี่รู้สึกอายแทนจริงๆ! เซียวจิ่งแทบเป็นลมไปอีกเพราะความโกรธ… นี่ถ้าทั้งสองอยู่ในห้องกันตามลำพัง เขาจะไม่ได้เห็นหน้าหลานตัวน้อยในอีกสิบเดือนข้างหน้าหรอกหรือ! ไม่มีทาง! เขาปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นไม่ได้! เขาต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม! น้องสาวเขายังเป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลาย และยังไม่ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ!
“อ้อ…” เซียวจิ่งมองหน้าเฉียวเหลียงแล้วกล่าวว่า “นี่ก็ดึกแล้ว…”
“ใช่ ดึกแล้ว ในเมื่อนายตื่นแล้วนายก็ดึงเข็มน้ำเกลือออกเองได้แล้วสิ นี่โจ๊กผสมสารอาหารบำรุง นายกินซะ แล้วนอนพัก” ก่อนที่เซียวจิ่งจะกล่าวจบเฉียวเหลียงก็ขัดจังหวะขึ้นด้วยประโยคนี้ จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปหา มองหน้าเซียวจิ่งและกล่าวว่า “ฉันตัดสัญญาณเชื่อมต่อเกมในห้องนายแล้วนะ และเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือของนายมาเป็นโทรศัพท์ที่ไม่ใช่สมาร์ตโฟนด้วย เพราะฉะนั้นตอนนี้นายก็เล่นเกมอะไรไม่ได้แล้ง พรุ่งนี้จะได้ไปรับเฮ่อหว่านอีกับหนิงเหยี่ยนที่สนามบินแต่เช้าตรู่”
“ไม่ใช่สมาร์ตโฟน!” เซียวจิ่งจ้องมองเฉียวเหลียง “เฉียวเหลียง อะ… ไอ้บ้า! นายมาเอาโทรศัพท์ฉันไปได้ยังไง! ฉันนอนไม่หลับหรอก ถ้าไม่มีโทรศัพท์มือถือ!”
เฉียวเหลียงจ้องหน้าเซียวจิ่งอย่างเฉยเมยและกล่าวเตือนว่า “นายอยากนอนเอง หรือจะให้ฉันอัดจนสลบ…”
“ไอ้เลว! ฉันรู้นะ นายแค่อยากแก้แค้นฉัน เพราะฉันขัดจังหวะที่นายจูบน้องสาวฉัน!” เซียวจิ่งผุดลุกขึ้นจากเตียงและจ้องมองเฉียวเหลียง ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความเดือดดาล “ใช่ไหม”
ถังซีพูดไม่ออก “…” พี่ชายเธอเห็นเธอจูบกับเฉียวเหลียงด้วย!
โอ้พระเจ้า!
น่าอายจริงๆ!
ให้ตายเถอะ ภาพลักษณ์เธอพังพินาศหมดแล้ว!
ไม่นะ!
ขณะหันไปมองเฉียวเหลียงซึ่งดูไม่แยแส ถังซีก็ก้าวออกไปข้างหน้า มองเซียวจิ่ง และกล่าวอย่างอึกอัก “เอ้อ… พี่จิ่ง บางทีพี่อาจเห็นภาพลวงตา เฉียวเหลียงกับฉันไม่ได้จูบกัน…”
“ฮ่าๆ…” เซียวจิ่งคำราม “คืนโทรศัพท์มาให้ฉัน!”
เฉียวเหลียงโยนโทรศัพท์คืนให้เขา แล้วจูงมือถังซีเดินออกไป เมื่อเห็นเซียวจิ่งรับโทรศัพท์ของเขาคืนไปอย่างมีความสุข โดยไม่ได้หันมามองเธอเลย ทันใดนั้นถังซีก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาเล็กน้อย โทรศัพท์มือถือสำคัญกว่าเธอในความคิดของเซียวจิ่งอย่างนั้นหรือ เธอกะพริบตาปริบๆ ขณะถูกเฉียวเหลียงดึงตัวออกไป…
เช้าวันรุ่งขึ้นถังซีมาเรียกเซียวจิ่งไปทานอาหารเช้าทันทีที่เธอตื่นนอน เซียวจิ่งฟื้นตัวเต็มที่หลังจากคืนหนึ่งผ่านไป เขาดูกระปรี้กระเปร่าตอนที่มาเปิดประตู ถังซีมองใบหน้าหล่อเหลาแล้วยิ้ม “เมื่อคืนพี่นอนหลับสบายดีหรือเปล่า”
ใบหน้าเซียวจิ่งเข้มขึ้นทันทีที่ได้ยินคำถามนี้ “ขอบคุณเฉียวเหลียงนะ พี่หลับสบาย!”
ถังซีหัวเราะเบาๆ เธอสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมเฉียวเหลียงถึงคืนโทรศัพท์ให้เซียวจิ่งแต่โดยดี ทั้งๆ ที่รู้ว่าเซียวจิ่งติดโทรศัพท์มือถือขนาดหนัก และจะนอนหลับไม่สนิท ถ้ามีโทรศัพท์มือถืออยู่ข้างๆ ตัว… เฉียวเหลียงเฉลยกับเธอว่า โทรศัพท์มือถือของเซียวจิ่งแบตหมด และเขาเอาเครื่องชาร์จแบตของเซียวจิ่งไปด้วย โทรศัพท์เครื่องนั้นไม่ใช่สมาร์ตโฟนธรรมดา แต่ได้รับการพัฒนาโดยหลงเซี่ยว ไม่สามารถชาร์จแบตได้หากไม่มีเครื่องชาร์จพิเศษที่ผลิตขึ้นมาโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เซียวจิ่งจะชาร์จโทรศัพท์มือถือของเขา
ตอนนี้ดูเหมือนว่าวิธีของเฉียวเหลียงได้ผล!
เมื่อเซียวจิ่งเห็นว่าเฉียวเหลียงไม่ได้มากับถังซี ดวงตาเขาก็เป็นประกายสดใสขึ้น เขาจับมือถังซีและถามอย่างมีความสุข “โหรวโหรว จะไปสนามบินกับพี่ด้วยหรือเปล่า เฉียวเหลียงจะไม่ไปกับเราใช่ไหม”
ถังซียิ้ม “วันนี้ฉันมีธุระต้องไปจัดการ สงสัยพี่คงต้องไปรับพี่หว่านอีกับคนอื่นๆ คนเดียวแล้วล่ะ ตอนนี้เราลงไปชั้นล่างกันก่อน ไปทานอาหารเช้ากัน เฉียวเหลียงรอเราอยู่ที่ชั้นล่าง พี่อยากทานอะไรเป็นอาหารเช้าคะ”
เซียวจิ่งหรี่ตามองถังซี “นี่แปลว่าเธอสองคนแอบอยู่ด้วยกัน แบบไม่ให้คนอื่นรู้ใช่ไหม”