ตอนที่ 772 มะเขือเทศ
”ใช่ฉันสามารถสสารออกมาจากร่างของหนู…”
ฮูเหมิงฮาวอธิบายภาพรวมชูฮันหูอื้อไม่ได้ยินอะไรสักอย่างเพราะมันยาวเหยียดจนเหนื่อยจะฟัง แต่ใจความก็คือฮูเหมิงฮาวดึงสสารออกมาจากร่างกายของหนู ซึ่งมันสามารถทำเป็นเจลไปแปะบนหน้าจอสัมผัสที่ประตูเพื่อปลดล็อคให้ประตูเปิดออกได้
”ถ้านายทำได้ก็รีบเข้า” ชูฮันเร่งเพื่อดึงสติฮูเหมิงฮาว จากนั้นก็แสร้งทำเป็นล้วงกระเป๋ากางเกงและหยิบบิสกิตไม่กี่ชิ้นในประตูมิติออกมา “ฉันเหลืออาหารแค่เท่านี้ มันน่าจะพอประทังความหิวของนายได้ไปอีกสักสามวัน ฉันจะรีบหาทางล่อซาวชุนฮุยให้มาที่นี่ได้เร็วที่สุด”
”นาย?”ฮูเหมิงฮาวค่อนข้างแปลกใจ “แล้วนายจะทำยังไง?”
”ไม่ต้องสนใจฉันเชื่อฉันก็พอ แล้วฉันกฌจะให้รหัสลับกับนาย” ชูฮันยกมือขึ้นแตะปลายจมูก พูดด้วยท่าทางสบายๆ “ถ้าหลังจากนี้นายได้ยินรหัสลับนี้ หมายความว่าคนพวกนั้นคือคนของฉันเอง นายสามารถเชื่อใจพวกเขาได้ นี่เป็นหนทางที่ง่ายที่สุดสำหรับฉันในการส่งคนมาช่วยนาย”
ทันใดนั้นฮูเหมิงฮาวก็เกิดความสงสัยขึ้น”ง่ายขนาดนั้น? รหัสลับคือโค้ดลับที่ต้องถอดรหัสใช่มั้ย?”
ชูฮันรู้สึกเหมือนตกลงมาจากที่สูง10,000 ฟุต รู้สึกมึนหัวเหมือนโดนทุบ “ไม่ใช่อย่างที่นายคิด นายแค่พูดรหัสลับตามที่ฉันบอก ถ้าอีกฝ่ายพูดประโยคที่เป็นรหัสส่งกลับมา แสดงว่าคนพวกนั้นคือคนของฉัน นายไม่จำเป็นต้องถอดรหัสลับจากคำพูดอะไรทั้งนั้น”
”โอเค”ฮูเหมิงฮาวจ้องตาชูฮัน รอคอยฟังประโยคถัดมา
”รหัสลับของฉันมันง่ายมาก”ชูฮันยิ้มมุมปาก “คำถาม: ทำไมท้องฟ้าของโลกาวินาศถึงเป็นสีเลือด?”
อีกครั้งที่ฮูเหมิงฮาวเข้าสู่สภาพหุ่นยนต์เขากำลังจะตอบในฐานะนักวิทยาศาสตร์ “ฉันได้ทำการวิจัยเรื่องนี้แล้ว มันเกิดจากโมเลกุลในอากาศ…”
”นายหุบปากซะ!” ชูฮันทนไม่ไหวจนต้องตะคอกใส่ฮูเหมิงฮาวอย่างดัง “คำตอบ: มะเขือเทศ เพราะฉันมีมะเขือเทศ”
”ทำไมท้องฟ้าในโลกาวินาศถึงเป็นสีเลือด?มะเขือเทศ เพราะฉันมีมะเขือเทศ?” ฮูเหมิงฮาวดูเหมือนจะงุนงงและตื่นเต้นกับคำถามและคำตอบที่ได้ยินจากชูฮัน สมองของเขารีบประมวลอย่างรวดเร็ว เป็นเวลาพักหนึ่งก่อนที่ฮูเหมิงฮาวจะเปิดปากขึ้นพูด “ไม่ถูกต้อง! มันไม่มีคำตอบอะไรแบบนี้ เพราะงั้นแล้วนอกเหนือจากคนของนายก็ไม่มีใครสามารถตอบคำถามแบบนี้ได้ ชูฮัน นายฉลาดมาก!”
หน้าของชูฮันพลันมืดครึ้มทันทีเขาปวดหัวหนึบ นี่ไอ้ผู้ชายคนนี้มันไม่รู้เรื่องธรรมดาแบบนี้ได้ยังไง?
”เสร็จรึยัง?”ชูฮันที่ไม่อยากจะทรมานอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้วอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากเร่ง
”ไม่มีปัญหา”ฮูเหมิงฮาวที่ในมือถือเจลสีใสพร้อมปั๊มรอยนิ้วมือหัวแม่โป้งของตัวเองไว้ ตัวเจลเมื่อแห้งก็กลายเป็นบางอย่างที่เหมือนซิลิโคน
ชูฮันรับซิลิโคนที่มีลายนิ้มมือหัวแม่โป้งของฮูเหมิงฮาวมาและจากไปทันทีโดยไม่แม้แต่จะหันหลับงกลับมาเขาไม่อยากจะพูดกับฮูเหมิงฮาวอีกแม้แต่คำเดียว ทิ้งฮูเหมิงฮาวทิ้งไว้ให้มองตามและอิจฉาชูฮันที่ปีนไต่เชือกขึ้นไปด้านบน
”ฉันอิจฉาคนที่มีขาสองข้าง…”
————–
ชูฮันที่รีบปีนขึ้นมาด้านบนในที่สุดก็สามารถสงบอารมณ์ลงได้แล้วเขาอดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลงไปดูด้านล่าง ท่ามกลางความมืดและความชื้นของความมืด หนึ่งในอัจฉริยะอันดับต้นของจีนสามารถมีชีวิตรอดมาได้นานขนาดนี้
จากนั้นชูฮันก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วโดยไม่หยุดพักเลยแม้แต่ครั้งเดียวจนมาถีงประตูและใช้ของที่ได้มาจากฮูเหมิงฮาวแปะลงตรงหน้าจอ
แอ๊ด!ปึก!
เสียงระบบทำงานและประตูที่เด้งเปิดออกชูฮันยิ้มออกมาทันทีและก้าวเท้าข้ามผ่านประตูออกไป
ที่นี่คือสถาบันวิจัยแห่งค่ายหนานตู้แต่อุโมงค์ใต้ดินด้านล่างถูกซาวชุนฮุยซ่อนเอาไว้อีกที ตอนนี้ที่ชั้นนี้ว่างเปล่าไม่มีใครแล้ว แสดงว่าเหอซางคงจากไปแล้วตามแผนของชูฮัน และตอนนี้มันก็มีห้องเปล่าๆมากกว่าร้อยห้อง รวมถึงงานวิจัยมากมายที่ถูกวิจัยไว้แค่ครึ่งทาง
”พรึบ~”
น้ำมันเบนซินเต็มขวดหลายขวดถูกนำออกจากประตูมิติชูฮันไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะสาดมันใส่ห้องว่างแต่ละห้อง พร้อมแสยะยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ—–
”ชั้วะ!”
ไฟถูกจุดขึ้นทันทีทั่วทั้งชั้นของสถาบันวิจัย!
โดยที่ไม่มีใครรับรู้เพราะจู่ๆไฟก็ลุกลามไปทั่วฉับพลันเกินกว่าจะดับได้ทัน
ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดสนิททุกคนที่กำลังหลับกันอยู่สะดุ้งตื่นกันขึ้นมาด้วยความวิตก เสียงโหวกเหวกโวยวายที่ดังลั่นไปทั่งทั้งค่ายเพราะความตระหนกของผู้คน
สถาบันวิจัยไฟไหม้อีกทั้งไฟมันยังโหมรุนแรงเกินกว่าที่แม้แต่วิวัฒนาการจะฝ่าเข้าไปได้ ไฟลุกลามไปอย่างรวดเร็วและไม่สามารถใช้น้ำดับลงได้ทัน!
หลังจากเรียบร้อยชูฮันก็ไม่ได้มีท่าทีรีบเร่ง โดยไม่สนใจว่าฉางกวนหลงจะเจออุโมงค์ใต้สถาบันวิจัยหรือไม่ ชูฮันไม่สามารถควบคุมเรื่องนี้ได้ มันไม่ใช่ความลับของเขาที่ต้องปกปิด แต่ถ้าฉางกวนหลงพบเข้า มันก็เป็นเรื่องดีเพราะฮูเหมิงฮาวจะได้ไม่ต้องอดตายไปซะก่อน
ส่วนซาวชุนฮุยนั้นชูฮันคิดว่าอีกฝ่ายคงรีบโผล่มาแทบไม่ทัน
ตอนที่ชูฮันลอบหนีออกไปจากสถาบันวิจัยนั้นท้องฟ้ายังไม่ทันสว่าง ข่าวเรื่องสถาบันไฟไหม้ก็ลามไปทั่วทั้งค่ายหนานตู้แล้ว ข่าวมันแพร่กระจายไปรวดเร็วมาก
”ไฟมันไหม้ลามไปเร็วมาก!”
”แล้วอยู่ๆไฟไหม้ได้ยังไง?จบแล้ว สถานที่ที่ล้ำค่าที่สุดของค่ายหนานตู้!”
ความตื่นตระหนกกระจายไปทั่วทั้งค่ายหนานตู้กลุ่มควันหนาดำโขมงที่ลอยหนาขึ้นอากาศเด่นชัดจนสามารถมองเห็นได้จากทุกที่
ฉางกวนหลงที่หลังจากอยู่ดึกเพื่อปรึกษาหารือกับราชานักล่าฟานเจี้ยนและในที่สุดพอได้นอนหลับอย่างสบายใจไปได้เพียงแค่สองชั่วโมงเท่านั้น ก็ต้องถูกปลุกกลางดึกมารับรู้ข่าวที่ทำให้หัวใจของฉางกวนหลงแทบวายด้วยความช็อค
”มันเกิดขึ้นได้ยังไง?”ฉางกวนหลงที่พึ่งมาถึงจุดเกิดเหตุถามออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
”ท่านพลเอก?”มู๋หรงยู่เฉิงรีบวิ่งตามเข้ามา เขาเองไม่ได้นอนมาเป็นเวลาหลายวันติดต่อกันแล้ว เส้นเลือดขึ้นตาจนแดงก่ำอย่างน่าสงสาร
”ตรวจสอบซะ!”ฉางกวนหลงที่อารมณ์เดือดจัดออกคำสั่งทันที
มู๋หรงยู่เฉิงที่ยังคงช็อคอยู่หูของเขาได้ยินคำสั่งของฉางกวนหลงหากสมองกลับไม่สามารถประมวลผลได้ทัน “ให้ผมเริ่มที่ไหนดีครับ?”
”มันเป็นฝีมือคนนอก!”ฉางกวนหลงกัดฟันพูดด้วยความแค้นใจ “สถาบันวิจัยเป็นไปด้วยดีมาตลอดไม่เคยมีปัญหา แต่วันนี้วันที่มีคนนอกมากมายเดินทางมา จู่ๆมันก็เกิดไฟไหม้? ฉันคิดว่ามีคนมุ่งร้ายต่อเราโดยสวมหน้าเป็นมิตร!”
มองไปที่เฟลวไฟที่ยังคงลุกไหม้ต่อหน้าฉางกวนหลงก็ยิ่งคลั่งจนแทบจะเป็นบ้า อุณหภูมิโดยรอบพุ่งขึ้นสูงจนร้อนหากมันยังร้อนไม่เท่ากับอารมณ์ของฉางกวนหลงในตอนนี้ ฉางกวนหลงมั่นใจว่าไฟไหม้ครั้งนี้มันเป็นเรื่องตั้งใจ มีคนจงใจทำให้ไฟไหม้
มู๋หรงยู่เฉิงหัวหมุนเงยหน้าขึ้นสบตากับฉางกวนหลงที่เป็นคนพูด “ท่านพลเอกครับ? แต่แขกทั้งหลายส่วนใหญ่ไม่ได้มีอำนาจกันน้อยๆเลย ผมไม่สามารถแตะต้องพวกเขาได้ ผมกลัวว่าถ้าผมไปตรวจสอบพวกเขา…”
แววตาของฉางกวนหลงแข็งกร้าวมีเปลวไฟลุกโชน “ค่ายของเราเป็นค่ายหลักและเป็นค่ายใหญ่อันดับต้นของจีน เรียกรวมแขกทั้งหมดเดี๋ยวนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน ฉันจะไล่ถามคนพวกนั้นต่อหน้าเองทีละคน!”