บทที่ 521: ใจกว้างอย่างบ้าคลั่ง

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

“สำหรับผู้ที่ต้องการที่จะเป็นผู้ฝึกวิชาคู่ เนื่องมาจากความไม่สมดุลระหว่างจำนวนของทั้งสองเพศ สิ่งต่างๆจึงมีความซับซ้อนค่อนข้างมาก ดังนั้นข้าจักจัดการพวกเจ้าในภายหลัง” ซูหยางกล่าวก่อนที่จะหันไปมองดูศิษย์แปดร้อยคนที่ปรารถนาที่จะฝึกวิชาตามปกติ

 

“พวกเจ้าทุกคนยืนเข้าแถวตอนเรียงเดี่ยวและมาหาข้าทีละคน ข้าจักให้ระดับแก่พวกเจ้าในตอนนี้ ซึ่งก็จักตัดสินจากพรสวรรค์และพลังการฝึกปรือของเจ้าในปัจจุบัน”

 

บรรดาศิษย์ทั้ง 800 คนรีบยืนเข้าแถวตอนเรียงหนึ่งตรงหน้าเขา

 

ครั้นเมื่อศิษยแต่ละคนเข้าไปหาเขา ซูหยางก็ยื่นส่งตราที่บ่งบอกถึงระดับความเป็นศิษย์ของพวกเขา

 

ตรามีทั้งหมดห้าสี ขาว เขียว แดง ดำ และทอง

 

ศิษย์นอกจะได้รับตราสีขาว ในขณะที่ศิษย์ในก็จะได้รับตราสีเขียว ส่วนสำหรับตราสีแดงและสีดำนั้นก็จะถูกยกให้กับศิษย์หลักและผู้อาวุโสนิกาย และสุดท้ายสำหรับตราสีทองมีเพียงศิษย์ดั้งเดิมเท่านั้นที่จะยอมให้ถือครอง

 

ครึ่งชั่วโมงให้หลัง ครั้นเมื่อศิษย์ทุกคนได้รับระดับความเป็นศิษย์ของตนเองแล้ว ซูหยางก็กล่าวกับพวกเขาว่า “ตอนนี้เมื่อพวกเจ้าได้รับระดับแล้ว ข้าก็จักพูดเกี่ยวกับเบี้ยเลี้ยงของพวกเจ้า”

 

ศิษย์ทุกคนภายในสำนักปกติแล้วจะได้รับเบี้ยเลี้ยงในรูปของหินวิญญาณ และนี่เป็นวิธีปฏิบัติตามปกติของแทบทุกสำนักในโลกยกเว้นสำนักยากจนที่ไม่สามารถที่จะมอบหินวิญญาณให้กับศิษย์ของตนเองได้ หรือสำนักที่มีกฏเข้มงวดที่ปฏิเสธในการให้ท้ายศิษย์ บีบให้พวกเขาต้องหาทรัพยากรของตนเอง

 

“ศิษย์นอกจักได้รับหินวิญญาณ 100 ก้อนทุกเดือน…”

 

“อะไรนะ หินวิญญาณ 100 ก้อนรึ” ไม่เพียงแต่เหล่าศิษย์แต่กระทั่งโหลวหลานจีก็ยังจ้องมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง

 

หินวิญญาณหนึ่งร้อยก้อนสามารถเลี้ยงดูผู้ฝึกยุทธทั่วไปได้เป็นเวลาหลายเดือนหรือไม่ก็หลายปีถ้าพวกเขาใช้มันอย่างประหยัด และการให้ถึง 100 ก้อนหินวิญญาณแก่ศิษย์นอกนั้น ปกติแล้วถือว่าใจกว้างมากเกินไป หรือเรียกว่าบ้าคลั่งก็ได้ แม้แต่สำนักที่ร่ำรวยที่สุดในโลกนี้ก็ไม่กล้าที่จะคิดยื่นส่งหินวิญญาณมากมายเช่นนั้นให้กับศิษย์นอก

 

หลังจากที่ให้ระดับแต่ศิษย์ใหม่แล้ว ก็จะมีศิษย์นอกมากกว่า 700 คนตอนนี้ในนิกาย ซึ่งหมายความว่ามีความต้องการที่จะจ่ายให้กับพวกเขามากกว่า 70,000 ก้อนหินวิญญาณในทุกเดือนเฉพาะศิษย์นอกอย่างเดียว ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังจะมีศิษย์นอกมากกว่านี้ในอนาคต จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขามีศิษย์นอกมากถึง 10,000 คน ซึ่งปกติแล้วไม่มีทางที่พวกเขาสามารถใช้เงินหนึ่งล้านก้อนหินวิญญาณต่อเดือนเพียงเพื่อศิษย์นอก และงบประมาณนี้ยังไม่ได้รวมไปถึงศิษย์ใน อย่าว่าแต่ศิษย์หลัก และสิ่งอื่นๆอีก

 

“ซ-ซูหยาง… 100 ก้อนหินวิญญาณรึ… ข้ามิต้องการที่จะสงสัยการตัดสินใจของเจ้า แต่เจ้ามิคิดว่าเจ้าค่อนข้างจะใจกว้างเกินไป “เล็กน้อย” หรือไม่ ในอดีตกระทั่งศิษย์ในก็ยังได้รับน้อยกว่า 10 ก้อนหินวิญญาณต่อเดือน…” โหลวหลานจีกล่าวกับเขาพร้อมกับหลังที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ “และถึงแม้ว่าพวกเราสามารถที่จะให้พวกเขา 100 ก้อนหินวิญญาณต่อเดือน พวกเขาก็มิมีเวลามากมายที่จะฝึกฝนโดยใช้หินวิญญาณมากมายปานนั้น”

 

ซูหยางเข้าใจว่าทำไมโหลวหลานจีจึงลังเลที่จะให้หินวิญญาณแก่เหล่าศิษย์เหล่านี้เป็นจำนวนมาก ในเมื่อหินวิญญาณ 100 ก้อนนั้นจริงๆแล้วถือว่าเป็นเงินและทรัพยากรจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากว่าพวกเขาต้องใช้กับเพียงแค่ศิษย์นอก ซึ่งปกติแล้วจะเห็นเป็นศิษย์ที่ต่ำต้อยซึ่งมีเจตนาในการเพิ่มจำนวนประชากรให้แก่นิกายเท่านั้น อย่างไรก็ตามถ้าพวกเขาดูศิษย์นอกเหล่านี้ราวกับว่าพวกเขามีพรสวรรค์เช่นเดียวกับศิษย์หลักจากสำนักอื่น พวกเขาอาจจะไม่ลังเลที่จะจ่ายเงินจำนวนมากอีกต่อไป

 

“เจ้าควรหยุดมองพวกศิษย์เหล่านี้เพียงแค่ “ศิษย์นอก” ซูหยางกล่าวกับเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

“เป็นความจริงที่มันอาจจะดูเหมือนบุ่มบ่ามที่ให้ทรัพยากรจำนวนมากตั้งแต่ต้น แต่ถ้าเจ้าถือว่าพวกเขาจะเป็นอะไรในอนาคต ก็จะเห็นว่ามันคุ้มค่าในการลงทุน แม้ว่านั่นจะแพงไปอยู่บ้าง”

 

“ศิษย์เหล่านี้ที่นี่มิใช่ “ศิษย์นอก” ธรรมดาของเจ้า พวกเขาล้วนเป็นอัจฉริยะที่ถูกคัดเลือกมาจากคนนับแสนนับล้าน แม้ว่าพวกเขาอาจจะดูเหมือนมิมีความสำคัญในตอนนี้ พวกเขาล้วนมีศักยภาพที่จะเหนือล้ำยิ่งกว่ากระทั่งศิษย์หลักจากสำนักอื่น”

 

“ถึงแม้ว่าข้าจักเข้าใจเจตนาของเจ้า… แต่ว่าทรัพยากรของพวกเรามิได้มีไม่จำกัด…” โหลวหลานจีถอนหายใจ

 

พวกเขาอาจจะร่ำรวยในตอนนี้ แต่พวกเขาได้ใช้หินวิญญาณหลายล้านก้อนไปเรียบร้อยแล้วในการขยายและปรับปรุงนิกายให้เป็นสถานที่ที่ดีกว่าเดิม เปรียบเทียบกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก่อนหน้านี้ นิกายในปัจจุบันนี้อย่างน้อยมีขนาดใหญ่กว่าสองเท่า และกระทั่งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและที่พักอาศัยของพวกเขาก็ได้รับการปรับปรุง อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะมีการขยายตัวพวกเขาก็ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเขาจำเป็นที่จะต้องซ่อมแซมหรือซื้อเข้านิกายในอนาคต

 

ถ้าพวกเขายังคงใช้เงินอย่างไม่ระมัดระวัง ทรัพยากรของพวกเขาก็จะหมดไปก่อนที่พวกเขาจะทันได้รู้ตัว

 

“เจ้ากำลังกังวลเกี่ยวกับทุนของเรารึ หรือว่าเจ้ายังมิได้ไปดูในคลังเมื่อเร็วๆนี้” ซูหยางถามเธอด้วยเสียงเรียบเฉย

 

“ข้าตรวจสอบครั้งสุดท้ายเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อนเมื่อตอนที่ข้าได้จ่ายเงินขยายและปรับปรุงสำนัก แต่ข้ายังมิได้ไปที่นั่นนับตั้งแต่ตอนนั้น…” โหลหวลานจีส่ายหน้า

 

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ควรที่จะไปดูเสียในตอนนี้” เขากล่าวด้วยรอยยิ้มลึกลับ “ข้าจักรอเจ้ากลับมาก่อนที่พวกเราจะพูดต่อ”

 

โหลวหลานจีพยักหน้าก่อนที่จะรีบไปที่คลัง

 

สองสามนาทีให้หลัง เธอก็ไปถึงคลังมุกพิสุทธิ์ ซึ่งยังคงปกป้องด้วยผู้อาวุโสจ้าว

 

“ท่านผู้นำนิกาย อะไรชักนำท่านมาที่นี่ในวันนี้” ผู้อาวุโสจ้าวทักทายเธอ

 

“ซูหยางบอกให้ข้ามาตรวจสอบคลัง ท่านรู้ไหมว่าทำไม” เธอถามเขา

 

“คลังรึ ข้ามิมั่นใจ เขาแสดงตัวที่นี่ครั้งหนึ่งก่อนการทดสอบศิษย์เพื่อที่จะเอาอะไรบางอย่างไว้ข้างใน แต่เขาบอกข้าว่าอย่าเพิ่งดูว่าเป็นอะไรในช่วงเวลานี้ ดังนั้นข้าจึงมิรู้ว่าเขาใส่อะไรไว้ข้างใน” เขาตอบ

 

“เปิดดู ข้าต้องการดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน”

 

สองสามอึดใจให้หลัง พวกเขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าห้องสมบัติที่มีค่ายกลทรงพลังปกป้องมันอยู่