“ดิฉันไม่ใช่แม่บ้านที่คุณลาเต้จ้างมาจริงๆ ค่ะ เเม่บ้านที่คุณลาเต้จ้างมาชื่อเปิ้ล”
“ใช่ครับๆ แม่บ้านที่ผมจ้างมาชื่อเปิ้ล” ลาเต้รีบพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็หันไปมองทางป้าทิพย์ ด้วยความสงสัย “ว่าแต่คุณรู้ได้ยังไง?”
ป้าทิพย์ยิ้มแล้วตอบว่า “ดิฉันและพี่เปิ้ลอยู่บริษัทแม่บ้านแห่งเดียวกัน ก่อนหน้าที่พี่เปิ้ลจะเดินทางมา ทางบ้านของเธอเกิดปัญหาขึ้นกะทันหัน ดังนั้นจึงได้ให้ดิฉันมาทำภารกิจนี้ ให้ฉันมาดูแลคุณมายมิ้นท์แทนค่ะ”
“เป็นอย่างนี้เหรอครับ?” ลาเต้หรี่ตามอง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อ
เนื่องจากว่าเขายังไม่ได้รับสายโทรศัพท์ที่แจ้งมาจากทางบริษัทแม่บ้านเลย
ป้าทิพย์พยักหน้า “แน่นอนค่ะ ถ้าคุณลาเต้ไม่เชื่อ จะลองโทรศัพท์ไปถามดูก็ได้”
“คุณคิดว่าผมไม่กล้าเหรอ?” ลาเต้ส่งเสียงหึๆ ออกมาแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือกดโทรออก
ผ่านไปประมาณสองนาที เขาก็วางสายลงด้วยท่าทางไม่พอใจเท่าไรนัก
มายมิ้นท์คลำไปที่โต๊ะด้านหน้าแล้ววางแก้วนมลง ก่อนจะเอ่ยถามว่า “เป็นยังไงคะ เป็นแบบที่ป้าทิพย์บอกหรือเปล่า?”
ลาเต้พยักหน้า “ใช่ครับ ไอ้อ้วนชินกล้าดียังไงลืมบอกผม น่าโมโหจริง เรื่องสำคัญขนาดนี้เขาลืมบอกผมได้ยังไง?”
มายมิ้นท์ยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบที่ป้าทิพย์บอกก็เอาตามนั้นเถอะค่ะ อีกอย่างป้าทิพย์ก็ดูแลฉันได้ดีทีเดียว”
“ขอบคุณคุณมายมิ้นท์มากนะคะ ถ้าคุณมายมิ้นท์พอใจ ดิฉันก็ได้ยินดีค่ะ” ป้าทิพย์มองไปทางมายมิ้นท์ด้วยท่าทางอ่อนโยน
มายมิ้นท์เป็นใครเธอรู้ดีเป็นที่สุด หล่อนเป็นอดีตภรรยาของคุณชายใหญ่เธอเอง
แต่ก่อนหน้านั้นตัวเธอที่อยู่ในคฤหาสน์ใหญ่มักจะยุ่งอยู่ในห้องครัว จึงไม่ค่อยได้ไปที่เรือนหน้าเท่าไรนัก ประกอบกับคุณมายมิ้นท์เองก็ไม่ค่อยเดินทางไปที่คฤหาสน์ ดังนั้นเธอจึงไม่เคยได้พบมายมิ้นท์มาก่อน ได้ยินเพียงจากปากของท่านย่าและพี่แดง
ท่านย่าและพี่แดงล้วนบอกว่าคุณมายมิ้นท์เหมาะสมกับคุณชายใหญ่เป็นที่สุด ตอนนี้เมื่อตัวเธอได้มาพบกับคุณมายมิ้นท์เอง เธอก็รู้สึกเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน ที่สำคัญที่สุดก็คือคุณชายใหญ่เองก็รักคุณมายมิ้นท์มาก
ดังนั้นเธอจึงไม่เข้าใจเสียจริง ในเมื่อคุณชายใหญ่รักคุณมายมิ้นท์ขนาดนี้ ทำไมจึงได้ตัดสินใจหย่าร้างในตอนนั้น หลังจากหย่าร้างกันไปแล้วก็กลับไปตามง้อหล่อนมาอีก หรือว่าเขาไม่มีอะไรจะทำ?
“อ้อจริงสิคะลาเต้ คุณมาที่นี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” มายมิ้นท์เพิ่งนึกขึ้นมาได้จึงเอ่ยถาม
ลาเต้วางมะม่วงลงบนโต๊ะน้ำชา “ผมเอาผลไม้มาให้คุณ แล้วก็มาบอกต่อคำพูดของคุณแม่ผม ท่านบอกว่าถ้ามีเวลาอยากจะให้คุณไปหาท่านสักหน่อย”
“ไปหาคุณป้าเหรอคะ?” มายมิ้นท์เอนศีรษะเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ คุณป้ามีอะไรจะบอกกับฉันหรือ?”
“ผมเองก็ไม่ทราบครับ แต่ดูจากท่าทางของคุณแม่แล้วก็น่าจะเป็นแบบนั้น” ลาเต้พยักหน้า
มายมิ้นท์ยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปอีก “ถ้ามีเรื่องอะไรจะบอกฉัน ทำไมถึงไม่บอกทางโทรศัพท์ล่ะคะ?”
“ผมจะไปรู้ได้ยังไง อาจจะเป็นเรื่องที่ต้องพูดต่อหน้าก็ได้ เอาว่าคุณไปแล้วก็จะรู้เองแหละมั้งครับ” ลาเต้ยักไหล่
มายมิ้นท์ยิ้มขึ้น “ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละค่ะ แต่จะไปตอนนี้ก็คงไม่ได้ ถ้าคุณป้ารู้ว่าฉันมองไม่เห็นคงจะต้องร้องไห้แน่ ฉันไม่อยากทำให้เธอต้องกังวลใจ รอให้ตาฉันหายดีแล้วค่อยไปนะคะ”
“ผมเดาว่าคุณคงจะพูดแบบนี้ ผมก็เลยบอกกับแม่เอาไว้แล้วว่าคงต้องรอสักพักคุณถึงจะว่างไปที่บ้านได้ แม่ผมเองก็ตกลง” ลาเต้ยิ้มขึ้น
มายมิ้นท์เผยอมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ”
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
มายมิ้นท์รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นไปให้ลาเต้ถามว่า “ลาเต้คะ ช่วยดูให้หน่อยว่าใครโทรมา?”
ลาเต้ชะโงกหน้าไปมอง “การันต์”
“ขอบคุณค่ะ ฉันรู้แล้ว” มายมิ้นท์นำโทรศัพท์มือถือกลับมาแล้วกดรับสายจากตำแหน่งที่คุ้นเคย ก่อนจะนำและโทรศัพท์มือถือไปวางที่ข้างหู “สวัสดีค่ะคุณหมอการันต์”
กองทุนการกุศลทางการแพทย์ของลำดวน ผมได้ยื่นเอกสารไปแล้วนะครับ ถ้ามีการรับรองจากผม คาดว่าทางสมาคมคงจะจัดการโอนเงินให้ในไม่ช้า” การันต์พูด
มายมิ้นท์ตอบรับเบาๆ “ขอบคุณมากนะคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ เรื่องแค่นี้เอง สิ่งที่คุณกำชับแน่นอนว่าผมจะต้องทำให้สำเร็จ”
มายมิ้นท์หน้าถอดสี ก่อนจะถามต่อไปว่า “อ้อจริงสิคะ การรักษาของราเม็งเป็นยังไงบ้าง?”
“เพิ่งจะเริ่มรักษา จะมีอะไรเป็นพิเศษได้ล่ะครับ?” การันต์ตอบ
มายมิ้นท์เม้มริมฝีปาก “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ฉันได้ยินลาเต้บอกว่าสถานการณ์ของราเม็งแย่มาก เพียงแค่ระยะเวลาที่ต้องได้รับการรักษาก็ค่อนข้างนานแล้ว นี่เพิ่งจะวันแรก แน่นอนว่าคงไม่มีอะไรคืบหน้าค่ะ ที่ฉันอยากจะถามก็คือขั้นตอนดำเนินการรักษาราบรื่นดีไหมคะ เขาให้ความร่วมมือหรือเปล่า?”
อีกฝ่ายหนึ่งของโทรศัพท์ การันต์นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน เขาเงยหน้าขึ้นมองไปดูราเม็งที่กำลังนอนหลับ แว่นตาสะท้อนแสงวาบ “ถึงแม้ปากเขาจะบอกว่ายอมให้ความร่วมมือ แต่ในใจเขาค่อนข้างจะขัดขืน”
“ขัดขืนเหรอคะ?” มายมิ้นท์ขมวดคิ้วถาม
การันต์พยักหน้า “ใช่ครับ ลึกๆ ในหัวใจของเขาไม่ให้ความร่วมมือในการรักษาทางจิตวิทยานี้ เขาไม่ยอมเปิดใจและไม่ยอมพูดอะไรกับผมเลย คำถามที่ผมถามไปเขาก็ไม่ยอมตอบ ดังนั้นการรักษาของผมจึงไม่ราบรื่นเท่าไหร่”
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ต้องรบกวนคุณด้วยนะคะ ฉันจะพยายามสื่อสารกับเขาให้เขายอมรับการรักษาและร่วมมือกับคุณมากที่สุด” มายมิ้นท์ตอบกลับอย่างตะกุกตะกัก ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอีกว่า “ตอนนี้ราเม็งยังอยู่ที่นั่นใช่ไหมคะ?”
“อยู่ครับ เขาไม่ได้พักผ่อนมาหลายวันแล้ว จึงถูกผมสะกดจิตให้หลับไป” การันต์ยกมือขึ้นขยับแว่น
มายมิ้นท์พยักหน้าตอบรับ “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ถ้าเขาตื่นเมื่อไหร่แล้วฉันจะติดต่อเข้าไปนะคะ”
หลังจากจบการสนทนา ลาเต้ก็กัดมะม่วงเข้าไปคำหนึ่งเอ่ยถามว่า “การันต์โทรหาคุณเรื่องอะไร?”
“เขาบอกกับฉันว่ากองทุนการกุศลทางการแพทย์ของลำดวนยื่นไปเรียบร้อยแล้ว”
มายมิ้นท์โยนโทรศัพท์ไปไว้ข้างกาย
ลาเต้เบ้ริมฝีปาก “ที่รักครับ ผมไม่เข้าใจจริงเชียวว่าคุณคิดอะไรกันอยู่ ลำดวนช่วยรับโทษแทนคนร้ายที่ทำร้ายคุณ แต่คุณกลับยังช่วยเธอยื่นขอกองทุนการกุศลทางการแพทย์ให้เธอ ถ้าเป็นผม ผมคงจะไม่สนใจแล้ว”
มายมิ้นท์นวดไปที่ขมับแล้วยิ้มขึ้นเบาๆ ว่า “การที่ลำดวนรับผิดแทนคนร้ายนั้นเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่เด็กไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยนี่คะ เห็นได้ชัดว่าเจินเจินไม่ได้จะให้เงินจริงๆ หากเด็กคนนั้นไม่ได้รับการผ่าตัดล่ะก็คงจะตายแน่ค่ะ ฉันไม่สามารถเห็นชีวิตหนึ่งชีวิตต้องจากไปต่อหน้าต่อตาได้ ถ้าช่วยได้ก็จะช่วยเถอะค่ะ อีกอย่างลำดวนก็ได้พูดเองว่ารอให้การผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอจะไปเป็นอาสาสมัครที่บ้านรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อชดใช้ความผิดที่รับผิดแทนคนร้าย”
ลาเต้ถอนหายใจออกมา “คุณช่างใจดีเหลือเกิน แต่บางครั้งการใจดีมีเมตตาก็ไม่ใช่เรื่องดีนะครับ”
“ฉันรู้ค่ะ วางใจเถอะ ฉันรู้ขีดจำกัดดี” มายมิ้นท์ตบไปที่บ่าของเขาเป็นความหมายว่าให้เขาวางใจ
“ช่างเถอะครับ ในเมื่อคุณพูดแบบนี้แล้วผมจะทำอย่างไรได้อีก? ต่อจากนี้คงทำได้เพียงคอยดูแลคุณ และเอาใจใส่ปกป้องคุณมากขึ้นเท่านั้น”
จากนั้นลาเต้ก็คลำไปที่ท้องของตน เปลี่ยนหัวข้อสนทนาว่า “พูดไปพูดมาผมก็เริ่มหิวแล้วสิครับเนี่ย ที่รัก ผมอยู่ทานข้าวเย็นต่อได้ไหม?”
“ได้สิคะ” มายมิ้นท์เห็นด้วย
ป้าทิพย์มองดูเวลาแล้วพูดว่า “ได้เวลาทำอาหารเย็นพอดีเลยค่ะ คุณมายมิ้นท์คะ ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวเข้าไปทำอาหารที่ในครัวก่อนนะคะ”
“ค่ะ” มายมิ้นท์พยักหน้า
ฝีมือการทำอาหารของป้าทิพย์ค่อนข้างยอดเยี่ยม ดูจากขนมเมื่อตอนบ่ายก็พอจะรู้
ลาเต้กินข้าวเสียจนพุงกางก่อนที่จะเดินทางจากไป ซึ่งตอนนี้ในใจเขารู้สึกอิ่มเอมเป็นที่สุด
แม้แต่มายมิ้นท์เอง เธอก็ทานอาหารมากกว่าปกติถึงครึ่งชาม ตอนนี้กำลังนั่งพักอยู่บนโซฟาเนื่องจากกินมากจนเกินไป จากนั้นป้าทิพย์จึงได้พาเธอไปอาบน้ำและกลับห้องนอนพักผ่อน
ป้าทิพย์ปิดไฟให้กับเธอแล้วเดินออกจากห้องนอนเบาๆ
หลังจากปิดประตูห้องแล้ว ป้าทิพย์ก็ได้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วต่อสายไปที่เปปเปอร์ “คุณชายใหญ่คะ”
เปปเปอร์ตอบรับในลำคอเบาๆ “ป้าทิพย์ มายมิ้นท์หลับแล้วเหรอครับ?”
ถ้าเธอยังไม่นอน ป้าทิพย์น่าจะไม่กล้าโทรหาเขา
ไม่อย่างนั้นความลับก็คงแตก
ป้าทิพย์ตอบรับว่า “ใช่ค่ะ คุณมายมิ้นท์เพิ่งจะหลับเมื่อครู่”
ต่อจากนั้น หล่อนก็ได้เล่าให้ฟังถึงทุกเรื่องราวที่ได้รับใช้คุณมายมิ้นท์ในวันนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน
เปปเปอร์ได้ยินว่าลาเต้อยู่กินอาหารค่ำที่คอนโดพราวฟ้า สีหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที “ขอบคุณครับ เธอไม่สงสัยว่าคุณเป็นใครก็ดีแล้ว ช่วยดูแลเธอดีๆ ด้วย มีอะไรให้ติดต่อผมได้ทันที”
“วางใจเถอะค่ะคุณชายใหญ่” ป้าทิพย์ตอบ
เปปเปอร์ได้ยินน้ำเสียงของผู้ช่วยเหมันตร์ที่เดินมาด้านข้าง ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดกับคนในสายโทรศัพท์ว่า “ถ้าไม่มีอะไรผมขอวางสายก่อนครับ”
เมื่อพูดจบเขาก็วางสายโทรศัพท์แล้วเดินตรงเข้าไปถามว่า “มีเรื่องอะไร?”